หน้าแรก > Castle of Black Iron
Chapter 213: ความร้อนใจ

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

Chapter 213: ความร้อนใจ

 

การต่อสู้จบลงเร็วกว่าที่ จางเทีย คาดเอาไว้ นอกจากทหารกว่าสิบคนที่หนีไปได้และบางคนที่โดน จางเทีย โจมตีเอาจนกลิ้งตกลงจากเนินเขา คนที่เหลือนั้นล้วนแต่โดนจัดการทิ้งไป

ในทางกลับกันทหารของแคมป์เหล็กโลหิตนั้นได้รับบาดเจ็บแค่เพียง 5 คนเท่านั้น ไม่มีสักคนที่ได้รับแผลที่ร้ายแรงรึตาย

จางเทีย พอใจอย่างมาก  หลังจากที่ทำการสู้กันอีกรอบ เขาพบว่าทหารของราชวงศ์อาทิตย์พึ่งแต่คำสั่งของหัวหน้าหน่วย สำหรับทหารทั่วไปแล้ว เมื่อหัวหน้าหน่วยโดนฆ่า พวกนั้นจะหมดหนทางและลนลาน

จางเทีย เดาว่านี่คงเกี่ยวข้องกับระบบของราชวงศ์อาทิตย์ หลายวันมานี้เขาได้ยินหลายอย่างเกี่ยวกับกองทัพราชวงศ์อาทิตย์ซึ่งล้วนแต่ทำตามระบบลำดับชั้นและข้อกำหนดอีกมากมาย ผลก็คือความคิดและจิตใจของทหารพวกนี้โดนควบคุมไว้ ด้วยกฎที่กำหนดเอาไว้ นอกจากคำสั่งของหัวหน้าแล้ว ห้ามทหารมากกว่า 3 คนทำการรวมกลุ่มกัน

ในกองทัพราชวงศ์อาทิตย์ ทหารทั่วไปนั้นไม่ได้อนุญาตให้มีความคิดของตัวเอง ความคิดของหัวหน้าคือความคิดของพวกเขา  ข้อดีของเรื่องนี้คือแม้ว่าจะมีหลุมลึกต่อหน้าพวกเขา ทหารพวกนี้ก็จะเลือกที่จะโดดโดยไม่ลังเล กองทัพแบบนี้อันที่จริงแล้วน่ากลัวอย่างมาก

แต่ถ้าพูดถึงเรื่องการซุ่มโจมตีหลายวันมานี้เป็นตัวอย่างแล้ว เมื่อ จางเทีย ได้ฆ่าหัวหน้าหน่วยด้วยหอกของเขาก่อน ทหารทั่วไปส่วนมากจะเสียคนสั่งการ พวกเขาไม่รู้ว่าต้องทำอะไรต่อไปซึ่งนั่นทำให้พลังต่อสู้ของพวกเขานั้นลดลงไปอย่างมาก

แม้ว่ากลุ่มของเขาจะชนะอีกครั้งด้วยการซุ่มโจมตีแต่เพราะบางอย่างจางเทียจึงรู้สึกร้อนใจมากกว่าเก่า

...

หลังจากที่เอานาฬิกาออกมาดูแล้ว จางเทีย ก็ได้สั่งด้วยสีหน้าเย็นชา – “ พวกนายมีเวลา 3 นาทีในการเก็บของ  อีก 3 นาทีเราจะอพยพ ! “

ปกติแล้วพวกเขาจะมีเวลาอย่างน้อย 10 นาทีในการเก็บของ ทหารของหน่วยสามนั้นไม่เข้าใจว่าทำไมหัวหน้าพวกเขาถึงให้เวลาแค่ 3 นาทีแต่เมื่อเห็นสีหน้าเย็นชาของ จางเทีย แล้ว ก็ไม่มีใครถามว่าทำไม พวกเขาต่างก็รีบลงมือกันแทน

ครั้งนี้ทุกคนได้ของกลับมาจำนวนมาก  จางเทีย ได้ทองของราชวงศ์อาทิตย์มากว่า 20 เหรียญจากเจ้าหน้าที่ที่เขาฆ่าไปซึ่งมากกว่าปกติเล็กน้อย อีกอย่างแล้วเขายังได้อาวุธดีๆ,เข็มขัดหนังและอุปกรณ์ที่มีประโยชน์บางอย่างด้วย

จางเทีย เก็บเอาไว้แต่เงิน นอกจากนี้เขายังเลือกไฟแช็คสีเงินออกมา หลังจากนั้นแล้วเขาก็ยกของที่เหลือให้กับลูกน้องที่ซึ่งสู้ด้วยกันกับเขา

3 นาทีต่อมา หลังจากที่เก็บของกันเสร็จแล้วคนกว่า 50 คนก็ได้ออกไปภายใต้การนำของ จางเทีย จนกระทั่งพวกเขาออกมาแล้วก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น   จางเทีย จึงพึมพำในใจ ‘ ฉันคิดมากไปงั้นเหรอ ? ‘

...

รังหมาป่าของแคมป์เหล็กโลหิตนั้นอยู่ในโซนลาวาแปลกๆในเขตภูเขา การต่อสู้ระหว่างสองกองทัพที่มีคนมากกว่าสองพันคนยากที่จะสู้ที่นี่ได้ แม้ว่าจะทำได้แต่ด้วยภูมิประเทศที่แปลกแล้วมันจะต้องทำให้กระจายตัวกันออกไปเป็นกลุ่มซึ่งยากที่จะจัดขบวนให้มีความแข็งแกร่งได้

ถ้าพวกเขาสู้กันที่นี่ ความสามารถในการสู้กันรายบุคคลของทหารแคมป์เหล็กโลหิตนั้นจะแสดงออกมาได้สูงสุด แม้แต่ทหารทั่วไปของแคมป์เหล็กโลหิตที่ซึ่งสร้างแรงลับออกมาไม่ได้ก็ยังถือว่าเก่ง แต่ทหารทั่วไปของกองทัพปีกแสงนั้นอยู่ที่ระดับ 2-5  ซึ่งบอกบอกได้ว่าแคมป์เหล็กโลหิตนั้นได้เปรียบเรื่องพลังในการต่อสู้

นี่เองก็อธิบายได้ว่าทำไมแคมป์เหล็กโลหิตถึงถือว่าเป็นสุดยอดกองทัพของกองทัพเขาเหล็ก

ตามที่ กู๊ดเดียน ได้ตัดสินใจ หลังจากที่จบเหตุการณ์ที่โซลาเน็ตแล้วและการทำลายฐานเล็กๆของปีกแสงในเขตนี้แล้ว ถ้าราชวงศ์อาทิตย์รู้ว่าพวกเขาอยู่ในเขตนี้ พวกนั้นต้องมาแก้แค้นอย่างแน่นอน ดังนั้น กู๊ดเดียน จึงเลือกสถานที่ที่ซ่อนไว้อย่างดีซึ่งคือรังหมาป่าเผื่อว่าจะโดนศัตรูเข้าล้อม  แต่ละวันที่ผ่านมานั้นแคมป์เหล็กโลหิตจะออกเดินทางและล่าพวกทหารปีกแสงที่เข้ามาในเขตนี้

ก่อนการต่อสู้สุดท้าย ผู้นำของทั้งสองกองทัพดูเหมือนจะตั้งใจทิ้งกำลังคนไว้ที่นี่เพื่อสู้กันซึ่งจะเป็นการทดสอบคู่ต่อสู้และฝึกคนของตัวเอง  การตายและความสำเร็จของพวกทหารนั้นแลกมาด้วยชีวิตนับไม่ถ้วนซึ่งพวกนั้นก็เป็นได้แค่ข้อมูลบนโต๊ะของผู้นำแต่ไม่รู้ว่าข้อมูลนั้นจะส่งผลอะไรต่อการตัดสินใจหรือไม่นั้นก็คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้

ในตอนที่ จางเทีย ได้พาหน่วยของเขากลับไปที่ฐาน  หน่วยอื่นส่วนมากที่ออกไปข้างนอกก็ได้กลับมาแล้ว ส่วนมากพวกนั้นก็ได้ของติดไม้ติดมือกันมาแต่เมื่อเทียบกับหน่วยของ จางเทีย แล้ว หน่วยอื่นๆนั้นได้น้อยกว่าแต่เสียไปมากกว่า

เพราะพวกเขาอยู่ในพื้นที่สงคราม อัตราเสียชีวิตแคมป์เหล็กโลหิตจึงเพิ่มขึ้นและลดลงเรื่อยๆในแต่ละวัน

ในตอนที่ จางเทีย ได้กลับมาที่ฐาน เขาได้เข้าไปที่เต็นท์สั่งการ มีเจ้าหน้าที่หลายคนที่ซึ่งได้พาหน่วยตัวเองออกไปในวันนี้รวมตัวกันอยู่ที่นั่น พวกเขาได้รายงานความสำเร็จของตัวเองและสถานการณ์ที่พวกเขาเจอกับศัตรูในวันนี้ให้ กู๊ดเดียน ฟังกันทีละคน เมื่อได้ยินรายงานนั้น กู๊ดเดียน ก็ได้ก้มหน้าลงและทำเครื่องหมายบางอย่างไว้ที่แผนที่ซึ่งกางไว้ที่โต๊ะพร้อมกับถามพวกเจ้าหน้าที่คนละหนึ่งรึสองคำถาม

ในตอนที่ถึงตา จางเทีย รายงาน เขาได้บอกความสำเร็จของน่วยพร้อมกับดึงสร้อยคอของเจ้าหน้าที่อีกฝ่ายออกมาเพื่อยืนยัน

ในตอนที่เขาส่งมัน เจ้าหน้าที่รอบๆมองเขาด้วยความชื่นชม  ทั้งแคมป์นี้มีแค่หน่วยของ จางเทีย เท่านั้นที่ได้รับของกลับมามหาศาล

“ หลังจากที่กลับไปแล้ว นายจะต้องได้รับเหรียญทหารแน่ ! “ – ร้อยโทขั้นสองมูซ่า บอกกับ จางเทีย

หลายวันมานี้ จางเทีย ได้ฆ่าเจ้าหน้าที่ของอีกฝ่ายไปจำนวนมาก สำหรับคนที่มาสนามรบครั้งแรกแล้ว นี่ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก

เมื่อได้ยินคำชมนั้น เจ้าหน้าที่รอบๆต่างก็พยักหน้า

“ จางเทีย น่ะคือภัยพิบัติของเจ้าหน้าที่พวกนั้น  คนที่อยู่ในระดับ 6-7 น่ะคือเป้าฝึกสำหรับเขา “

เมื่อได้ยินคำพูดนั้น จางเทีย ก็แค่ยิ้มออกมาแต่ความร้อนใจข้างในใจเขานั้นยังไม่ได้หายไป เขาลังเลงว่าควรจะบอกสิ่งที่เขาสงสัยให้ กู๊ดเดียน ฟังดีรึเปล่า เพื่อที่จะให้ กู๊ดเดียน ได้ทำการตัดสินใจว่ามันเป็นปัญหาจริงๆหรือไม่

กู๊ดเดียน ที่ก้มหน้าอยู่นั้นเห็นความลังเลของ จางเทีย  เขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วยกแก้วสีทองขึ้น – “ ร้อยโทขั้นสองจางเทีย นายมีอะไรจะพูดต่อรึเปล่า ? “

“ พลตรี ผมแค่รู้สึกผิดปกติในวันนี้ ! “ – หลังจากที่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จางเทีย ก็ได้ตัดสินใจที่จะพูดมันออกไป – “ แม้ว่าเราจะประสบความสำเร็จอย่างมากในวันนี้แต่เพราะบางอย่าง ตั้งแต่ที่เริ่มทำการซุ่มโจมตีจนถึงตอนนี้ ผมยังคงรู้สึกแปลกๆ ! “

“ แปลกๆ ? “ – พลตรีกู๊ดเดียน มองด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เจ้าหน้าที่รอบๆเองก็พากันเงียบลงไป พวกเขาล้วนแต่มองไปที่ จางเทีย – “ นายอธิบายให้มันชัดเจนได้มั้ย ? “อะไรที่แปลกๆ ? “

“ ผมบอกมันชัดเจนไม่ได้แต่ผมรู้สึกว่ามันมีปัญหาอยู่สักที่ แต่ผมไม่รู้ว่าที่ไหน หลังจากที่กลับมาที่นี่ ผมรู้สึกว่ามีคนแอบตาม ดังนั้นผมเลยพาไปเส้นทางอื่นและติดกับดักเอาไว้แต่ผ่านไปมากกว่าชั่วโมง ผมก็ยังหาคนที่แอบตามมาไม่เจอ ! “ – เมื่อเห็นท่าทีแปลกใจของเจ้าหน้าที่รอบๆ จางเทีย ก็ได้แค่พูดต่อ – “ ก่อนหน้านี้ในตอนที่ผมเจอกับอันตราย ผมน่ะมักจะรู้สึกร้อนใจแบบนี้ ! “

ถ้าไม่ใช่เพราะความสำเร็จของ จางเทีย  เจ้าหน้าที่คนอื่นคงหัวเราะออกมาแล้วแต่เพราะนี่เป็นร้อยโทมัมมี่ที่เป็นคนพูดจึงไม่มีใครหัวเราะ

พลตรีกู๊ดเดียน แผยสีหน้าขบคิด เขาได้มองไปที่แผนที่บนโต๊ะ  หัวหน้ารินฮาท เองก็ได้เดินเข้ามาและมองไปยังแผนที่ด้วย

“ มีปัญหาอะไรรึเปล่า ? “

“ ทุกอย่างดูปกติดี มันไม่มีปัญหาอะไรกับการต่อสู้และการซุ่มโจมตี ! “ - กู๊ดเดียน ขมวดคิ้ว  - “ แต่ก็อย่างที่เราได้เรียนมา ในตอนที่ไม่เจอปัญหาอะไรในสนามรบนั่นแหละคือปัญหาที่แท้จริง ! หลังจากที่ จางเทีย เตือนมา ฉันเองก็รู้สึกอึดอัด มันต้องมีอะไรผิดปกติ.. “

กู๊ดเดียน ชี้ไปยังที่หนึ่งบนแผนที่ที่ทำเครื่องหมายเอาไว้ – “ การต่อสู้นั้นเกิดขึ้นที่นี่เมื่อสี่วันก่อน สามวันก่อน,เมื่อวานและวันนี้  หลายวันมานี้กองทัพของเราได้สู้กับกองทัพของราชวงศ์อาทิตย์มา 4-5 ครั้งต่อวัน มากสุดก็หก  ความถี่นี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง  นั่นแหละปัญหา ! ถ้านายเป็นผู้นำพวกนั้น ด้วยการต่อสู้ที่เกิดขึ้นมานี้ นายต้องยืนยันได้แล้วว่ากองทัพเราน่ะอยู่ในเขตนี้ นายจะทำยังไง ? “

“ เข้าล้อม จากนั้นก็หาโอกาสฆ่าเราทั้งหมด ! “ - รินฮาท ตอบอย่างใจเย็น

“ นั่นแหละแต่ว่าแขตที่เราอยู่ในตอนนี้น่ะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลยตั้งแต่ต้น นั่นแหละปัญหา ! “

“ แต่.. “ – ในตอนที่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งอ้าปากพูด เขาก็โดน กู๊ดเดียน ขัด

“ การคงอยู่ของแคมป์เหล็กโลหิตไม่น่าจะเกินความคาดหมายของศัตรูได้ ไม่งั้นพวกนั้นก็โง่มากแน่ “ – เขาอธิบายต่อ

เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนก็เงียบลงทันที

รินฮาท เองก็คิ้วขมวด – “ มีกองทัพไหนที่โดนตามรอยมาในวันนี้รึเปล่า ? “

“ ไม่ เราระวังกันอย่างมาก เพราะเรามีประสบการณ์ เราเลยติดกับดักไว้ตามทางแต่มันก็ไม่ได้ทำงานเลย ! “ - กู๊ดเดียน ส่ายหน้า – “ ฉันสับสนจริงๆ ถ้าคู่ต่อสู้ของเรามีกับดักรึแผน พวกนั้นต้องยืนยันก่อนว่าเราน่ะอยู่ตรงไหน แต่พวกนั้นดูเหมือนจะไม่กังวลเลย ไม่มียานลำไหนบินสำรวจด้วย ตำแหน่งของรังหมาป่านี่ก็ไม่น่าจะถูกเปิดเผย ! “

“ หน่วยที่ออกไปวันนี้กลับมาหมดรึยัง ? “

“ ยังขาดอีกสอง ! “

หลังจากที่คิดแล้ว รินฮาท ก็ได้สั่งการออกมา – “ ตอนที่สองหน่วยนั้นกลับมา เราจะย้ายที่ในวันพรุ่งนี้เช้า ! “ – เมื่อพูดจบ รินฮาท ได้ชี้ไปยังที่ที่ใกล้ด้านเหนือมากกว่าเดิม  กู๊ดเดียน สำรวจดูแล้วพยักหน้า

หลังจากที่ตัดสินใจแล้ว ทุกคนก็ได้ออกจากเต็นท์ไป  ระหว่างทางมีเจ้าหน้าที่หลายคนมองมาที่ จางเทีย  ก่อนที่จะออกจากเต็นท์ เฟโอ ก็ได้เดินมาตบไหล่เขา

ในตอนที่ จางเทีย ออกมานั้นเขายังคงรู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อย ถ้าเขาคิดมากไป เขาคงทำให้เกิดเรื่องวุ่นและเขาคงกลายเป็นตัวตลก

หลังจากที่ออกมาแล้ว หลิวซิง ได้เดินเข้ามาหาเขาแล้วปลอบ – “ ไม่จำเป็นต้องเครียดหรอก การตัดสินใจของพลตรีน่ะก็มีเหตุผลของตัวเอง ถ้าไม่คิดดีๆ พลตรีกู๊ดเดียน และ หัวหน้ารินฮาท  คงไม่ตัดสินใจย้ายที่เพียงเพราะความกังวลของทหารคนเดียวหรอก  เพราะเราน่ะแยกตัวมาอยู่ที่นี่ เราก็ควรที่จะกังวลอยู่แล้ว ! “

จางเทีย ยิ้มให้อีกฝ่าย

...

ในตอนที่ จางเทีย กลับมาที่เต็นท์ตัวเอง มีทหารหลายคนมาดึงดาบยักษ์ของเขาที่ปักไว้หน้าเต็นท์ แม้ว่าดาบนี่จะเป็นอาวุธหลักของเขาแต่เวลาส่วนมากหลายวันมานี้มันเป็นเหมือนของสาธารณะ

ในตอนที่ จางเทีย ไม่ได้ใช้มัน เขาจะปักมันลงที่ดิน ใครก็ตามที่ดึงมาได้ก็เอามันไป จริงๆแล้วดาบยักษ์นี้น่ะได้กลายเป็นตัวตัดสินของทหารทั่วไปแล้วเพื่อทดสอบความสามารถของตัวเอง มันเหมือนกับของเล่นพวกเขา  หลายคนว่างหลังจากมื้อเย็นก็จะมากันที่นี่ เพราะดาบนี่ทำให้หลายคนฝึกฝนหนักกว่าเดิม พวกเขาไม่อยากถูกเรียกว่าพวกอ่อนแอ พวกเขาน่ะสนใจเรื่องแบบนี้กันอย่างมาก

ก่อนที่ จางเทีย จะกลับมา พวกทหารมักจะส่งเสียงดังกันแต่เมื่อเห็นเขากลับมาแล้วพวกนั้นก็เบาเสียงลงเพื่อไม่ให้ไปรบกวนเขา

หลังจากที่เขามาในเต็นท์ของตัวเองแล้ว จางเทีย ก็ได้กินเนื้อแห้งกับน้ำ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มบ่มเพาะ แม้แต่ในตอนสงคราม เมื่อเขามีเวลาว่าง จางเทีย ก็จะทำการบ่มเพาะ เวลาในการบ่มเพาะนี้ก็เหมือนการเล้าโลมผู้หญิง ยิ่งขัดเกลามากเท่าไหร่ยิ่ง.....

เขาได้ขัดเกลาจุดชีพจรกก่อนจะฝึกจำลองคิดเลขโดยลูกคิดทั้งสองพร้อมกัน  หลังจากนั้นเขาก็จะใช้ Trouble-Reappearance Fruit และเข้าไปในที่ที่เหมือนกับเขตภูเขาในตอนนี้

เขาโบกดาบยักษ์ของตัวเองแล้วเริ่มสู้กับพวกหมาป่าต่างๆ ระหว่างการต่อสู้นั้นพวกสัตว์พวกนี้ดูเหมือนจะเจ้าเล่ห์ขึ้นกว่าเดิม ในตอนที่ จางเทีย พัฒนา พวกนี้เองก็พัฒนาและฉลาดขึ้นไปด้วย

หลังจากที่ตระหนักได้ว่ามันกินพลังอย่างมากในการเหวี่ยงดาบยักษ์ สัตว์เหล่านี้ก็เปลี่ยนกลยุทธ์โจมตี พวกมันไม่ได้แห่กันเข้ามาในทีเดียว พวกมันเริ่มร่วมมือกันเข้าโจมตี

สุดท้ายแล้วพวกมันก็หาวิธีที่มีประสิทธิภาพเจอ หลังจากเข้าล้อม จางเทีย แล้ว พวกมันคอยเว้นระยะห่างจากเขาเอาไว้  จากนคั้นก็จะเข้าโจมตีจากสามทิศทางพร้อมกันเป็นกลุ่ม กลุ่มละสามตัว

พวกมันโจมตีไปเรื่อยๆรอคอยช่องโหว่และตอนนั้นมันก็ทำสำเร็จ มันเริ่มมีเสียงกรีดร้องของเขาดังขึ้นมาบ้างแล้ว

แต่ละครั้ง จางเทีย จะวิ่งเพื่อทำลายวงล้อมของพวกมันแต่ว่าแต่ละครั้งที่ทำแบบนั้นเขาจะหมดแรงจนไม่อาจยกดาบขึ้นมาได้ สุท้ายแล้วเขาก็โดนพวกมันฉีกเป็นชิ้นๆ

แต่ละครั้งด้านใน จางเทีย ได้ใช้ความสามารถของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่เพื่อฝ่าขีดจำกัดของตัวเองออกไปซึ่งนั่นก็ได้ผลมาจากประสบการณ์ที่เขาโดนฆ่าด้วย  เขาวิเคราะห์และพัฒนาตัวเองโดยการหาจุดอ่อนและจากนั้นก็สู้ต่อและตายไป...

ไม่มีใครในแคมป์รู้ว่า จางเทีย เจออะไรบ้างในตอนที่เขาอยู่คนเดียว จริงๆแล้วตอนที่ จางเทีย โดนเรียกว่าผู้พิชิตทั้งร้อยนั้น เขาได้ตายมาเกือบร้อยครั้งในมิติลึกลับแห่งนี้

แต่ละวัน จางเทีย จะต้องเรียนรู้และพัฒนาผ่านการ ‘ ตาย ‘ ของตัวเอง

...

หลังจากที่ จางเทีย ทำการบ่มเพาะเสร็จมันก็ผ่านมาเกือบ 6 ชม.แล้ว เขาได้เดินออกไปข้างนอก ตอนนั้นมีดาวมากมายบนท้องฟ้าพร้อมกับพระจันทร์สองดวงที่ใสราวกับคริสตัล

จางเทีย ถามคนด้านนอกและรู้ว่าสองหน่วยได้กลับมาเมื่อหลายชั่วโมงก่อนแล้ว ตอนนั้นเขาก็พอวางใจได้บ้าง

ตอนนี้หลายคนได้หลับสนิทไปแล้ว

เพราะยังร้อนใจอยู่ หลังจากที่ไปห้องน้ำแล้ว จางเทีย ได้เดินดูรอบๆแคมป์ เมื่อไม่เห็นอะไรผิดปกติกับจุดตรวจแต่ละจุด เขาก็ได้กลับไปนอนในเต็นท์โดยใส่ชุดเกราะนอนด้วย

ตามกฎของแคมป์เหล็กโลหิตแล้ว เมื่ออกมาอยู่ด้านนอก ทุกคนควรที่จะสวมเกราะ  ในตอนแรกเขารู้สึกอึดอัดจนนอนได้แค่ท่าตะแครงเท่านั้น แต่หลายวันมานี้เขาก็เริ่มที่จะชินกับมันแล้ว

‘ แคมป์จะย้ายพรุ่งนี้ บางทีฉันอาจเครียดเกินไปเอง ‘ จางเทีย คิดก่อนที่จะหลับลงไป  ‘ มันเป็นแค่คำเตือน ฉันเลือกที่จะโดนล้อดีกว่าต้องมาเห็นคนโดนฆ่า ! ’  ไม่นาน  จางเทีย ก็ได้หลับลงไป

 ...

ตอนเที่ยงคืน จางเทีย ตื่นขึ้นมาจากฝันหวาน หัวใจของเขาเต้นรัวอย่างรุนแรง ครั้งนี้มันเหมือนกับตอนที่เขาเจอ ฮัค กับ สเนซ ครั้งแรก

จางเทีย รู้สึกว่าปากเขาแห้ง หลังจากที่ดื่มน้ำเขาก็ได้ใส่รองเท้าและหยิบดาบสองมือของตัวเองพร้อมกับซองหอกเดินออกไปจากเต็นท์ การหยิบซองหอกมานี่เป็นสัญชาตญาณของเขาไปแล้ว  จางเทีย ไม่ได้เห็นว่ามันจะผิดปกติอะไร

ตอนนั้นทั้งแคมป์นั้นเงียบสนิท ทุกคนหลับไปแล้ว นอกจากเสียงนกแมลงและหินรูปร่างแปลกเขาก็ไม่เห็นอะไร

เพราะความร้อนใจของเขาที่เพิ่มขึ้นมา จางเทีย ได้ตัดสินใจที่จะไปลองดูจุดตรวจลับที่เขตแดนของแคมป์

เขตแดนที่ซ่อนไว้นี้อยู่ห่างจากขอบแคมป์ไปแค่ 70 ม.ซึ่งถือว่าเป็นระยะที่สั้นที่สุดเพื่อความปลอดภัย

เพราะนี่คือตอนเที่ยงคืน เสียงเท้าของ จางเทีย จึงเบาอย่างมาก เขาไม่อยากทำให้คนอื่นต้องตกใจ หลังจากที่มาถึงเขตลาวาด้านหลัง จางเทีย ก็ต้องตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นจุดตรวจนั้น

จุดตรวจมีหมอกแปลกๆปกคลุม มันแปลกจริงเมื่อแสงจันทร์สาดลงมาแต่สิ่งที่ทำให้ จางเทีย สนใจได้นั้นคือเงาที่เดินในหมอกนั่น  พวกมันมาจากทุกทิศทางอย่างกับผีและค่อยๆเดินมาที่แคมป์

เพราะคนเฝ้านั้นไม่ได้ส่งสัญญาณเตือน ชัดแล้วว่าเขาคงโดนฆ่าไปแล้ว

สุดท้ายแล้วสิ่งที่ปลุกทุกคนในแคมป์ขึ้นมาคือเสียงของหอกที่พุ่งทะลุอากาศไป

ในเสี้ยวพริบตาเสียงคำรามก็ทำให้คนในแคมป์นั้นตื่นขึ้นมา

ไม่นานหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ที่ซึ่งพุ่งออกมาจากเต็นท์พร้อมกับอาวุธในมือก็ได้ยินเสียงคำรามอย่างหงุดหงิดของ จางเทีย ดังขึ้นมาจากไกลๆ

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.