spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 221: สกิลผูกมัด
ในยุคนี้ ความรู้นั้นแพงที่สุดซึ่งทำให้เกิดการส่งต่อความรู้ลึกลับไปสู่คนต่อคนและทำให้เกิดห้องสมุดส่วนตัว มีคำพูดก่อนภัยพิบัติบอกว่ามีห้องสมุดขนาดใหญ่ในเมืองและเขตต่างๆ ห้องสมุดเหล่านั้นมักจะมีหนังสือเป็นหมื่นๆแสนๆเล่มรึแม้แต่ล้านเล่ม ตอนนั้นคนจะได้ความรู้ได้เพียงแค่ใช้เงินเพียงน้อยนิดรึไม่ก็ไม่ต้องใช้เงินเลยแต่ในยุคนี้ฉากแบบนั้นน่ะไม่อาจที่จะจินตนาการได้ด้วยซ้ำ
เท่าที่ จางเทีย รู้ มันไม่มีห้องสมุดแบบนั้นในพันธมิตร แม้แต่ในสมาคมแบล็คฮ็อตก็ตาม ในยุคนี้ห้องสมุดทุกอย่างล้วนแต่เป็นของส่วนตัว หนังสือทุกเล่มนั้นถือเป็นสมบัติของตัวบุคคลที่มีค่าอย่างมาก เพื่อจัดการห้องสมุดส่วนตัวนั้นก็เหมือนกับการจัดการร้านเพราะมันจะทำกำไรมาให้พวกเขา
มีห้องสมุดส่วนตัวในเมืองแบล็คฮ็อต พวกมันล้วนแต่เป็นของพวกสมาคมเหมือง แม้ว่า จางเทีย จะอยู่ในเมืองแบล็คฮ็อตมาหลายสิบปีแต่เขาก็ไม่เคยเข้าไปที่นั่นเลยสักครั้ง ในตอนที่เขามีเวลาไปที่นั่น เขาก็ไม่มีเงินพอซึ่งเมื่อเขามีเงิน เขาก็ไม่มีเวลาที่จะไป
สำหรับ จางเทีย แล้วตำแหน่งของหัวหน้าแผนกอุปกรณ์ทีม 9 นี้แทบจะไม่ต้องสนใจเลย หลังจากที่เห็นความหวังใน Fruit of Redemption เขาก็ออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า เขามีคำถามและความคิดมากมายในหัวซึ่งทุกอย่างล้วนแต่ต้องแก้ปัญหาได้จากความรู้
ถ้านี่เป็นเมืองแบล็คฮ็อตและชายที่ชื่อ ดอนเดอร์ ยังคงอยูที่นั่น จางเทีย น่ะจะต้องไปถามไอ้อ้วนเกี่ยวกับคำถามทั้งหมดแต่ในบาปีนี้เขารู้ว่าไม่มีใครจะตอบปัญหารึให้ความกระจ่างเขาได้
สิ่งที่สามารถแก้ปัญหาและให้ความกระจ่างเขาได้นั้นมีแค่ความรู้ ถ้าเขาต้องการที่จะได้รับมัน วิธีง่ายที่สุดคือเข้าห้องสมุด ยังไงซะเขาก็มีเวลามากพอแล้วตอนนี้ ก็เหมือนกับที่พูดมาก่อนเกิดภัยพิบัติ เขาน่ะกำลังจะ ‘ เปลี่ยนตัวเอง ‘
แม้ว่าเขาจะยังฟื้นตัวไม่ดีพอแต่ Fruit of Brilliance ที่สุกแล้วและ Fruit of Judgment ที่ยังไม่สุกก็ทำให้ จางเทีย คึกขึ้นมา เขาดูกระปรี้กระเปร่าราวกับว่าในที่สุดเขาก็รู้สึกว่าเขาไม่ได้อ่อนแออีกต่อไป ผลของการผูกมัดนั้นได้บอกว่า จางเทีย สามารถปกป้องตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งมือตัวเอง
หลังจากที่ใส่เสื้อผ้าและล้างหน้าแปรงฟันแล้ว จางเทีย ก็อออกจากห้อง ตอนนั้นเขาได้ใช้พลังวิญญาณเพื่อแสดงสกิลผูกมัดในใจเขา
สกิลผูกมัดของเทพ !
ระดับ – ขั้นต้น
ตัวเลขตอนนี้/จำนวนมากสุดของโซ่ผูกมัด – 2/18
ระยะโจมตี – 17 นิ้ว
ผลการโจมตี - การโจมตีทางวิญญาณ สามารถตัดขาดประสาทกับสมองคูต่อสู้ได้ชั่วคราว การโจมตีเพียงครั้งเดียวจะทำให้คู่ต่อสู้แข็งทื่อและไม่สามารถที่จะขยับได้
เป้าหมาย – นักสู้ระดับ 7 และต่ำกว่าที่ซึ่งมีโครงสร้างสมองเดียวกับเจ้าของปราสาท
การโจมตีที่เหมาะที่สุดของโซ่ระดับขั้นต้นนั้นคำนวณตามนี้ : พลังวิญญาณที่ใช้โจมตีของเจ้าของหารกับพลังต้านทานวิญญาณของคู่ต่อสู้ หลังจากนั้นก็คูณด้วย 10 วินาที นี่คือเวลาที่เหลือสำหรับการโจมตีของโซ่
ตัวเลขสูงสุดจากการซ้อนทับของโซ่ผูกมัดที่จะเกิดขึ้นได้จากการโดนคนอื่นโจมตีคือ 3
นี่คือคุณสมบัติของสกิลผูกมัดหลังจากที่รูนได้สร้างโซ่ผูกมัดขึ้นมา สกิลนี้ดูเหมือนจะอัพเกรดได้
หลังจากที่ จางเทีย ใช้พลังวิญญาณจนเกือบหมดเมื่อคืนนี้ รูนได้สร้างโซ่ขึ้นมาสองอัน ตอนนี้โซ่สองอันกำลังสะบัดไปมารอบๆกับรูนคล้ายกับงูสองตัวในสมองของเขา
จางเทีย คิดจะใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อสร้างโซ่ทั้ง 18 ในอีกไม่กี่วัน รูนนี้เหมือนกับโรงงาน ตราบใดที่ จางเทีย ใช้พลังวิญญาณเข้าไป มันก็จะเปลี่ยนพลังวิญญาณให้กลายเป็นโซ่ เขาประมาณว่าระยะ 17 นิ้วนี้น่าจะเท่ากับ 7-8 ม. บอกได้ว่าอย่างน้อยๆเป้าหมายของโซ่เหล่านี้ก็น่าจะมีโครงสร้างสมองที่คล้ายกับเขา
สำหรับระยะเวลาโจมตีแล้ว หลังจากที่คิดสักพัก จางเทีย ก็ตัดสินได้ว่าถ้าเป้าหมายนั้นไม่ได้รับการอวยพรจากสกิลป้องกันวิญญาณใดๆรึไม่มีอุปกรณ์ที่คล้ายๆกัน ผลของการป้องกันทางวิญญาณนั้นจะเท่ากับ 0 ดังนั้นแล้วนี่คือวิธีคิดที่ง่ายที่สุดสำหรับพลังวิญญาณของ จางเทีย ที่หักกับของเป้าหมายและคูณด้วยสิบ
ถ้าพลังวิญญาณของ จางเทีย นั้นเป็นสองเท่าของเป้าหมาย เป้าหมายจะขยับไม่ได้นานกว่า 20 วินาทีหลังจากที่โดนโซ่นี้โจมตี พลังวิญญาณของ จางเทีย เป็น 3 เท่าของเป้าหมาย งั้นเป้าหมายก็จะขยับไม่ได้ 30 วินาที
สำหรับสกิลผูกมัดขั้นต้น ถ้าคู่ต่อสู้ของ จางเทีย มีพลังวิญญาณเท่ากันและยังไม่ถึงระดับ 8 หลังจากที่โดนโซ่สามอันโจมตีติดต่อกันแล้ว ชายคนนั้นจะขยับไม่ได้นานกว่าครึ่งนาที ในช่วงเวลานั้นแม้ว่าร่างกายของ จางเทีย จะอยู่ในสภาพที่แย่แต่เขาก็ยังพอฆ่าอีกฝ่ายได้ด้วยมีด
ในทางกลับกันถ้าเขาเจอคนธรรมดาที่มีพลังวิญญาณพอๆกับเขาตอนที่อยู่โรงเรียน ด้วยโซ่เพียงเส้นเดียวก็สามารถกักตัวไว้ได้ถึง 9-10 นาที แม้ว่าเป้าหายจะเป็น ฮัค รึ สเนซ หลังจากที่โดนโซ่พวกนี้โจมตีแล้ว พวกมันไม่น่าจะขยับได้กว่า 3 นาที
สำหรับการป้องกันทางวิญญาณแล้ว มันต้องเป็นความรู้ลึกลับที่ จางเทีย ไม่เคยได้ยินมาก่อน
ในตอนที่ จางเทีย ต้องการจะใช้สกิลผูกมัด เมื่อเขามองไปที่ใครสักคน เขาจะสามารถที่จะทำการโจมตีในระยะไกลได้ในรูปแบบที่เขาเองก็ไม่อาจที่จะเข้าใจมันได้ เพราะสภาพร่างกายของเขาตอนนี้ สกิลนี้จึงถือว่าเป็นอาวุธลับ
แม้ว่าสกิลนี้จะทำงานกับคนที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 7 แต่ด้วยการที่เป็นสกิลที่มีระยะห่างนั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยมีแม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ก็ตาม อย่างน้อยสกิลนี้ก็ทำให้ จางเทีย ปกป้องตัวเองได้ในตอนที่เขาไม่อาจจะสู้กับใครได้เลยสักนิด
เขารู้สึกว่าตัวเอง ‘ กลับมามีประโยชน์ ‘ อีกครั้ง จางเทีย อารมณ์ค่อนข้างดีในวันนี้
ในตอนเช้าคนเช้าชั้นสามนั้นยังไม่กลับมาเพราะห้องยังคงปิดอยู่ ในตอนที่ จางเทีย ลงมาที่ชั้นสอง ชายวัย 20 ปีก็ได้เตรียมพร้อมที่จะออกจากบ้านไปทำงาน ส่วนเมียนั้นก็มาส่งเขาที่ประตูพร้อมกับดึงลูกเอาไว้ก่อนจะบอกลากัน
ตอนนั้นเองทั้งสองคนได้เห็น จางเทีย เดินลงมาจากด้านบน ทั้งคู่นั้นทึ่งเล็กน้อย พวกเขาไม่รู้เลยว่าเด็กที่เดินลงมานี้คือคนเดียวกับเจ้าหน้าที่เมื่อวาน แม้ว่าจะดูเด็กแต่เขาก็เป็นถึงร้อยโทขั้นแรกแล้ว
เมื่อเห็น จางเทีย เดินลงมา ผู้หญิงก็ได้ดึงลูกไปใกล้เธอกว่าเดิม
ในตอนเช้าเจ้าของบ้านกำลังรดน้ำดอกไม้อยู่ พวกเขาปลูกที่เขตด้านนอกบ้าน
“ สวัสดีตอนเช้า .. “ - จางเทีย ทักทายทั้งคู่
คุณกรีน ยกหมวกเขาขึ้นมาตอบกลับ
...
เขาออกจากบ้านคุณกรีนมา จางเทีย ได้ไปที่ถนนเส้นหนึ่ง หลังจากที่ผ่านถนนที่กว้าง 1 ม.ที่ปูไปด้วยก้อนกรวดหลายสิบเมตร จางเทีย ก็ได้มาถึงอเวนิว
ก็คล้ายกับที่เมืองแบล็คฮ็อต ในตอนที่ผู้คนไม่อาจใช้การขนส่งสาธารณะได้ คนทั่วไปส่วนมากเลยเลือกใช้รถม้าในการเดินทาง การขนส่งนี้ซึ่งให้ความสะดวกสำหรับคนในเขตเมืองซึ่งมันถือว่ามีชื่อเสียงไปทั่วสมาคมแบล็คฮ๊อต มันถูกเรียกว่าแท็กซี่ม้า
เมื่อเห็นม้าขับผ่าน จางเทีย ก็ได้รีบโบกมือไปที่คนขับก่อนจะกระโดดขึ้นไปนั่ง
“ ห้องสมุดส่วนตัวที่ดีที่สุดในเมืองอยู่ไหน ? “
“ มีแค่ห้องเดียวในเมืองนี้ ดังนั้นแล้วไม่ว่ายังไงมันก็คงดีที่สุด ! “
จางเทีย อึ้ง - “ ดี งั้นไปที่นั่น ! “
“ มันไม่ได้ถูกเลยนะ ! “ – คนขับ ขับรถม้าต่อไปพร้อมกับส่ายหน้า – “ ฉันละไม่เข้าใจว่าทำไมคนถึงชอบอ่านหนังสือ ไม่ใช่ว่าเบียร์กับผู้หญิงน่ะน่าสนใจกว่ากระดาษที่พูดรึกินไม่ได้หรอกเหรอ ? “
เมื่อได้ยินแบบนั้น จางเทีย ก็ไม่พูดอะไร นี่แหละคือความต่างของความต้องการของคน
...
หลังจากผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงในที่สุดเขาก็ได้มาถึงที่หมาย หลังจากที่รู้เกี่ยวกับฟังก์ชันของพลังวิญญาณแล้ว เขาก็ลองจำลองลูกคิด 13 แถวสองอันไว้ในหัวพร้อมกันแล้วใช้คิดเลข เขาฝึกคิดโดยทำวิธีการต่างกัน
มันยากที่จะบอกว่าเพราะพลังวิญญาณของเขาที่เพิ่มขึ้นมาอย่างมากแต่เมื่อเขาลองทำดู จางเทีย รู้สึกว่ามันราบลื่นกว่าเดิม ลูกคิดนั้นแยกออกจากกันชัดเจนกว่าเดิม อีกอย่างแล้วความผิดพลาดในการหลงลืมที่คิดทั้งสองกระบวนการนั้นก็ลดลง
“ ถึงแล้ว ที่นี่แหละห้องสมุดส่วนตัวที่ครอบครัวแกรนท์เปิดมาถึงห้ารุ่น ! “
แท็กซี่ม้าจอดอยู่ตรงหน้าสถานที่ที่ดูหรูหราว่าตึกสภาในเมือง
หลังจากที่จ่ายเงินไป 50 ทองแดง จางเทีย ก็โดดลงจากรถ ตาของเขามองไปที่ตึก 7 ชั้น จางเทีย สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
‘ ห้องสมุดส่วนตัวนี้ใหญ่เอามากๆ มันน่าจะมีหนังสือเยอะ ฉันหวังว่ามันคงไม่ทำให้ฉันผิดหวัง ‘
มันก็เหมือนกับโรงแรมหรู ห้องสมุดส่วนตัวนี่มีประตูที่โอ่อ่า ที่ข้างนอกมีบริกรสองคนยืนประจำที่ประตูและยังมียามหลายคนยืนอยู่ด้วย ทางเข้านี้ก็มีชื่อของห้องหนังสือ – ห้องหนังสือของแกรนท์
นี่เป็นชื่อที่ตั้งตามชื่อเจ้าของ
ชั้นแรกนั้นเป็นห้องโถงที่สง่างามซึ่งมีเขตที่พักหลายที่ ในห้องมีตู้ที่เหมือนกับล็อคเกอร์วางเรียงรายเป็นแถวๆ จางเทีย ไม่รู้ว่าพวกมันมีไว้ใช้ทำอะไร
ในตอนที่เขาเข้าประตูไป เขาก็พบอาหารมากมายวางไว้ในที่สะดุดตาที่สุดโดยมีไว้ให้บริการ ข้างๆพวกนั้นมีกระดานซึ่งบอกคำแนะนำและการใช้งานบรรณานุกรรม หลังจากที่ดูทั้งสองดีๆแล้ว จางเทีย ก็เข้าใจว่าตู้ที่วางไว้นั้นมีไว้ทำอะไร พวกมันมีรายชื่อหนังสือทุกอย่างในห้องสมุดและที่ที่เก็บมัน
หลังจากที่บ่นว่าตัวเองโง่ในใจ จางเทีย ก็ไปที่เขตบรรณานุกรมเพื่อมองหาหนังสือที่เขาต้องการจะอ่าน เวลาในการอ่านจะถูกคิดเงินแต่เวลาการดูรายชื่อน่ะฟรี
บรรณานุกรมในห้องสมุดนี้ก็ถูกจัดแบ่งมาไว้อย่างดี จางเทีย ใช้เวลาทั้งชั่วโมงในการค้นหา
หลังจากค้นหาอยู่สักพัก เขาก็เอากระดาษออกมาแล้วจดตัวเลขของหนังสือที่เขาสนใจและไปที่โต๊ะบริการ คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือชายวัยกว่า 60 ปี
หลังจากที่รับตัวเลขมาแล้ว ชายแก่ได้ก้มหน้าลงไปมองที่เคาเตอร์สักพัก จากนั้นก็เงยหน้ากลับขึ้นมา
“ หนังสือที่คุณเลือกน่ะใช้งานได้ นอกจากเล่มนั้นแล้วก็ยังมี ‘ การสำรวจมนุษย์ในยุคเหล็กดำ ’ , ‘ ตัวเลขของพระเจ้า ‘,’ ความลึกลับของตะวันออก ‘ และ ‘ น้ำรู้คำตอบ ‘ นี่คือหนังสือหายากในห้องสมุดของเราที่ซื้อมาจากเมืองก่อนเกิดภัยพิบัติ เพราะพวกมันถือว่าเป็นสาธารณะก่อนที่จะเกิดภัยพิบัติ พวกมันจึงอยู่ในเขตเผ่ามนุษย์ในชั้นที่สี่
“ ราคาของการอ่านในชั้นสี่คือ 2 ทองต่อวัน นอกจากหนังสือในชั้นสี่แล้ว คุณสามารถอ่านของชั้นสองและสามได้ ราคาในชั้นสามอยู่ที่ 60 เงินต่อวัน, ถ้าอยากอ่านในชั้นสาม คุณไม่สามารถอ่านหนังสือที่คุณเลือกที่ชั้นสี่ได้ในวันนี้ บอกได้มั้ยว่าคุณอยากจะอ่านชั้นไหน ? “ – ชายแก่พูดออกมาด้วย่ท่าทีสุภาพ
เมื่อได้ยินคำอธิบายนั้น จางเทีย ก็อยากจะด่าออกมา แม้ว่าเขาจะรวยกว่าแต่ก่อนมากแต่เขาไม่คิดเลยว่ามันจะราคาตั้งสองทองต่อวัน
‘ เหี้ย นี่น่ะเท่าเงินเดือนพ่อฉันสองเดือนเลย
เขาใช้เงินแค่ 2 ทองเพื่อเช่าบ้านทั้งปี แม้ว่า จางเทีย รู้ว่าราคาของการเข้าห้องสมุดส่วนตัวนั้นจะแพงอย่างมากแต่เขาไม่คิดเลยว่ามันจะแพงขนาดนี้
ในยุคนี้ราคาของความรู้น่ะเกินกว่าที่คนคิดได้ ด้วยเงิน 2 ทอง จางเทีย สามารถอ่านหนังสือได้แค่วันเดียวในห้องสมุดนี้แต่เวลาทำการของห้องสมุดคือ 9 โมงเช้าถึง 3 ทุ่มซึ่งหมายความว่าเขาสามารถอ่านมันได้เกือบ 12 ชม. ระหว่างตอนนั้นเขาห้ามคัดลอกรึถ่ายรูป เขาควรสวมถุงมือและต้องจ่ายค่าเสียหายตามสิ่งที่เขาทำพัง
‘ เหี้ย ! ‘ จางเทีย ได้แต่ด่าในใจ
จากนั้นเขาก็ได้หยิบเอาเงินออกมา หลังจากที่เซ็นสัญญาแล้ว เขาก็ได้ถูกพาขึ้นไปที่ชั้นสี่
จางเทีย ไม่เคยเห็นหนังสือเกี่ยวกับมนุษย์มาก่อน เขาเคยได้ยินมาว่าซากส่วนมากนั้นคือเมืองและเขตอื่นๆที่ซึ่งมีมนุษย์เคยอาศัยอยู่โดนทำลายโดนเศษซากของเทพแห่งดวงดาว พวกมันคือพื้นที่พิเศษและการคงอยู่ของมันได้นำพาเศษซากของเทพดวงดาวลงมา ผลก็คือของทุกอย่างถูกทำลายกลายเป็นซาก มันยังไม่เปลี่ยนแปลงไปแม้จะผ่านมาพันปีราวกับว่าภัยพิบัตินั้นเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้
ด้วยความฝันที่อยากจะรวยชั่วข้ามคืนหลังจากที่พบซากเหล่านั้น นักสำรวจจำนวนมากได้มุ่งหน้าไปที่นั่นทุกวันเพื่อทำการสำรวจที่ดินรกร้าง
เมื่อมองไปยังหนังสือบนชั้นวางในห้องที่มีพื้นที่กว่า 500 ตร.ม. จางเทีย ก็กัดฟันแน่นแล้วสาบานว่าจะอ่านให้ได้มากที่สุดให้คุ้มค่ากับเงินสองทองที่เสียไป