spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
บทที่ 359: คู่แค้นตลอดกาล
ณ ที่พักชั่วคราวของนิกายตะวันม่วง
ผู้อาวุโสชั้นแนวหน้าของนิกายตะวันม่วงรวมตัวกัน
หัวหน้าชูหยู่รู้สึกอายเล็กน้อยที่ต้องเผชิญหน้ากับพี่น้องของนางและเริ่มสะท้อนความรู้สึก "บรรพบุรุษ ท่านผู้อาวุโสทั้งหลาย ข้าไร้ความสามารถและลากทุกคนลงมาให้ต้องอับอายขายหน้าไปพร้อมกับข้า"
ประมุขฉีเค่อเป็นผู้นำของนิกาย เขาจึงรีบพูดเป็นคนแรก เขาปลอบโยนนาง "ศิษย์น้องชูหยู่ ทุกคนรู้ดีว่าถึงเจ้าจะเป็นคนฉุนเฉียวแต่เจ้าก็ทำดีที่สุดเพื่อนิกายของเราตลอดเวลา มีหลายปัจจัยที่เป็นปัญหาในเรื่องนี้และไม่ใช่ความผิดของเจ้าทั้งหมด ทั้งสามนิกายมักอิจฉาเราเสมอ พวกเขาจึงไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไป"
"ใช่ ศิษย์น้องไม่จำเป็นต้องโทษตัวเองเลย เขาเป็นเพียงผู้ฝึกฝนสามัญที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับโลกอันกว้างใหญ่ มีอัจฉริยะของนิกายที่พร้อมจะระบายความรู้สึกเกลียดชังของเจ้าเมื่อเขาไปถึงพื้นที่ส่วนนภา"
"มีเหตุผลในคำพูดเหล่านี้ แม้ว่าผู้เข้าแข่งขันคนนี้มีศักยภาพที่ดี แต่ก็ยังมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างเขากับอัจฉริยะชั้นแนวหน้าของนิกายตะวันม่วงของเรา"
ทุกคนเริ่มปลอบโยนหัวหน้าชูหยู่
ไม่ใช่ว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหัวหน้าชูหยู่ ทุกคนรู้ว่านางมีศิษย์ที่น่าทึ่ง
ศิษย์คนนี้จะเป็นเสาหลักของนิกายไม่ช้าก็เร็ว แม้กระทั่งบรรพบุรุษนักล่าตะวันกล่าวว่าหลงยู่ซื่อเป็นสาวกในทฤษฎีที่มีความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการตัดผ่านสู่ดินแดนต้นกำเนิด
ไม่มีเหตุผลอื่นนอกเหนือจากร่างฟีนิกซ์สวรรค์ของนาง ความจริงเพียงอย่างเดียวทำให้นางเหนือกว่าอัจฉริยะอื่น ๆ ทั้งหมดของนิกาย
หัวหน้าชูหยู่รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อยที่ได้รับฟังคำพูดปลอบใจ อย่างไรก็ตามนางยังไม่กล้าที่จะมองไปยังบรรพบุรุษนักล่าตะวันนับตั้งแต่นางเข้ามา
นางได้กระทำความผิดร้ายแรงครั้งนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบรรพบุรุษได้ส่งข้อความถึงนางไปแล้วก่อนหน้านี้ว่าให้นางอยู่เฉย ๆ
นางไม่เคารพคำเตือนของเขาและคิดว่าตัวเองฉลาดโดยเล่นกับไฟ ในตอนท้ายนางกลับโยนหินทับเท้าของตัวเอง นางไม่เพียงเสียหน้า นางต้องจ่ายชดใช้ความผิดราคาแพงด้วยศิษย์ 2 คนของนาง
"ท่านบรรพบุรุษ ข้าไร้ความสามารถ กรุณาประกาศลงโทษข้าด้วย" หัวหน้าชูหยู่ไม่กลัวใครอีกแล้วบนโลกใบนี้นอกจากบรรพบุรุษชูหยู่
แม้แต่ผู้บริหารระดับอาวุโสที่มีอำนาจที่สุดในนิกายตะวันม่วงก็ไม่กล้าที่จะชักสีหน้าต่อหน้าบรรพบุรุษนักล่าตะวันรวมทั้งหัวหน้าชูหยู่
“ฮืม ชูหยู่ เจ้าทำสำเร็จที่ได้รับตัวหลงยู่ซื่อ แต่การที่เจ้าขัดคำสั่งของข้าทำให้เจ้าขึ้นบัญชีดำ ความดีชดเชยความผิด เรื่องนี้จบแล้ว"
บรรพบุรุษนักล่าตะวันพ่นลมอย่างเย็นชาและหาทางออกกับหัวหน้าชูหยู่
หัวหน้าชูหยู่รู้สึกปวดร้าว นางรู้ดีว่าคำพูดของบรรพบุรุษนั้นหมายความว่าความดีของนางในการเสาะแสวงหาจนได้ตัวหลงยู่ซื่อมาจบลงแค่นี้ นางจะไม่ได้รับสิทธิพิเศษใด ๆ มากกว่านี้ภายในนิกายอีก
นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กสำหรับนาง
อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่บรรพบุรุษพูดออกมาแล้ว นางก็ไม่กล้าที่จะต่อรอง อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ไล่ตามความผิดของนางในการขัดคำสั่งของเขา นี่ถือเป็นความเมตตาแล้ว
"บรรพบุรุษ ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ข้าต้องรายงาน" หัวหน้าชูหยู่คิดครู่หนึ่งและรวบรวมความกล้าหาญในการพูด
"มีอะไร?"
"ข้าสงสัยว่าอัจฉริยะพิลึกมีแนวโน้มที่จะเป็นคู่แค้นเก่าของหลงยู่ซื่อ เจี้ยงเฉิน!"
ทุกคนตะลึงเมื่อนางพูดถึงข้อสงสัยของตัวเอง
"เจ้าพูดอะไร?" ประมุขฉีเค่อไม่สามารถนั่งนิ่งได้ "เจี้ยงเฉินรึ? เจ้าหมายถึงเด็กที่ถูกสามนิกายแย่งตัวกันก่อนการคัดเลือกหรือ? "
ความคิดนี้เคยพาดผ่านจิตใจของประมุขฉีเค่อแล้ว แต่เขาไม่ได้คิดอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับมัน เขาอดไม่ได้ที่จะถามหัวหน้าชูหยู่ว่า "เจ้ามีหลักฐานเรื่องนี้ไหม?"
"ข้าไม่มีหลักฐานเป็นรูปธรรม แต่ผู้เข้าแข่งขันคนนี้ขัดแย้งกับนิกายของเรานับตั้งแต่เขาเข้าสู่การคัดเลือกรอบ 2 ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? นอกจากนี้ข้ามีความรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยเกี่ยวกับผู้เข้าแข่งขันรายนี้ ทุกคนรู้ว่าสำหรับผู้ฝึกฝนบ่มเพาะในระดับของข้า ข้าจะไม่มีอาการทางอารมณ์ที่ไม่อาจอธิบายได้ ดังนั้นข้าจึงกังวลว่าสัญชาตญาณนี้จะกลายเป็นความจริง"
สัญชาตญาณของเต่าศิลปะการต่อสู้ !
สัญชาตญาณของผู้ฝึกฝนบ่มเพาะจะไม่ปรากฏขึ้นโดยไม่มีเหตุผลหรือไม่มีคลื่นไม่มีลม มีบางอย่างที่มักเกิดขึ้นเมื่อมันปรากฏตัว
คราวนี้ แม้กระทั่งบรรพบุรุษก็กำลังครุ่นคิด
เขาเป็นบรรพบุรุษอาณาจักรต้นกำเนิดที่ได้รับความเคารพนับถือและมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับสัญชาตญาณของเต๋าศิลปะการต่อสู้ เมื่อความคิดเช่นนี้ปรากฏขึ้น มันมักจะถูกต้องมาก
ยิ่งแข็งแกร่งมาก ความคิดเหล่านี้ก็ถูกต้องมากขึ้น
"เป็นไปได้ไหมว่าอัจฉริยะสามัญคือเจี้ยงเฉินจริง ๆ ? " บรรพบุรุษนักล่าตะวันไม่รู้จักเจี้ยงเฉิน คนอย่างเขาสิ่งที่เรียกว่าอัจฉริยะเป็นเพียงตัวละครเล็ก ๆ
คนที่ไม่มีศักยภาพที่จะเข้าสู่ดินแดนต้นกำเนิดจะไม่อยู่ในสายตาของเขา
เขามองในแง่ดีกับอัจฉริยะหลายคนในนิกายตะวันม่วง และคนที่มีโอกาสจะได้เข้าสู่อาณาจักรต้นกำเนิดมากที่สุดก็คือหลงยู่ซื่อ
ตราบเท่าที่ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น ร่างฟีนิกซ์สวรรค์จะมีโอกาสที่จะขึ้นไปยังอาณาจักรต้นกำเนิดอย่างน้อย 7 – 8 ส่วน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลงยู่ซื่อเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในหมู่คนรุ่นหลัง นางมีสิทธิ์ที่จะได้รับความสำคัญอันดับแรกและได้มีโอกาสเพลิดเพลินกับทรัพยากรของนิกาย
ในทางกลับกัน บรรพบุรุษนักล่าตะวันเห็นว่าผู้ฝึกฝนบ่มเพาะสามัญมีศักยภาพบางอย่าง นั่นคือศักยภาพในการเป็นผู้ฝึกฝนบ่มเพาะอาณาจักรต้นกำเนิด
นี่เป็นเหตุผลที่เขาบอกหัวหน้าชูหยู่ไม่ให้ปราบปรามผู้เข้าแข่งขันคนนี้
แต่ถ้าอัจฉริยะคนนี้เป็นคู่แข่งของหลงยู่ซื่อจริง ๆ เขาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้มีชีวิตอยู่อีกต่อไป
"มันเป็นไปได้หรือไที่อาณาจักรตะวันออกอันแสนธรรมดาได้สร้างอัจฉริยะทั้งสองคนไว้พร้อมกัน?" บรรพบุรุษนักล่าตะวันพึมพำกับตัวเอง
"บรรพบุรุษ ท่านหมายถึงอะไร?" บรรดาผู้ชุมนุมรู้สึกประหลาดใจ
บรรพบุรุษถอนหายใจ "ข้าไม่ได้คิดอะไรมากก่อนที่ชูหยู่จะพูดมันขึ้นมา แต่ตั้งแต่ที่นางมีลางสังหรณ์นี้ มันเป็นสัญญาณจากหัวใจและโดยทั่วไปแล้วมันจะไม่มีข้อผิดพลาด ผู้เข้าแข่งขันคนนี้อาจจะเป็นเจี้ยงเฉินคู่แค้นตลอดกาลของหลงยู่ซื่อจริง ๆ ดูเหมือนสวรรค์มีความยุติธรรม หลงยู่ซื่อเป็นอัจฉริยะที่เก่งกาจซึ่งนางได้รับคู่แข่งที่ทัดเทียมกัน ข้าได้ตรวจสอบพื้นหลังของนางและพบว่าเจี้ยงเฉินเป็นคู่แข่งที่เบื้องบนส่งมาให้กับนาง"
"บรรพบุรุษ ท่านก็คิดเช่นนั้นหรือ?" หัวหน้าชูหยู่ตะลึงเมื่อได้ยินเสียงพูดจากบรรพบุรุษ นางหวังเสมอว่าสัญชาตญาณของนางจะผิดพลาด
นี่เป็นเพราะความตกใจที่อัจฉริยะสามัญนำมาสู่นางเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก
มันเยี่ยมยอดมากจนถึงจุดที่นางไม่มั่นใจอย่างสิ้นเชิงว่าหลงยู่ซื่อจะสามารถปราบปรามเขาได้
"รอดูกันไปก่อน" บรรพบุรุษนักล่าตะวันกางมือออก "ถ้าผู้เข้าแข่งขันคนนี้คือเจี้ยงเฉินจริง เขาถูกกำหนดให้ไม่สามารถอยู่ร่วมกับหลงยู่ซื่อได้ แน่นอนเขาจะกลายเป็นปีศาจภายในของนางถ้าเขาไม่ตาย "
"ในทางกลับกัน ถ้าเขาคือเจี้ยงเฉิน เขาก็จะเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการกระตุ้นหลงยู่ซื่อ ถ้าหลงยู่ซื่อสามารถเอาชนะเขาได้แล้ว นางก็จะทะยานขึ้นไปบนฟากฟ้าเหมือนฟีนิกซ์ที่บินสู่สวรรค์ชั้นเก้า"
"บรรพบุรุษ ท่านหมายความว่าท่านอนุญาตให้ผู้เข้าแข่งขันคนนี้เข้าสู่พื้นที่ส่วนนภาและแข่งขันกับหลงยู่ซื่อหรือ?" หัวหน้าชูหยู่ถามด้วยความกระวนกระวายใจ
"อะไรรึ?" บรรพบุรุษนักล่าตะวันยิ้มอย่างเย็นชา "เจ้าไม่สามารถทนกับเรื่องนี้ได้เพราะอยากจะปกป้องศิษย์ของเจ้าหรือ?"
"เด็กคนนี้มีฝีมือคล่องแคล่วและเหลี่ยมจัด ในขณะที่ความพิเศษของหลงยู่ซื่อยังไม่ก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ นางยังขาดประสบการณ์และยังไม่เข้มแข็งพอ ข้ากังวล…"
"ไม่ต้องกังวลโดยไม่จำเป็น" บรรพบุรุษนักล่าตะวันคัดค้าน "เพื่อที่จะได้กลายเป็นหนึ่งเดียวเหนือทุกคน นางต้องผ่านทุกเรื่องให้ได้ ถ้าคู่แค้นตลอดกาลโชคดีพอที่จะหยุดยั้งนางได้ ทั้งหมดจะไร้ประโยชน์ไม่ว่าศักยภาพของนางจะสูงแค่ไหน "
ผู้อาวุโสชั้นนำของนิกายต่างพยักหน้าเห็นพ้องกัน
อัจฉริยะไม่เพียงแต่จำเป็นต้องมีศักยภาพเท่านั้น แต่ยังต้องการเงื่อนไขต่าง ๆ ที่จะช่วยให้พวกเขาเติบโตขึ้นได้ด้วยตนเอง การออกแบบของการคัดเลือกครอบคลุมทั้งหมดนี้
ถ้าหลงยู่ซื่อไม่สามารถผ่านพ้นอุปสรรคนี้ไปได้หรือไม่สามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้ามทั้งหมดได้แล้ว,นางก็ไม่สมควรที่จะยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของนิกายและเพลิดเพลินไปกับทรัพยากรที่ไม่มีใครเคยได้รับ?
"ชูหยู่ เจ้าเป็นคนเกรี้ยวกราด นี่ไม่ใช่ข้อบกพร่อง แม้แต่การป้องกันที่เข้มงวดของเจ้ากับคนใกล้ชิดมันไม่ใช่ข้อบกพร่อง แต่เจ้าต้องจำไว้ว่าแม้ว่าการป้องกันของอาจารย์เป็นสิ่งจำเป็นในการพัฒนาศิษย์ แต่การแทรกแซงมากเกินไปก็คือการกักขัง ถ้าเจ้าทำทุกสิ่งทุกอย่างให้กับนาง นางจะไม่มีทางแข็งแกร่ง ถ้านางไม่หลอมรวมเข้ากับร่างฟีนิกซ์ของนาง เราจะไว้ใจนางในสถานการณ์ที่สำคัญได้อย่างไร? "
เสียงของบรรพบุรุษนักล่าตะวันเริ่มรุนแรงขึ้น "ฉะนั้น ถ้าผู้เข้าแข่งขันคนนี้คือเจี้ยงเฉิงมันก็ถือว่าเป็นเรื่องดี เขาจะกลายเป็นแบบทดสอบที่เหมาะที่สุดให้กับหลงยู่ซื่อ การมีคู่แข่งที่ถูกลิขิตในช่วงที่อัจฉริยะกำลังทะยานขึ้นถือเป็นจังหวะของความโชคดีและไม่ใช่ความหายนะ เจ้าเข้าใจไหม "
หัวหน้าชูหยู่เอาจริงเอาจังเมื่อนางเข้าใจอะไรบางอย่าง
นางไม่ค่อยรู้สึกเสียใจในตอนนี้ ถ้านางเข้าใจเรื่องนี้มาก่อนหน้านี้นางคงไม่ต้องเสียหน้ามากเท่าไร นางไม่เพียงแต่ทำลายชื่อเสียงของตัวเองเท่านั้น แต่นางก็ต้องจ่ายค่าบทเรียนราคาแพงนี้ด้วยศิษย์ถึง 2 คนเช่นกัน
"เอาล่ะ นี่คือเรื่องทั้งหมด ชูหยู่ถือว่าเรื่องนี้เป็นตัวอย่างให้กับตัวเจ้าเอง มันจะทำให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้น "
บรรพบุรุษโบกมือและกำลังจะกลับ
"บรรพบุรุษ โปรดรอสักครู่ ยังมีอีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับเจี้ยงเฉิน" จู่ ๆ หัวหน้าชูหยู่ก็นึกขึ้นมาได้
"มีอะไรอีกหรือ"
"วันนั้นในราชอาณาจักรตะวันออกชูชิงหานเกือบจะสังหารเจี้ยงเฉินเพียงไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นก็มีคนลึกลับปรากฏตัวออกมาและช่วยเขาไว้ เขาบอกกับชูซิงหานว่าหลงยู่ซื่อและเจี้ยงเฉินควรจัดการความแค้นกันเอง ถ้านิกายตะวันม่วงหรือคนอื่นแทรกแซง บุคคลลึกลับคนนี้จะมาจัดการนิกายตะวันม่วงด้วยตนเอง ตอนนี้ดูเหมือนว่าคนคนนี้อาจจะเป็นคนที่แอบให้คำปรึกษาเจี้ยงเฉิน "
"ชายลึกลับรึ? ควันและกระจก" บรรพบุรุษนักล่าตะวันหัวเราะอย่างเย็นชาอย่างต่อเนื่อง. "นอกเหนือจากพวกเรา 4 คนในสิบหกอาณาจักรนี้ ใครมีสิทธิที่จะเป็นชายลึกลับ?"
"อย่าคิดมากเรื่องนี้อีก ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใคร นิกายของเราก็ไม่กลัวใครในอาณาจักรทั้งสิบหก เขาไม่มีค่าพอที่จะข่มขู่นิกายตะวันม่วง ! " บรรพบุรุษนักล่าตะวันส่งเสียงดังขึ้นด้วยเสียงที่โดดเด่น
"อืม ข้าสงสัยว่าคนลึกลับอาจเป็นเทพวิญญาณผู้พิทักษ์ของราชอาณาจักรนภาจันทร์ เย่ชองหลิว" หัวหน้าชูหยู่ยังคงพูดในสิ่งที่นางคลางแคลงใจ
"เย่ชองหลิวรึ?" เสียงของบรรพบุรุษนักล่าตะวันทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น "เทพวิญญาณผู้พิทักษ์แห่งราชอาณาจักร? เขาเป็นเพียงเทพวิญญาณก็ไม่มีอะไรต้องกังวล เขาสามารถมาพูดคุยกับข้าได้อย่างเท่าเทียมกันเมื่อเขาตัดผ่านสู่อาณาจักรต้นกำเนิด อย่างไรก็ตาม เขาสามารถที่จะทำเช่นนั้นได้ด้วยความสามารถของเขาหรือไม่? ฮ่าฮ่า เป็นไปไม่ได้! "
แม้ว่าบรรพบุรุษนักล่าตะวันจะไม่คุ้นเคยกับเย่ชองหลิว เขาก็ยังรู้จักเขาดี เขารู้ว่าชายคนนี้ห่างจากอาณาจักรต้นกำเนิดเพียงก้าวเดียว แต่ก็ยังไม่สามารถตัดผ่านไปได้
นี่คือสภาวะคับขัน ถ้าเขาไม่สามารถเชื่อมต่อได้ภายในร้อยปี นั่นหมายความว่าเขาไม่มีความสามารถที่จะก้าวไปได้
นี่คือความแตกต่างระหว่างอาณาจักรกำเนิดกับอาณาจักรปราณจิตวิญญาณ มันมีเพียงเส้นเดียว แต่เส้นนั้นล้อมรอบไปด้วยภูเขานับพันและคูน้ำนับหมื่น
เนื่องจากบรรพบุรุษนักล่าตะวันอธิบายทุกอย่างครบถ้วนแล้วจึงไม่มีอะไรมากสำหรับคนอื่นที่จะพูด ทุกคนกลับออกไปทำหน้าที่ของตัวเอง ทิ้งหัวหน้าชูหยู่ไว้ในสภาพที่วิตกกังวล