spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 173: ลำดับชั้นที่มีอยู่ทุกที่
เพราะลำดับชั้นที่แตกต่างกันของอาณาจักรนอแมนมีอยู่ทั่วทุกที่ ตอนเที่ยงโรงอาหารของแคมป์นั้นก็แบ่งออกเป็นเจ็ดส่วน: ทหารทั่วไป, สิบโท, จ่า, จ่าขั้นแรก, ร้อยโทขั้นสอง, ร้อยโทขั้นหนึ่งและพลตรีกู๊ดเดียน และ พันโทรินฮาท ทุกคนต่างก็กินในพื้นที่ของตัวเอง
อาหารสำหรับคนยศต่างๆนั้นก็แตกต่างกันไป สำหรับร้อยโทขั้นแรกเป็นต้นไปแล้วแต่ละคนจะได้ผลไม้ก่อนอาหารเที่ยง สำหรับกัปตันแล้วพวกเขาจะได้ของหวาน พลตรีกู๊ดเดียน และพันโทนั้นได้รับบริการจากกุ๊กโดยตรง
มุมมองของ จางเทีย นั้นกว้างขึ้นจริงๆ
“ พวกเขาต้องทำตามระบบลำดับชั้นแม้แต่ตอนกินมื้อเทียง พวกมันไม่กลัวที่จะขัดแย้งกันในกองทัพงั้นเหรอ ? “ - จางเทีย ร้อยโทขั้นสองคนหนึ่งที่ซึ่งนั่งกินข้าวกับเขา
“ ไม่มีทาง ! “ – ร้อยโทขั้นสองที่ซึ่งกินข้าวกับเขานั้นมองแปลกๆมาที่ จางเทีย - “ บอกฉันทีสิว่านายคิดบ้าอะไร ?”
“ ฉันคิดว่าถ้าฉันมีผลไม้ก่อนอาหารเที่ยงบ้างก็ดี ! “ - จางเทีย ตอบตามตรง
“ ถูกต้อง ฉันก็คิดแบบเดียวกัน ร้อยโทขั้นแรกน่ะกับพวกหัวหน้าที่กินผลไม้ต้องคิดอยากได้ของหวาน ของหวานนั่นคงทำให้หัวหน้าสนุกอย่างมากแน่ ทหารทั่วไปก็คงเหมือนกัน พวกสิบโทน่ะก็อยากได้อาหารเหมือนจ่า จ่าก็อยากได้ซุปเหมือนจ่าขั้นแรก จ่าขั้นแรกนั้นก็อยากจะมีหอและทาสสวยๆมานอนด้วย เราทุกคนน่ะต่างก็ไล่ตามสิ่งที่เราไม่มี ในกองทัพแล้วคนเราน่ะหวังแต่จะได้สิ่งที่ดีกว่าเดิมแต่การจะได้มาก็ต้องพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเอง ดังนั้นแล้วนี่จึงเป็นเรื่องที่กระตุ้นทุกคน ! “
หลังจากที่คิดสักพัก จางเทีย ก็พบว่ามันจริง ระบบลำดับชั้นนั้นมีอยู่ทั่วทุกที่โดยมันกระตุ้นให้คนทำงานหนักและเตือนพวกเขาถึงฐานะของตัวเอง อาณาจักรนอแมนนี่น่ากลัวจริงๆ
ลำดับชั้นคือคำสั่ง ! คำสั่งคือสิ่งสวยงาม !
จางเทีย จำได้ถึงคำพูดที่อยู่ในหัวของทหารทุกคนที่ เวสซี่ บอกเขามา
ประเทศที่สามารถให้อาวุธแตกต่างกันในแต่ละลำดับชั้นของยศนั้นน่าทึ่งจริงๆ
จางเทีย เริ่มคิด
‘ บางทีพลเมืองเองก็ถูกแบ่งเป็นระดับต่างกัน ผลก็คือได้รับการปฏิบัติต่างกันตั้งแต่เกิด หลายคนอาจทำงานหนักเพื่อพัฒนาฐานะทางสังคมและยศตั้งแต่ที่ยังเด็ก
ระบบลำดับชั้นของอาณาจักรนอแมนเป็นที่รู้จักกันดีในสมาคมแบล็คซอน ทุกอย่างในประเทศรวมถึงเมืองและคนนั้นต่างก็ถูกแบ่งออกเป็นระดับ เมืองของอาณาจักรนอแมนน่ะถูกแบ่งออกเป็น 9 ระดับ ส่วนคนนั้นถูกแบ่งออกหลายระดับและยศ
ระดับที่ต่ำที่สุดคือทาสที่มีความผิด ตามมาด้วยพลเมืองที่มีความผิด จากนั้นก็พลเมืองทั่วไป,ทหาร, คนที่ได้รับการยกย่อง, คนชั้นสูงและราชวงศ์ ในบรรดาระดับราชวงศ์ ส่วนที่มีเกียรติมากที่สุดคือส่วนของจักรพรรดิ จักรพรรดิของอาณาจักรนอแมนนั้นคือจุดสูงสุดของลำดับชั้น
นี่เป็นการแบ่งแบบคร่าวๆ เอาให้แม่นยำแล้วทาสเองก็จะมีการแบ่งย่อยออกไปอีก
ในอาณาจักรนอแมนแล้วทาสระดับต่ำที่สุดคือทาสระดับ 3 ถ้าทาสระดับ 3 ไม่ได้ทำฝ่าฝืนกฎตลอดชีวิตแล้วลูกของพวกเขาจะถูกเลื่อนขั้นมาเป็นทาสระดับ 2 ทาสระดับ 3 ไม่สามารถเลื่อนขั้นมาตอนไหนก็ได้ในชีวิตแต่ถ้าทาสระดับ 3 นั้นได้รับรางวัล ,ลูกของพวกเขาจะเลื่อนขั้นมาเป็นทาสระดับ 1
ก็คล้ายกับทาสระดับ 2 ที่มีสิทธิเหนือกว่าระดับ 3 เมื่อทาสระดับสองได้รับรางวัลรึช่วยทางการ พวกเขาจะถูกเลื่อนขั้นเป็นทาสระดับ 1 หลังจากนั้นถ้าพวกเขาไม่ได้ฝ่าฝืนกฎ ลูกของเพวกเขาก็จะไม่ได้เป็นทาสและได้กลายเป็นพลเมืองผู้มีควาผิดแทน
ในระดับนั้นพวกเขาจะเริ่มมีสิทธิในสังคม ถ้าพวกเขาช่วยสังคมรึได้รับรางวัล พวกเขาและลูกจะกลายเป็นพลเมืองทั่วไปที่ซึ่งมีสิทธิในสังคมที่มากกว่าเดิม
ในอาณาจักรนอแมนคนรึครอบครัวไหนที่อยู่ต่ำกว่าทาสระดับ 3 พวกเขาต้องทนทรมานกว่า 3 รุ่นก่อนที่จะกลับเข้ามาในสังคมได้
จางเทีย เป็นตัวอย่าง หลังจากที่เลื่อนขั้นมาเป็นร้อยโทขั้นสอง เขาคือทหารระดับต่ำ
ในอาณาจักรนอแมน มีแค่คนที่มาจากครอบครัวที่สูงกว่าระดับทหารเท่านั้นที่เข้ากองทัพได้ ผู้การลิปนิซ นั้นเป็นทหารระดับสูง เมื่อเลื่อนขั้นเป็นแม่ทัพหลักได้ เขาก็จะกลายเป็นสมาชิกของคนที่ได้รับการยกย่อง
โครงสร้างของสามเหลี่ยมนี้มีใช้ทั่วทั้งอาณาจักรและมีกลไกลการทำงานที่แม่นยำ
ถ้าคนเราต้องการเป็นสมาชิกของชนชั้นสูง ไม่ใช่แค่ในอาณาจักรนอแมนแต่ยังในประเทศอื่นๆด้วย มันมีความต้องการเพียงอย่างเดียว – คนพวกนั้นได้รับการสรรเสริญจากผู้คนจากการต่อสู้กับพวกปิศาจฆ่าพวกมันจนได้รับความเคารพจากทุกนคนและได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชนชั้นสูง
หลังจากสงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งแรก มีการชี้แจงใน ‘ สมาคมนุษย์แม็คนา “ ที่ก่อตั้งขึ้นมาโดยหลายประเทศบอกว่ามีแค่คนที่ฆ่าปิศาจเท่านั้นที่จะได้รับฉายาชนชั้นสูงไป กฎนี้ได้รับการรับรองจากหลายฝ่าย
เพราะยังไม่ได้ฆ่าปิศาจใดๆมาก่อน แม้แต่ หลินชางเจี้ยง รัฐบาลของเขตแดนทางเหนือของอาณาจักรนอแมนก็เป็นแค่สมาชิกเพียงคนที่ได้รับการสรรเสริญ ไม่ใช่ชนชั้นสูง
ระดับชนชั้นสูงในยุคนี้น่ะได้แสดงความเป็นชนชั้นสูงและวีรบุรุษที่แท้จริงซึ่งแต่กต่างอย่างสิ้นเชิงกับพวกชนชั้นสูงก่อนที่จะเกิดภัยพิบัติ
...
หลังจากทีอยู่แคมป์มาได้วันหนึ่ง จางเทีย ตระหนักได้ว่าเขาประทับใจกับที่นี่ แม้แต่ทหารทั่วไปก็ยังได้รับการปฏิบัติที่ดีแต่เพราะแคมป์นี้นั้นพิเศษเกินไปในกองทัพของอาณาจักรนอแมน เจ้าหน้าที่กองทัพที่นี่จึงสามารถสนุกไปกับการได้รับการดูแลได้
ในช่วงเวลาไม่มีสงครามทุกคนในแคมป์จะได้ค่าจ้าง 1.5 เท่าสูงกว่าที่ทหารระดับเดียวกันได้ในเขตอื่น ในช่วงสงครามพวกเขาจะได้ค่าจ้างเป็น 2 เท่า ต้องบอกเลยว่า จางเทีย น่ะได้เงิน 8 ทองต่อเดือนที่นี่ ก่อนหน้านี้เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะได้เงินมากขนาดนี้ต่อเดือน
นี่เป็นแค่สิทธิพิเศษอย่างเดียวของเจ้าหน้าที่ในแคมป์ อีกอย่างเจ้าหน้าที่แต่ละคนที่นี่น่ะก็สามารถเอาของบางอย่างได้เช่นพวกบุหรี่และขนมรึของอื่นๆที่ยากที่จะหาได้ในสถานที่อื่น
นอกจากการดูแลแล้ว ประสบการณ์ในฐานะทหารรึเจ้าหน้าที่ในแคมป์เองก็มีผลอย่างมากในสายตาของผู้มีอำนาจ ในกองทัพเขาเหล็ก เจ้าหน้าที่พวกนี้ได้รับใช้กองทัพมากว่าสามปี ดังนั้นแล้ว จางเทีย เข้าใจว่าที่นี่คือขุมทองของพวกเขา
มีชื่ออีกอย่างสำหรับแคมป์เหล็กโลหิตคือแคมป์สองชั้น อันแรกหมายถึงอัตราเสียชีวิตที่สูง ส่วนอีกอันนั้นคือโอกาสเป็นไปได้ที่จะผ่านจุดคอขวดของหมัดเหล็กโลหิตไปได้ เพราะแบบนี้จึงมีทหารโดยทั่วไปอยู่สองแบบ
แบบแรกคือพวกสร้างปัญหา,บัดซบและหาเรื่องที่ซึ่งถูกโยนมาไว้ในแคมป์ พวกเขามักจะตายรึไม่ก็เติบโตขึ้นข้างใน
แบบที่สองนั้นคือคนที่เสี่ยงจริงๆ พวกนี้คือพวกคลั่งสงครามที่ซึ่งฝันที่จะผ่านจุดคอขวดโดยการฝึกทักษะหมัดเหล็กหิตผ่านการออกกำลังที่ยากลำบากและการต่อสู้ที่นี่
นี่คือสิ่งที่ จางเทีย เห็นในตอนที่เข้ามาในแคมป์เป็นครั้งแรก บางคนนั้นนอนขี้เกียจอยู่กับพื้นแล้วนอนอยู่ใต้ต้นไม้ ส่วนคนอื่นนั้นฝึกฝนในพื้นที่ฝึกภายใต้แสงอาทิตย์ที่ร้อนแรง ผิวของพวกเขานั้นไหม้จนลอกออกมาเป็นชั้นได้
ในแคมป์ นอกจากหนึ่งชั่วโมงในการฝึกตอนเช้า ไม่มีการฝึกอย่างอื่นจัดให้สำหรับทหารธรรมดา ทุกคนสามารถทำทุกอย่างได้ตามต้องการอย่างเช่นการฝึกรึนอนหลับ ไม่มีใครสนว่าคุณจะทำอะไรเพราะการต่อสู้ในแคมป์นั้นจะตัดคนออกเอง ถ้าคุณแข็งแกร่งพอ คุณก็จะรอดจากการต่อสู้ไปได้ ถ้าไม่มันก็คงเป็นธรรมดาสำหรับคุณที่จะโดนกำจัดทิ้ง จากนั้นคุณก็คงจะโทษใครไม่ได้
ทหารนั้นผ่อนคลายอย่างมาก ในฐานะเจ้าหน้าที่ระดับต่ำแน่นอนว่า จางเทีย ต้องผ่อนคลายมากกว่า มันไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กรึใหญ่ ในวันแรกที่เขาได้ลงทะเบียนในแคมป์ เขาพบว่าเขาไม่ได้มีอะไรที่จะต้องทำในตอนบ่าย
ทีม 39 ในเมืองนี้เป็นทีมระดับ 2 ซึ่งหมายความว่าทหารธรรมดาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากแคมป์โดยไม่ได้รับคำสั่ง
เจ้าหน้าที่ของแคมป์ต้องทำตามกฎที่ต้องมาเช็คชื่อสามครั้งเช้า,บ่าย,เย็น
ในตอนเช้าเจ้าหน้าที่หลายคนได้เข้าร่วมการออกกำลังกายกับทหารเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ตอนบ่ายพวกเขาก็จะไปกินข้าว ในตอนเย็นมันก็ได้เวลากลับไปที่หอตัวเองเพื่อนอนก่อนเที่ยงคืน เจ้าหน้าที่นั้นห้ามไปนอนข้างนอก นอกจากนี้แล้วแคมป์นั้นก็ไม่ได้มีข้อห้ามอะไร จางเทีย อีก
ด้วยวิธีนี้ จางเทีย พบว่ามันก็ไม่ได้น่าเบื่อแบบที่เขาคิดเอาไว้
ก่อนที่เขาจะได้ไปยังคารัวล์สำหรับการต่อสู้ที่จะเข้ามา เขามีเวลาสองอาทิตย์ในเมืองนี้ ระหว่างนั้นเขาจะทำอะไรได้มากมาย....