spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 180: ละครและปัญหาของบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า
ในเย็นวันเดียวกันที่ จางเทีย ได้ตื่นขึ้นมา เขาได้ทำนัดแนะกับพี่ชายเขาไว้
ในตอนเย็น จางเทีย ได้ใส่เสื้อผ้าแล้วขับรถกองทัพออกจากโรงพยาบาลไป เพราะมือซ้ายของเขายังทำงานได้ไม่ดี จางเทีย จึงใช้แต่มือขวาในการคุมพวงมาลัย เพราะเขาแต่งตัวเต็มชุดแล้วจึงไม่มีใครเห็นรอยแผลเขา
รถคันนี้ใช้ระบบไอน้ำที่ง่ายต่อการควบคุมอย่างมาก มันมีตำแหน่งตามปกติ คันเร่ง, เบรก,เกียร์ แน่นอนว่าคันเร่งน่ะเป็นคำเก่า
ก่อนภัยพิบัติตามที่พวกมืออาชีพแล้ว ที่เหยียบนี้จะต่อกับห้องเครื่องของรถ เมื่อเหยียบลงไป ผลลัพธ์ของพลังของเครื่องจักรที่หัวรถจะโดนปรับ
รถเครื่องไอ้น้ำนี่ขยับง่ายอย่ามาก มันสามารถมีความเร็วได้ถึง 100 กม./ชม.ในเมือง ข้อเสียของรถนี้มีเพียงมันใช้เวลาครึ่งชั่วโมงกว่าจะติดได้ในแต่ละวัน หลังจากที่ห้องเครื่องร้อนขึ้นมาและแรงดันข้างในเพิ่มขึ้นถึงระดับหนึ่งถึงจะใช้มันได้ แต่รถน่ะต้องการถูกจุดได้แค่วันละครั้ง หลังจากที่จุดไฟแล้ว คนขับต้องใส่ถ่านเข้าไปตลอด เพิ่มน้ำในส่วนหม้อน้ำและทำความสะอาดขี้เถ้าทุกวันด้วย
แคมป์เหล็กโลหิตนั้นเป็นแคมป์ที่มีพวกรถเยอะที่สุดในทีม 39 มีรถห้าคันให้ใช้งานแค่เพียงหน่วย 3 อย่างเดียวซึ่ง จางเทีย ก็มีไว้ใช้ 3 ใน 5 นั้นเป็นรถที่หุ้มเกราะที่ไว้ใช่ขนส่งทหาร ส่วนอีกสองนันเป็นรถ 5 ที่นั่ง SUV ในฐานะหัวหน้าหน่วยที่สาม จางเทีย เลยมี SUV เป็นของตัวเอง เพราะเขาอยู่ที่โรงบาล แคมป์จึงจัดรถมาให้เขาเพื่อให้สะดวกต่อการเดินทาง
ด้วยเงินจำนวนมากที่เขาได้มาจากกระเป๋าของ สมิหลา จางเทีย ได้ขับรถตรงไปยังร้านขายข้าว หลังจากที่ซื้อข้าวมาสองถุงแล้ว เขาก็ได้บอกให้คนงานที่นั่นขนใส่รถเขา หลังจากนั้นเขาก็ได้จ่ายเงินแล้วขับรถออกไปยังบ้านพ่อแม่
ในระหว่างที่กลับ จางเทีย รู้สึกว่าตัวเองเท่ที่ได้นั่งรถแบบนี้ เขากลับมาพอใจอีกครั้ง
จางเทีย เดาว่าครอบครัวของเขาคงกินมื้อเย็นกันอยู่ หลังจากที่กดแตรสองครั้ง เขาก็ไม่ได้ลงจากรถ เขากลับตะโกนออกมา – “ พี่ เปิดประตู ! “
ก็อย่างที่พวกเขาตกลงกันไว้ในตอนเช้า ในตอนที่ จางหยาง ได้ยินเสียง จางเทีย เขาจะเปิดประตูแล้วเดินออกมา สีหน้าของเขาดูแปลกใจพร้อมกับพูดขึ้น – “ นายขับรถเป็นแล้วนิ เข้ามาสิ เรากำลังกินมื้อเย็นกันอยู่ ! “
“ ไม่ ผมกินแล้ว มีบางอย่างที่ต้องไปจัดการในวันนี้ ผมน่ะเอาข้าวมาให้สองถุงเผื่อว่าพี่จะไปซื้ออีก พี่เอามันลงจากรถได้เลย วันนี้ผมจะไม่เข้าไป ! “
“ ได้ ! “
ในตอนที่สองพี่น้องเล่นละคร พวกเขาก็ได้ยิ้มให้กัน ในตอนที่ จางหยาง กำลังขนข้าวลงจากรถ พ่อกับแม่ก็ได้เดินออกมา
จางเทีย ยิ้มออกมาแล้วโบกมือขวาให้ – “ พ่อ แม่ ผมเอาข้าวมาให้ ! รถเป็นไง ? ลูกชายแม่สุดยอดมั้ย ? ผมขับรถเป็นแล้วนะ ! “
เมื่อเห็น จางเทีย อยู่ด้านนอกบ้าน พ่อกับแม่ก็ยิ้มราวกับเรื่องหนักอึ้งที่แบกไว้ได้หายไป
“ เร็วเข้า เข้ามากินมื้อเย็นเร็ว ! “
“ ไม่ พ่อ เดี๋ยววันหลังผมพาไปขับรถเล่น ผมกินข้าวมาแล้ว ผมมาที่นี่แค่เอาข้าวมาให้ ! “
“ กูกู ลูกไม่เป็นไรใช่มั้ย ? “ – แม่พูดพร้อมกับกำลังจะเดินออกมาหา จางเทีย – “ แม่ได้ยินมาว่าเกิดเรื่องกับลูกในตอนที่ดวล ! “
เขาเอามือซ้ายวางไว้ที่พวงมาลัย จางเทีย ตบลงที่อกตัวเองด้วยมือขวา – “ ผมสบายดี เพราะมีคนมากอยู่ที่โรงเรียนในวันนี้เลยมีเรื่องวุ่นเกิดขึ้น ลูกชายแม่ไม่เป็นอะไร แม้ว่าจะเกือบโดนสาวๆกินก็ตาม มีบางคนที่ทะเลาะกับทหารแต่พวกเขาก็โดนจับ แม่ แม่เข้าไปที่บ้านเถอะ ผมมีเรื่องด่วนต้องไปจัดการในวันนี้ เดี๋ยววันหลังผมกลับมา ! “
หลังจากที่พูดจบ เพราะเขากลัวแม่เขาจะผิดสังเกตเมื่อเข้ามาใกล้ จางเทีย ก็โบกมือให้และรีบเหยียบคันเร่งขับหนีไป
ตอนนี้แน่นอนว่าลูกชายน่ะไม่เป็นไร ในที่สุดแม่ก็ถอนหายใจออกมา เธออยู่บ้านมาตลอดสองวัน ดังนั้นเมื่อ จางหยาง บอกเธอว่า จางเทีย ไม่เป็นไร เธอก็เชื่อแต่เมื่อเธอออกไปซื้อผักวันนี้ เธอได้ยินมาว่า จางเทีย น่ะโดนลอบฆ่า เธออึ้งกับข่าวนี้มาก
เพราะมีไม่กี่คนที่เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับ จางเทีย ในวันนั้น จึงมีเรื่องนั้นหลายแบบที่ถูกเล่ากันต่อมา บางคนบอกว่าเจ้าหน้าที่ของอาณาจักรนอแมนเริ่มสู้กับคนดู บางคนบอกว่าทหารของทีม 39 เริ่มฆ่าคนในโรงเรียน
ยังมีข่าวที่ว่าครอบครัวเกกรอเรี่ยนเป็นต้นเรื่อง แล้วที่ครอบครัวนี้โดนทหารของทีม 39 ล้อมไว้ซึ่งทำไห้เมืองประกาศเคอร์ฟิวอีก
พ่อและแม่ได้ยินเรื่องหลายแบบในสองวันที่ผ่านมาและพวกเขาไม่รู้ว่าเรื่องไหนจริง ดังนั้นพวกเขาจึงกังวลเกี่ยวกับ จางเทีย
หลังจากที่เห็นเขาขับรถไปในสภาพที่ดี ในที่สุดพ่อกับแม่ก็เบาใจ
จางเทีย น่ะไม่อยากทำให้พ่อแม่กังวลเรื่องเขาเลย
หลังจากที่แสดงละครเสร็จ จางเทีย ก็เตรียมที่จะกลับไปที่โรงบาลเพราะเขาต้องเปลี่ยนผ้าพันแผลในคืนนี้
...
เพราะมันเป็นเวลามื้อเย็น มีคนเดินผ่านไปมาที่ถนนไม่กี่คน ดังนั้นแล้ว จางเทีย จึงขับได้สบายอย่างมาก ทางเท้าทั้งสองข้างนั้นผ่านตาของเขาอย่างรวดเร็ว ในตอนที่ขับไปแบบอารมณ์ดีนั้น จางเทีย ก็เห็น ย่าเทเรซ่า ที่ซึ่งนั่งอยู่ข้างถนนในชุดแม่ชีสีเขียว ข้างๆเธอนั้นเป็นกลุ่มเด็ก รถของ จางเทีย ได้ผ่านพวกนั้นไปได้ 20 ม.ในเสี้ยววินาที
เขาเบรกทันทีจนเกิดรอยล้อยาว 7-8 ม.บนถนน เขาได้ขับกลับไปหาพวกนั้น
‘ เธอคือ ย่าเทเรซ่า จริงๆด้วย ! ‘
เด็กกว่า 10 คนยืนอยู่ข้างถนน คนหนึ่งถือกล่องสำหรับบริจาค ส่วนคนอื่นนั้นถือป้ายซึ่งเขียนไว้ว่า ‘ พวกเราหิว ‘
เด็กคนที่เหลือนั้นก็ถือกระถางดอกไม้แหละหญ้า
ย่ายืนอยู่ท่ามกลางเด็กและเก็บเงินบริจาคจากคนใจดีที่เดินผ่านไปมา
นี่มันก็ดึกแล้ว คนจุดไฟก็กำลังจะออกมา มีไม่กี่คนที่ยังคงเดินอยู่บนถนน ดังนั้นแล้วคนพวกนี้ที่ทำการรับบริจาคอยู่จึงดูเหมือนโดนทิ้งเอาไว้
จางเทีย โดดลงจากรถแล้วเดินไปหาพวกนั้น แม้ว่าเขาจะใส่เครื่องแบบแต่เด็กทุกคนก็ยังจำเขาได้
นั่นมันพี่ซุปข้าวที่ซึ่งส่งซุปข้าวให้ทุกอาทิตย์
“ พี่ซุปข้าว.. “
จางเทีย โดนเด็กล้อมทันที เมื่อเห็นสีหน้าที่สลดของเด็กอายุ 4-9 ปีและป้ายบอกว่าหิว จางเทีย ก็อยากร้องไห้ หลังจากที่ราคาธัญพืชที่เพิ่มขึ้นมา แม้แต่ร้านที่บ้านก็ซบเซา แน่นอนว่า จางเทีย คิดออกว่าสถานการณ์ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั้นเป็นยังไง
เมื่อเห็น จางเทีย ย่าได้ยิ้มออกมาเหมือนแต่ก่อนแต่หลังจากผ่านมาสามเดือน เธอดูชรายิ่งกว่าเดิม
“ พี่ซุปข้าว พี่จะส่งซุปให้เราเหมือนแต่ก่อนมั้ย ? เราไม่ได้กินมาตั้งเดือนหนึ่งแล้ว ! “ - เด็กผู้หญิง 6-7 ปีถามขึ้นมาพร้อมกับดึงชายเสื้อ จางเทีย
เมื่อได้ยินคำว่าวซุปข้าว เด็กคนอื่นก็กลืนน้ำลายพร้อมกันและมองมาที่ จางเทีย
“ เด็กดี พี่ชายจะส่งอาหารอร่อยๆให้นะ ! “
เขาพูดจบแล้วลูบหัวเด็กน้อย
ย่าเดินเข้ามาหาเขา ด้วยการที่แตกต่างจากเด็กพวกนี้ เธอจึงรู้ว่ามันหมายถึงอะไรกับการที่เขาใส่ชุดกองทัพ หลังจาก 3 เดือน เด็กน้อยที่คอยส่งซุปข้าวได้กลายมาเป็นร้อยโทขั้นสองของอาณาจักรนอแมน แม้แต่บุคลิกของ จางเทีย เองก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
“ ย่าเทเรซ่า ! “ - จางเทีย ทักทายหญิงชราที่ซึ่งเดินเข้ามาหาเขา
“ ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะให้พรหนูนะ ! “ - ย่าเข้ามากอด จางเทีย
“ กี่วันแล้วที่เด็กพวกนี้หิว ? “
“ กว่าเดือนหนึ่งแล้ว เด็กพวกนี้กินได้แค่ครึ่งท้องต่อครั้ง อีกอย่างอาหารสามมื้อต่อวันก็ลดลงมาเหลือสองมื้อ แม่ไม่มีวิธีไหนแล้วแต่ต้องพาพวกเขาออกมารับบริจาคตามถนน เด็กที่แม่พามาน่ะแข็งแรงแต่ก็ยังมีเหลืออยู่ที่บ้านอยู่ พวกนั้นน่ะไม่มีแรงที่จะเดินด้วยซ้ำ ! “ - ย่าพูดด้วยท่าทีสลด
“ ตอนนี้ย่าต้องการอะไรมากที่สุด ? “
“ อาหาร, เกลือ มันจะดีถ้าได้น้ำตาลกับแอลกอฮอล์ด้วย ! “
“ ย่า ย่าเชื่อผมมั้ย ? “ - จางเทีย มองไปที่ ย่าเทเรซ่า ด้วยสีหน้าจริงจัง
“ แน่นอนสิ ! “
“ งั้นกลับไปที่บ้านกับเด็กพวกนี้ ต้มน้ำและทำความสะอาดคลัง ผมจะเอาของไปส่งให้ ! “
หลังจากมองไปยัง จางเทีย และจูบที่หน้าผากของเขา ย่าก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เธอรู้สึกถึงน้ำตาที่เอ่อล้น เธอรู้ว่าเด็กพวกนี้ในที่สุดก็โดนช่วยแล้ว ...
จางเทีย ยิ้มออกมา – “ พวกเธอกลับไปกับย่าก่อนนะและบอกเพื่อด้วยว่าเตรียมกินอาหารอร่อยๆได้เลย พี่จะเอาไปส่งให้ ฟังดูเป็นไง ? “
“ ดี ! “
เด็กๆต่างก็พากันพยักหน้าด้วยตาที่เป็นประกายแล้วมองมาที่ จางเทีย
จางเทีย ไม่พูดอะไรอีกแล้วโบกมือให้กับคนพวกนี้พร้อมกับโดดขึ้นรถแล้วขับออกไป
จน จางเทีย หายไป ย่าค่อยพาเด็กๆกลับไปยังบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า