spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 174: พลังของมัมมี่
ในวันที่ 9 สิงหาคม ปี 889
ก็อย่างเช่นเคย จางเทีย ตื่นขึ้นมาในตอน 6 โมงจากนาฬิกาชีวภาพ ในตอนที่เขาลืมตาขึ้นมา เขารู้สึกว่าแรงและพลังใจนั้นเพิ่มขึ้นเหมือนกับพระอาทิตย์ที่ฉาดแสง นี่เป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม
นี่เป็นวันที่สามตั้งแต่ที่ จางเทีย มาลงทะเบียนที่แคมป์
ไม่คาดคิดเลยว่าในตอนที่เขาใส่กางเกงนั้นเขาพบว่าไอ้จ้อนของเขาซึ่งไม่แข็งมากว่า 6 วันในที่สุดก็เริ่มทำงานอีกครั้ง ตอนแรก จางเทีย ไม่รู้ว่ามันหมายความว่ายังไงแต่ในตอนที่เขาใส่กางเกง เขาก็เข้าใจว่ามันไม่ได้เจ็บอีกต่อไป
‘ มันหายดีแล้วเหรอ ? ‘
จางเทีย ถอดกางเกงออกและลองถอดผ้าพันแผลดู เขาค่อยเช็คมันและพบว่ามันหายดีแล้วจริงๆมีเพียงแค่รอยแผลเป็นเล็กๆเท่านั้น !
“ ฮาฮาฮาฮา... “
จางเทีย หัวเราะออกมาพร้อมกับถอดเสื้อผ้าแล้ววิ่งเข้าไปห้องน้ำ เขาเปิดน้ำร้อนแล้วอาบน้ำอยู่นาน หลังจากนั้นเขาก็มองไอ้จ้อนใหม่ของตัวเองซึ่งไม่ได้น่าเกลียดอีกต่อไป
ในไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ จางเทีย ได้ชื่อเล่นมาว่า --- มัมมี่ !
แม้ว่าหลายคนในแคมป์นั้นจะมีชื่อเล่นแต่ของ จางเทีย นั้นโด่งดังที่สุด หลังจากที่รู้เหตุผลของชื่อเล่นนี้แล้วคนอื่นต่างก็หัวเราะกันออกมา...
ยังไงก็ตาม จางเทีย ไม่ได้สนเรื่องนั้น เขารู้สึกว่าไม่มีอะไรจะต้องอายเลยสักนิด เนื่องจากพวกเขาต่างก็เป็นผู้ชายแต่ก็ไม่มีอะไรต้องสน ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ได้เสียอะไรเลยสักอย่าง
ผลประโยชน์ของชื่อเล่นนี้คือทุกคนในแคมป์รู้จักคนเข้าใหม่ในชื่อ –มันมี่ร้อยโทขั้นสอง ! แน่นอนนว่ามีหลายคนยังคงเรียกเขาว่าเด็กเส้นลับหลังเขาอยู่
แต่ จางเทีย ไม่ได้สนที่พวกนั้นเรียกเขา ก็เหมือนกับที่ เซรอม พูดเอาไว้ ถ้าคนอื่นเรียกเขาแบบนี้ ก็เพราะพวกนั้นน่ะอิจฉาในความหล่อและบุคลิกอันยอมเยี่ยมของเขา แน่นอนว่ามันต้องเป็นความอิจฉา คนพวกนั้นอิจฉาที่เขาหล่อกว่าในชุดเครื่องแบบกองทัพก็เท่านั้น
ฮาฮาฮา..
มีอีกออย่างที่ต้องจัดการในวันนี้ มันเป็นวันที่ต้องดวลกับ โซดอร์
จางเทีย รู้ว่าได้เวลาที่จะแสดงพลังของตัวเองแล้ว เขาทำตัวไม่โดดเด่นในไม่กี่วันที่ผ่านมา ดังนั้นแล้วตอนนี้ก็ได้เวลาที่เขาจะแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงให้พวกบัดซบนั่นดู
ในสองวันที่ผ่านมานั้นความสำเร็จที่ใหญ่ที่สุดคือเขาเรียนรู้วิธีขับรถ เขาขับรถไปไหนมาไหนรอบๆแคมป์ได้แล้วซึ่งทำให้วันที่ผ่านมานั้นน่าเบื่อน้อยลงกว่าแต่ก่อน
จางเทีย พบว่ามันน่าสนใจอย่างมากในการขับรถ มันก็เหมือนกับการวิ่ง มันทำให้เขารู้สึกอิสระในตอนที่สายลมพัดผ่านหน้าไป
ก่อนหน้านี้ จางเทีย คิดเกี่ยวกับเรื่องจะออกไปด้วยชุดธรรมดาแต่หลังจากที่คิดเรื่องการดวลแล้ว เขาก็ใส่ชุดต่อสู้ของร้อยโทแทน
เทียบกับชุดไม่เป็นทางการกับชุดเต็มยศแล้ว ชุดต่อสู้นี้เหมาะกับการต่อสู้และยืดหยุ่นมากกว่า วัสดุหลักของด้านนอกนั้นคือหนังซึ่งทำให้รู้สึกว่าแข็งแกร่งอย่างมาก
อีกอย่างแล้วชุดนี้มีความสามารถป้องกันที่สูงระดับหนึ่ง มีคำพูดบอกว่า เสื้อชั้นด้านในที่ถักขึ้นมานั้นอยู่ใกล้กับหัวใจและท้องซี่งสามารถต้านทานอันตรายจากธนูได้
การปฏิบัติของอาณาจักรนอแมนต่อทหารนั้นมีให้เห็นได้จากชุดต่อสู้พวกนี้
แม้ว่าชุดต่อสู้นี้จะเทียบกับชุดเกราะจริงๆไม่ได้แต่ จางเทีย ก็ยังใส่มันในการต่อสู้กับ โซดอร์ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องบาดเจ็บเลย
สำหรับคนอ่อนแออย่าง โซดอร์ แล้ว แน่นอนว่า จางเทีย ไม่จำเป็นต้องใส่เกราะใดๆ
เขาใส่ชุดต่อสู้, รองเท้าหนังและถุงมือก่อนจะมองไปที่กระจก ชุดนี้มีสีดำแดงซึ่งเข้ากับชิ้นอื่นๆ ทำให้เขาดูสง่าขึ้นไปอีก
“ จางเทีย นายนี่หล่อจริงๆ ! “ - จางเทีย พึมพำกับตัวเองก่อนจะยิ้มออกมา
จากนั้นเขาก็หยิบดาบยักษ์น้ำหนัก 358 กก.ที่ห้อยไว้ที่ชั้นวางและค่อยๆพาดลงไปที่ไหล่ก่อนจะเดินออกจากหอไป
ในตอนที่เขาเดินออกมา แตรตอนเช้าของแคมป์ก็ได้ดังขึ้นมา
มันยากที่จะบอกว่ามันเป็นเพราะเขาได้ฟื้นฟูตัวอย่างดี รึเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นมาหลังจากกินผลไม้ด้านในอีกสองผลแต่ผ่านมาแค่เพียงหนึ่งอาทิตย์ จางเทีย การรู้สึกว่าดาบนี่น่ะเบาขึ้นเล็กน้อยและเขาสามารถใช้มันได้อย่างอิสระมากกว่าเดิม
ในตอนที่ จางเทีย ลงไปที่ชั้นล่าง เขาก็เจอกับร้อยโทขั้นสองอีกคนที่ซึ่งเพิ่งตื่น เมื่อเห็นเขาเดินลงมาพร้อมกับดาบยาวกว่า 2 ม. ร้อยโทขั้นสองคนนั้นก็ตกใจจนอ้าปากกว้าง
“ สวัสดีตอนเช้าร้อยโทขั้นสอง โกเต้ ! “ - จางเทีย ทักทายร้อยโทขั้นสองที่ซึ่งอยู่ที่ชั้นสาม
“ ไอ้ใหญ่ๆที่อยู่บนไหล่นายน่ะ....ไม้ทาสีใช่มั้ย ? “
ร้อยโทขั้นสองมองมายัง จางเทีย ด้วยความเหลือเชื่อ ในตอนที่ จางเทีย ทักทายเขา จางเทีย สามารถถือดาบนั่นได้ด้วยมือเดียว ดูจากรูปร่างแล้วเขาไม่น่าจะมีแรงมากและดาบนั่นก็ทำให้ร้อยโทคนนี้สงสัย
จางเทีย ยิ้มให้ โกเต้ เดินเข้ามาแล้วลองใช้นิ้วดีดดาบนั่นดู เมื่อได้ยินว่าไม่มีเสียงเพราะน้ำหนักของมัน หน้าของ โกเต้ ก็บิดเบี้ยวทันที เขากลืนน้ำลายแล้วมองไปที่ จางเทีย ด้วยความแปลกใจ
“ มันหนักเท่าไหร่ ? “
“ 358 กก. ! “
“ นั่นคืออาวุธหลักในการต่อสู้ของนายรึเปล่า ? “
“ ใช่ ตอนที่ เวสซี่ พาฉันไปเลือกอาวุธในคลัง ฉันรู้สึกว่าดาบน่ะเข้ามือ ฉันเลยเลือกมัน ! “ - จางเทีย ตอบด้วยท่าทีใส่ซื่อ
‘ เหี้ยไรวะนั่น ? ‘
เมื่อเห็นฟันเลื่อยใหญ่ๆในอีกด้านของดาบ โกเต้ ก็เหงื่อผุดไหลลงมาที่คอ ‘ พระเจ้า ! ทำไมไม่เอาสายฟ้ามาผ่าฉันบ้าง ? ฉันเองก็อยากเป็นแบบนี้บ้าง ! ‘
จางเทีย เดินลงไปที่ชั้นล่างกับ โกเต้ คนหลังนั้นกลัวอย่างมาก ในตอนที่ทั้งคู่อยู่ตรงทางเข้าของหอ จางเทีย ก็เดินตรงไปที่กลุ่มสามที่ทำการออกกำลังกายอยู่
เขาเอาดาบตัวเองปักลงไปที่พื้น จางเทีย รอจนกว่าคนในกลุ่มนั้นจะเดินออกมา
ห้านาทีต่อมาหลังจากที่แตรตอนเช้าดังขึ้น ชายห้าสิบคนในกลุ่มสามก็ได้ออกมารวมตัวกัน แน่นอนว่าทุกคนเห็น จางเทีย ในชุดต่อสู้และดาบที่อยู่ตรงหน้าเขา ไม่ใช่แค่พวกเขา แม้แต่คนครึ่งหนึ่งในสนามซ้อมเองก็เห็นมันด้วย
ในฐานะหัวหน้ากลุ่มแล้ว ภารกิจของ จางเทีย คือพาพวกนี้ฝึกให้เสร็จ นอกจากนี้แล้วเขาเองก็ยังสามารถปรับการฝึกได้
“ เช้านี้ เราจะฝึกเรื่องแรง พวกนายเห็นดาบนี่มั้ย ? ถ้านายต้องการจะแสดงให้ฉันเห็นว่าเป็นลูกผู้ชาย มาดึงดาบนี่ออกจากพื้นและปักกลับลงไปที่พื้นเหมือนกับที่พวกนายเอาผู้หญิง ถ้านายทำเรื่องง่ายๆแบบนี้ไม่ได้ จากวันนี้เป็นต้นไป พวกนายก็ไม่ควรบอกว่าเป็นลูกผู้ชายต่อหน้าฉัน .. “
จางเทีย ยิ้มออกมา คำพูดของ จางเทีย เหมือนกับพิษของงูซึ่งกระตุ้นให้พวกนั้นเจ็บใจกันขึ้นมา
ทุกคนเป็นเหมือน โกเต้ เมื่อเห็นดาบนั่น บางคนถึงกับคิดว่ามันเป็นการหลอกจากมัมมี่ร้อยโทขั้นสองคนนี้ นั่นคงเป็นดาบไม้ที่ทาสีเพื่อหลอกคนอื่น
หลายคนต่างก็มองหน้ากัน
“ ใครบ้างอยากพิสูจน์ว่าตัวเองเป็นลูกผู้ชาย ? “
“ ฉัน ! “
เบ็คแฮม ที่ซึ่งสูงเกือบ 2 ม. เดินออกมาจากกลุ่มและมาหยุดต่อหน้า จางเทีย เขาเหยียดมือทั้งสองออกมา เบ็คแฮม จับไปที่ด้ามดาบ ในตอนที่เขาทำแบบนั้นหน้าของเขาก็ได้เปลี่ยนไปทันที เขาสัมผัสได้ว่าสิ่งที่เขาจับอยู่นั้นไม่ได้ทำมาจากไม้
“ อ๊าก ! “
เบ็คแฮม คำรามออกมา เขาทำท่ากังฟูออกมา กล้ามเนื้อและเส้นเลือดโผล่ออกมาทั่วตัว ตอนนี้หน้าของเขาแดงกล่ำ เขาพยายามที่จะดึงดาบนั่นออกมาจากพื้นให้ได้
หลังจากที่ปักดาบลงที่พื้นแล้ว คนเราต้องใช้แรงมากกว่าเดิมเพื่อดึงมันออกมา เพราะแบบนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะต่อยออกมาด้วยแรงที่หนัก 358 กก.แต่มันยากยิ่งกว่าที่จะหยิบวัตถุที่หนัก 358 ขึ้นมาได้
ในที่สุดหน้าผากของ เบ็คแฮม ก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาสามารถดึงมันออกมาได้แค่ 10 ซม.
หลังจากที่คำรามอยู่กว่า 3 นาที ในที่สุด เบ็คแฮม ก็ทรุดลงไปที่พื้น หลังจากที่พยายามยืนขึ้นแล้วสีหน้าเขาก็แสดงความละอายออกมา
“ ใครต่อไป ! “
ทุกคนต่างก็มองหน้ากัน
“ พวกนายไม่มีความกล้าแม้แต่จะพิสูจน์ตัวเองเลยรึไง ? “ - จางเทีย ยั่ว
“ นายจะพิสูจน์ได้ยังไงว่านายเป็นคนเอามันปักลงที่พื้นเอง ? นายพิสูจน์ได้ยังไงว่านายน่ะเป็นลูกผู้ชายจริง ? “ – คนหาเรื่องในกลุ่มแย้งขึ้นมาด้วยเสียงแปลกๆ
“ มันง่ายมาก ! “ - จางเทีย เริ่มใช้พลังคีของเขา จากนั้นเขาก็ใช้แค่เพียงมือเดียวในการดึงดาบยักษ์ออกมาจากพื้น หลังจากนั้นเขาก็เอามันปักลงที่พื้นต่อหน้าทุกคน มันปักลึกลงไปกว่า 2 ฟุต จากนั้นเขาก็ดึงมันขึ้นมาอีกรอบแล้วปักมันลงคืนอีก
เมื่อเห็นสิ่งที่ จางเทีย ได้ทำ ทุกคนก็เงียบ แม้แต่คนที่หาเรื่องเองก็ต้องหุบปาก...
เขาไขว้มือไว้ที่หลัง จางเทีย ดูเหมือนอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญแต่กล้ามเนื้อและเส้นเลือดที่มือเขาในตอนที่ดึงดาบออกมากระตุก จางเทีย จึงใช้อีกมือประคองมือที่กระตุกไว้
แม้ว่าเขาจะดูใจเย็นในสายตาคนอื่นแต่เขารู้สึกว่าเขาได้ใช้พลังงานไปเกือบหมดแล้ว เพียงแค่ฟัน 2-3 ครั้ง กล้ามเนื้อที่มือขวาของเขาก็เริ่มที่จะเจ็บขึ้นมาแสดงความต่อต้านกับ จางเทีย
มีความคิดหนึ่งแว๊บขึ้นมา ‘ ถ้าฉันสามารถฆ่าหมาป่าเป็นฝูงและกิน Huge Wolf Seven-Strength Fruits เข้าไปได้อีก การทำแบบนี้มันจะง่ายกว่าเดิมเยอะ ‘
หลังจากที่เห็นหัวหน้าตัวเองทำแบบนั้นสองรอบ ทุกคนต่างก็เริ่มพากันต่อคิวเพื่อที่จะลองดูว่าสามารถดึงดาบขึ้นได้หรือไม่ ทุกคนต่างก็อยากเห็นว่า จางเทีย น่ะทรงพลังแค่ไหน
หลังจากชายกว่า 50 คนลองมันแล้ว สายตาของทุกคนก็มองไปที่ จางเทีย เมื่อเห็นพลังอันยิ่งใหญ่ต่อหน้าพวกเขา ไม่มีใครกล้าจะพูดอะไรแย่ๆกับเด็กนี่อีกต่อไป
สุดท้ายแล้วไม่ใช่แค่ทหารของกลุ่มสาม แม้แต่ทหารและเจ้าหน้าที่ในแคมป์เองก็มาต่อคิวลองดูด้วย พวกเขาต้องการที่จะทดสอบว่า ‘ พวกเขาเป็นลูกผู้ชายรึเปล่า … ‘
สุดท้ายทหารในแคมป์ต่างก็เริ่มจัดอันดับกัน
พวกคนที่ขยับดาบไม่ได้เลยนั้นเป็นผู้หญิง , พวกคนที่ดึงดาบออกจากพื้นบางส่วนได้นั้นคือผู้หญิงครึ่งหนึ่ง, พวกเขาที่ดึงดาบออกจากพื้นได้แต่ปักมันลงคืนไม่ได้นั้นเป็นลูกผู้ชายครึ่งหนึ่ง พวกคนที่ดึงมันออกมาแล้วปักลงที่พื้นได้นั้นแต่ไม่สามารถยืนได้อย่างคงที่ก็เป็นแค่ผู้ชายไก่กา มีแค่คนที่ดึงมันออกมาแล้วปักลงที่พื้นพร้อมกับยืนได้อย่างมั่นคงเท่านั้นที่เป็นลูกผู้ชายตัวจริง
อะไรคือลูกผู้ชายตัวจริง ? ชายที่สามารถดึงมันออกมาแล้วปักมันลงกลับไปได้ !
ทั้งเช้านี้กลุ่มทหารและเจ้าหน้าที่ในแคมป์ต่างก็มาทำกิจกรรมที่ จางเทีย จัดขึ้นมา พวกคนที่แข็งแกร่งนั้นต่างก็แข่งกันจนเหงื่อชุ่มไปทั่วทั้งตัว พวกคนที่เรียก จางเทีย ว่าเด็กเส้นต่างก็รู้ว่าตัวเองนั้นเทียบเด็กเส้นไม่ได้ ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงรู้สึกละอาย
ในตอนที่เกือบได้เวลาอาหารเที่ยง แม้แต่ รินฮาท เองก็ยังสนใจด้วย
ภายใต้สายตาชื่นชมของคนอื่นๆ รินฮาท สามารถดึงดาบนั่นออกมาได้ง่ายๆ หลังจากที่โบกไปมาแล้วฟันลงด้านล่าง ตอนนั้นเองก็ได้มีแรงอันมหาศาลพุ่งออกมาจากดาบเหมือนกับสายฟ้าตรงเข้าใส่พื้นจนเกิดรอยที่ลึกกว่าหนึ่งฟุตและยาวกว่า 10 ม.
ทุกคนต่างก็ช็อคกับสายฟ้านั่น รวมถึง จางเทีย เองด้วย
“ ฮาฮา ดาบนี่เยี่ยมจริงๆ ฉันจะหามาเล่นสักวัน... “- รินฮาท หัวเราะออกมา – “ ให้พวกทหารลองฝึกดู พวกเขาที่ถูกเรียกว่าผู้หญิงน่ะห้ามกินข้าว จากนี้ฉันจะให้มีการแข่งขันแบบนี้ทุกอาทิตย์ คนที่โดนเรียกว่าเป็นผู้หญิงน่ะไม่ให้กินข้าวในวันนั้น คนที่ดีขึ้นมาหน่อยให้กินได้มื้อเดียว ไอ้ผู้ชายไก่กาน่ะให้กินเพิ่มได้อีกมื้อ สำหรับคนที่เป็นลูกผู้ชายที่แท้จริงล่ะก็ฉันคนนี้จะให้รางวัลเป็นซิการ์... “
เมื่อพูดแบบนั้น รินฮาท ก็ได้ดึงซิการ์ออกมาแล้วโยนให้กับ จางเทีย เมื่อเห็นแบบนั้น ทหารคนอื่นต่างก็น้ำลายไหล
หลังจากทำตามเป้าหมายได้แล้ว จางเทีย ก็เกาหัว – “ หัวหน้า ผมจำเป็นต้องใช้ดาบในตอนบ่าย มันอาจไม่มีเวลาพอที่ทุกคนจะได้ลองดู ถ้าแบบนั้นผมกลัวว่าคงต้องใช้เวลาทั้งวันแน่ๆเลย ! “
“ นายจะใช้ดาบนี่ไปทำอะไรในตอนบ่าย ? “
“ มีบางคนอยากดวลกับผม ผมต้องไปที่นั่น ! “ - จางเทีย ตอบกลับอย่างจริงใจ
หลังจากที่พูดแบบนั้นแล้ว จางเทีย ก็พบว่าอยู่ๆรอบๆก็เงียบไป ไม่นานหลังจากนั้นทุกคนก็เริ่มหงุดหงิดกันขึ้นมา
“ อะไรนะ ? ! ไอ้บัดซบคนไหนกล้าท้าดวลกับเจ้าหน้าที่ของเรา ? “
ความโกรธของ รินฮาท นั้นพุ่งทะลุถึงขีดสุดจนทำให้ทุกคนช็อค
“ จัดการมัน จัดการมัน... “
“ เรียกคนจากแคมป์มา เตรียมรถเกราะให้พร้อม เตรียมใช้รถถังด้วย ... “
“ เตรียมอาวุธ ! “
ทุกคนต่างก็รู้สึกคึกกันขึ้นมา โดยเฉพาะคนในกลุ่ม จางเทีย ที่ซึ่งโดนเขาพิชิตใจไป พวกนั้นตื่นเต้นอย่างมากจนกระโดดไปรอบๆอย่างกับคนบ้า
‘ ทำไมต้องตื่นเต้นกันขนาดนี้ ? มันก็แค่การดวล ไม่เห็นต้องทำเป็นเรื่องใหญ่โตเลย ‘
จางเทีย รู้สึกสับสน...