spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
บทที่ 360: ต้นสายฟ้าเมฆา การปรับแต่งร่างกายสีทอง
การท้าประลองร้อยครั้งของพื้นที่ส่วนปฐพีกลายเป็นการออกกำลังกายในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการของเจี้ยงเฉิน เขาชนะหนึ่งหรือสองครั้งต่อวันและเขาไม่เคยพยายามที่จะดำเนินการต่อ
ถึงกระนั้น ก็ไม่มีใครสามารถเอาชนะเขาได้จนถึงบัดนี้ ไม่มีใครทำได้เลย
พวกเขาทั้งหมดต้องยอมรับว่าในท้ายที่สุดอัจฉริยะสามัญคนนี้สมควรได้เลื่อนไปสู่พื้นที่ส่วนนภา ไม่ใช่พื้นที่ส่วนปฐพี
เจี้ยงเฉินไม่ได้ปล่อยให้เวลาสามเดือนสูญเปล่า เขาได้ฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งทุกวัน เป้าหมายของเขาคือการใช้เวลานี้ให้คุ้มค่าและวิ่งไปข้างหน้า ตัดผ่านให้ถึงอาณาจักรปราณจิตวิญญาณระดับที่ 5 ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ในพื้นที่ส่วนปฐพีมีผู้ฝึกฝนอาณาจักรปราณจิตวิญญาณระดับที่ 5 ไม่กี่คน
แต่เมื่อเขาก้าวเข้าสู่พื้นที่ส่วนนภา อันดับที่ต่ำที่สุดในหมู่พวกเขาจะอยู่ในอาณาจักรปราณจิตวิญญาณระดับที่ 5 จะมีผู้ฝึกฝนมากมายที่อยู่ในอาณาจักรปรานจิตวิญญาณระดับที่ 6
มีข่าวลือว่าจะมีอัจฉริยะระดับนภาในพื้นที่ส่วนนภาเช่นกัน
เจี้ยงเฉินรู้สึกว่าแม้ว่าเขาจะมีไพ่ตายอีกมาก แต่เขาก็ไม่มีความมั่นใจในการเผชิญหน้ากับอัจฉริยะในพื้นที่ส่วนนภา
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงผลักดันตัวเองให้หนักขึ้น เขารู้ดีว่าเมื่อเขามาถึงพื้นที่ส่วนนภา เขาจะไม่มีข้อได้เปรียบที่ชัดเจนเช่นเดียวกับที่เขาเคยมีในพื้นที่ส่วนปฐพีและพื้นที่ส่วนลึกลับ
พื้นที่ส่วนนภาเต็มไปด้วยสาวกชั้นนำของนิกายที่ได้รับการคัดเลือกอย่างพิถีพิถัน
"ดูเหมือนว่าข้าต้องฝึกหนักขึ้นเพื่อเอาชนะทุกรุ่นของนิกาย" เจี้ยงเฉินจำลองสิ่งต่าง ๆ อย่างรอบคอบและรู้สึกว่าเพื่อที่จะเอาชนะทุกคนในพื้นที่ส่วนนภา ระดับการฝึกฝนบ่มเพาะในปัจจุบันของเขายังไม่เพียงพอ
เขาได้ฝึกฝนขั้นตอนที่ 2 ของทักษะการเปลี่ยนแปลงเก้ารูปแบบของปีศาจและเทพเจ้า เมื่อเวลาผ่านไป เจี้ยงเฉินใช้พลังของธาตุโลหะเพื่อปรับแต่งเนื้อและเลือดของเขาทุกวัน
เขาจำอะไรบางอย่างได้ในวันนั้น
"ใช่แล้ว ข้าลืมต้นสายฟ้าเมฆาไปได้อย่างไรกัน?" เจี้ยงเฉินก็ระลึกถึงต้นสายฟ้าเมฆาและจักจั่นสายฟ้าเมฆาที่เขาได้มาจากภูเขาแม่เหล็กสีทองชั้นที่ 9
หากไม่รวมจักจั่นสายฟ้าเมฆา เขาก็ยังมีต้นสายฟ้าเมฆาที่นำมาใช้ประโยชน์ได้อีกมากมาย หนึ่งในนั้นคือการปรับแต่งร่างกายสีทอง
เจี้ยงเฉินได้รับสมบัติมากมายในช่วงการคัดเลือกรอบแรกจนเขาลืมเรื่องต้นสายฟ้าเมฆา
เขาตบต้นขาและถอนหายใจ "ข้าลืมสมบัติอันล้ำค่าอย่างต้นสายฟ้าเมฆาไปได้อย่างไรกัน ! ถ้าข้าปรับแต่งต้นไม้ ข้าจะสามารถใช้ร่างกายของตัวเองและใช้เพื่อปรับแต่งร่างกายให้อยู่ยงคงกระพัน เพิ่มด้วยผลลัพธ์ของทักษะการแปลงเปลี่ยนเก้ารูปแบบของปีศาจและเทพเจ้า มันจะประกันความสำเร็จของข้าถึง 2 เท่า! "
ข้าจะใช้ สมบัติทั้งหมด ชิ้น และมันต้องสำเร็จ เจี้ยงเฉินรู้สึกแรงบันดาลใจที่ไม่มีที่สิ้นสุดในขณะนั้น
เขาทำตามความคิดของเขาและเขาก็เรียกสติของตัวเองขึ้นมาเพื่อสื่อสารกับต้นสายฟ้าเมฆา เขารู้ว่าถ้ามันไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เขาจะไม่สามารถใช้ชิ้นส่วนของต้นไม้ได้
ต้นไม้ตั้งอยู่บนชั้นที่ 9 ของภูเขาแม่เหล็กสีทองและแม้ว่าเขาจะเป็นเจ้าของภูเขาตอนนี้ก็เป็นเรื่องที่ไม่สมจริงที่จะเรียกภูเขาทั้งหมดนี้ด้วยระดับการฝึกฝนบ่มเพาะในปัจจุบันของเขา
นอกจากนี้ ถ้าเขาจะทำแบบนั้นที่นี่ มันก็ยังจะเป็นเหตุการณ์ที่น่าตกใจ
เพราะฉะนั้น เขาต้องได้รับความยินยอมจากจักจั่นเพื่อที่จะได้เรียกเพียงหนึ่งในหมื่นของรูปแบบเดิมของภูเขา
มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเรียกภูเขาทั้งหมดก่อนที่เขาจะตัดผ่านสู่อาณาจักรต้นกำเนิด
เขาสามารถเรียกใช้เพียงเศษเสี้ยวของภูเขาเพราะลานบ้านพักคงรับไม่ไหวหากมากไปกว่านี้
แน่นอนว่าการกระทำเบื้องต้นคือจักจั่นสายฟ้าเมฆาต้องยินดีที่จะช่วย
"พี่ใหญ่ ท่านเป็นเจ้าของภูเขาแม่เหล็กสีทองและข้าเป็นคนที่บอกท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านยังไม่ขอบคุณข้าเลย ท่านต้องการให้ข้ามอบต้นสายฟ้าเมฆาให้ท่านอีก ! " หลังจากที่ได้ยินคำร้องขอของเจี้ยงเฉิน จักจั่นก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย
เจี้ยงเฉินยิ้มด้วยหน้าหนา "ข้าไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย แค่เพียงส่วนเล็ก ๆ มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ในการอยู่รอดบนต้นไม้ของเจ้า "
"เพียงส่วนเล็ก ๆ จริงรึ ? พี่ใหญ่ ท่านสัญญาได้ไหมว่าท่านจะไม่ต้องการอะไรอีกในอนาคต? "
"อืม ... ต้นสายฟ้าเมฆาเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วเช่นกัน เมื่อมันโตขึ้นเป็นต้นไม้สูงตระหง่านในอนาคตหรือแม้กระทั่งกลายเป็นป่าสายฟ้าเมฆา มันจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ข้าจะไม่ต้องการมันในช่วงเวลานั้น"
จักจั่นเอียงหัวไปด้านข้างและคิดอยู่ครู่หนึ่ง. "10 ปี ข้าจะให้มันกับท่านครั้งนี้ แต่ท่านไม่สามารถขอมันได้อีกในช่วงเวลา 10 ปี"
10 ปีไม่ได้เป็นเวลานานสำหรับผู้ฝึกฝน
"เอาล่ะ 10 ปีก็ได้ ข้าตกลง เจ้าอย่างกให้มาก ไม่ว่ายังไงข้าก็มีสิทธิ์ใช้มันอยู่ดี ! ข้าขอบอกเจ้าจักจั่นตัวเล็กว่าตอนนี้ข้ามีศัตรูอยู่เยอะและข้าต้องการต้นไม้เพื่อเสริมกำลังให้กับตัวเอง หากข้าไม่แข็งแกร่งพอและถูกคนอื่นทำลาย พวกเขาก็จะเอาภูเขาแม่เหล็กสีทองไปจากข้า ในเวลานั้นคนอื่นก็จะครอบครองเจ้า แน่นอนเจ้ารู้ว่ามนุษย์ค่อนข้างโลภ สายเลือดของเจ้ายอดเยี่ยมกว่าใคร แน่นอนว่าต้องมีคนอยากกลืนเจ้าเพราะสายเลือดของเจ้า เจ้าเชื่อข้าไหมล่ะ?"
จักจั่นเริ่มสั่นและพูดอย่างกระวนกระวายว่า "พี่ใหญ่ ท่านจะไม่กินข้าเพราะสายเลือดใช่มั้ย?"
เจี้ยงเฉินยิ้มกว้าง "ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายเจ้า"
จักจั่นยังหดหู่ "นั่นหมายความว่าท่านยังคงต้องการสิ่งต่าง ๆ มากมายจากข้า"
เจี้ยงเฉินไม่ปฏิเสธ สายเลือดของจักจั่นสายฟ้าเมฆามีระดับสูงมาก ถ้าเขากินมันและได้รับมรดกของมันแล้ว เขาก็จะสามารถฝึกศิลปะวิชาที่แกล้งตายได้ วิชา"จักจั่นเข้ากลีบเมฆ"
ศิลปะวิชานี้คุ้มค่ากับชีวิตของผู้ฝึกฝนบ่มเพาะ
"เจ้าจักจั่นตัวน้อย ข้าจะไม่โกหกเจ้า ข้าอยากได้มรดกวิชาของเจ้า วิชาจักจั่นเข้ากลีบเมฆอย่างสุดซึ้ง อย่างไรก็ตามข้าจะไม่ทำอันตรายต่อร่างกายของเจ้า แต่ข้าอาจจะมายืมสายเลือดของเจ้าในอนาคต "
จักจั่นถอนหายใจเบา ๆ "เอาล่ะ เมื่อเทียบกับมนุษย์คนอื่น พี่ใหญ่เป็นคนดีอยู่แล้ว เมื่อสายเลือดของข้าค่อย ๆ วิวัฒนาการไปสู่ความสมบูรณ์ ข้าจะพิจารณาให้ท่านยืมเลือดสักหยด อย่าดูถูกเลือดหนึ่งหยดของข้า นั่นจะเพียงพอสำหรับท่านที่จะได้รับมรดกและความทรงจำของข้า"
เจี้ยงเฉินมีความสุขมาก "อย่าพูดถึงเรื่องอนาคต ข้าจะรอต้นสายฟ้าเมฆาของเจ้า"
สายเลือดของจักจั่นยังคงเป็นเรื่องที่ห่างไกลนักสำหรับเขา สิ่งที่เขาต้องการตอนนี้คือต้นสายฟ้าเมฆา
จักจั่นรีบกลับมาพร้อมกับกิ่งไม้กองโตเท่ากับแขนของเจี้ยงเฉิน เขาค่อนข้างพอใจและเขาก็ยิ้ม "เจ้าจักจั่นตัวน้อย ข้าคิดว่าเจ้าจะให้ข้าขนาดเท่ากำปั้นเพราะความงก ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะใจดีมาก "
"เจ้าอาจจะเริ่มกินข้าถ้าข้าไม่ใจกว้าง" จักจั่นสะดุ้ง "พี่ใหญ่ อย่าติดต่อข้าถ้าไม่มีธุระอะไรอื่น มันเหนื่อยมากในการสื่อสารแบบนี้ผ่านภูเขา "
จักจั่นสายฟ้าเมฆากระพือปีกของมันหลังจากพูดเสร็จและหายตัวไป
เจี้ยงเฉินโบกมือสร้างตราประทับหลายครั้งและภูเขาแม่เหล็กสีทองค่อย ๆ สลายลงในแสงสีทองที่ไม่มีรูปร่างซึ่งหดตัวช้า ๆ และหายไปในฝ่ามือของเจี้ยงเฉินโดยไม่มีร่องรอย
เขาเป็นเหมือนปลาได้น้ำหลังจากที่ได้รับชิ้นส่วนของต้นไม้นี้
เขานั่งลงเพื่อรวบรวมความคิดของเขาและเขาก็เริ่มฝึกฝนบ่มเพาะ มันจะไม่ง่ายที่จะปรับแต่งชิ้นส่วนของต้นสายฟ้าเมฆา
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะดูดซึมไม้เข้าไปในเนื้อและเลือดของเขา มันจะต้องมีการผสมเข้ากับทุกชิ้นส่วนของเนื้อและเลือดของเขา
เนื้อ, และเลือด, เส้นเอ็น, เส้นชีพจร, มหาสมุทรวิญญาณ ...
ชิ้นส่วนของกิ่งไม้มีประโยชน์อย่างมาก นอกจากช่วยให้เขาปรับแต่งร่างกายที่อยู่ยงคงกระพัน มันยังสามารถเรียกสายฟ้าเพื่อปรับแต่งร่างกายให้เข้ากับสายฟ้า ทำให้ผุ้ฝึกฝนบ่มเพาะสามารถควบคุมสายฟ้าทุกประเภทได้
นอกจากนี้กิ่งไม้ยังสามารถป้องกันยาพิษได้หลายร้อยชนิด อาจกล่าวได้ว่ามันไม่อนุญาตให้สารพิษบุกรุกเข้ามาในร่างกายได้
"ถ้าข้ากลั่นต้นไม้ก่อนหน้านี้ ข้าคงจะไม่ตกเป็นเหยื่อของกับดักที่ไม่คาดไม่ถึงคราวก่อน ต้นสายฟ้าเมฆาช่วยกรองสารพิษบางอย่างได้เป็นอย่างดี "
เจี้ยงเฉินรู้สึกว่าเขาตอบโต้ช้าเกินไป
ถ้าเขาคิดจะเรื่องกลั่นต้นไม้ก่อนหน้านี้ก็คงจะไม่เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น
การกลั่นต้นสายฟ้าเมฆาไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ในชั่วข้ามคืน เนื่องจากไม้ตัวนี้ค่อนข้างแข็งและต้องบดเป็นผงก่อนจึงจะกลั่นได้
ด้วยความหนาแน่นของไม้ การเปลี่ยนให้มันเป็นผงไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ภายในหนึ่งคืน
นี่เป็นเรื่องที่เจี้ยงเฉินมุ่งเน้นในอีกสามวันหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจท้าประลองของเขา
ในที่สุดเขาก็เสร็จงานหลังจากผ่านไป 5 วัน แต่กระบวนการในการกลั่นและการดูดซับผงจะใช้เวลาอย่างน้อย 10 วัน
ครึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่เขารู้สึกว่าทุกส่วนของร่างกายของเขาค่อย ๆ ดูดซับสาระสำคัญของต้นไม้ เขามีความรู้สึกพิเศษในการบรรลุผล
"ต้นสายฟ้าเมฆาเป็นสมบัติล้ำค่า ข้าไม่จำเป็นต้องพยายามเพื่อซึมซับโอสถวิญญาณ แต่มันเป็นงานที่ยากลำบากในการดูดซับพลังของต้นไม้นี้ เป็นสิ่งที่ดีที่ความเพียรจะได้รับการตอบแทน ตอนนี้ข้าได้ดูดซึมสาระสำคัญของต้นไม้แล้ว ข้ามีความมั่นใจมากขึ้นในการปรับแต่งร่างสีทองของปีศาจและเทพเจ้า "
เจี้ยงเฉินรู้สึกตื่นเต้นมาก
ขณะที่เขารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขาที่เกิดจากต้นสายฟ้าเมฆา เขาก็ค่อนข้างรู้สึกถึงความสำเร็จ
ความทรงจำเกี่ยวกับชีวิตในอดีตของเขาทำให้เขาได้รับประโยชน์มากมาย
เมื่อมองไปที่การเปลี่ยนแปลงร่างของเขาและไพ่ตายหลายอย่างที่เขามีตอนนี้ สาวกของนิกายคนไหนบ้างที่สามารถโอ้อวดได้เหมือนกับเขา ไม่ต้องพูดถึงผู้ฝึกฝนบ่มเพาะสามัญ?
ถ้ามันใช่เพราะความทรงจำในชีวิตที่ผ่านมาของเขา วัตถุล้ำค่าที่เขาได้รับจะถูกกำหนดให้ไม่มีความสัมพันธ์กับเจี้ยงเฉิน
เขาคงไม่เข้าใจในภาษาโบราณของสัตว์โดยไม่มีความทรงจำในชีวิตก่อนหน้านี้ และเขาคงจะไม่สามารถควบคุมตัวราชาหนูเขี้ยวทองได้ เขาคงจะพลาดเรื่องของบงกชอัคนีเหมันต์
นอกจากนี้เขาคงจะไม่รู้จักต้นสายฟ้าเมฆาโดยไม่มีความทรงจำของชาติที่แล้วและไม่มีทางได้มันมาครอบครอง
เขาคงจะไม่สามารถโต้ตอบกับจ้าวภูเขาแห่งตราประทับทองคำได้ และเขาคงถูกทุบจนตายบนชั้น 10 ไม่ต้องพูดถึงการหลอมและปรับแต่งภูเขาแม่เหล็กสีทอง
หากไม่มีดอกบัวเขาคงตายอย่างน่าอนาถในภัยพิบัติเปลวเพลิงที่นกกาเหว่าไฟเผาไว้ร้อยลี้ เขาคงไม่ได้หัวใจ, ขนหาง, ซากศพอันล้ำค่าของนกกาเหว่าไฟ นี่ยังไม่รวมถึงเกล็ดของกิ้งก่าเพลิงเกล็ดมังกร
สิ่งที่สำคัญคือไม่มีอะไรที่จะประสบความสำเร็จได้โดยผู้ฝึกฝนบ่มเพาะทั่วไป ความทรงจำเกี่ยวกับชีวิตในอดีตของเขาเป็นตัวดำเนินเรื่องทั้งหมด
เมื่อวันเวลาผ่านไปทีละวัน ร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นหลังจากดูดซับต้นสายฟ้าเมฆา
เมื่อถึงช่วงปลายเดือนที่สามใกล้หมด เขาก็เกือบที่จะเสร็จสิ้นการปรับแต่งเนื้อและเลือดของเขาอย่างละเอียดถี่ถ้วนในขั้นตอนที่สองของทักษะ 'การเปลี่ยนแปลงเก้ารูปแบบของปีศาจและเทพเจ้า'
ในเรื่องนี้ ร่างกายสีทองของปีศาจและเทพเจ้าของเขาได้ถึงขั้นตอนเล็ก ๆ
สิ่งที่สำคัญคือหลังจากการดูดซับต้นสายฟ้าเมฆา ร่างกายผิวหนังของเขามีเกราะป้องกันเพิ่มเติมและเขามีการเพิ่มการป้องกันเมื่อเผชิญต้องหน้ากับอัจฉริยะที่มีความสามารถด้านสายฟ้าในอนาคต
เจี้ยงเฉินเดินเข้าไปใกล้กับพื้นที่ส่วนนภามากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
เขาแทบจะทนรอประชันฝีมืออัจฉริยะชั้นนำในพื้นที่ส่วนนภาไม่ไหว
ในช่วงสุดท้ายของสามเดือน เขาจะกลายเป็นผู้ชนะเลิศของพื้นที่ส่วนปฐพีพร้อมกับบันทึกคะแนนอย่างสมบูรณ์โดยไม่มีข้อสงสัย
.......
หญิงสาวท่าทางเย็นชาได้รับข้อความอักษร นางอยู่ในพื้นที่ส่วนนภา นางอ่านมันคร่าว ๆ ขณะที่คิ้วของนางยกขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นร่องรอยของความเคียดแค้นฝังใจ "เจี้ยงเฉินรึ? อัจฉริยะสามัญ? เขาจะมายังพื้นที่ส่วนนภาได้อย่างไร? อะไรที่ทำให้เจ้าสัตว์โง่มีสิทธิ์เข้ามาในพื้นที่ส่วนนภา? "
ผู้หญิงคนนี้เป็นอัจฉริยะที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในหมู่เยาวชนรุ่นเยาว์ในนิกายตะวันม่วง -หลงยู่ซื่อ !