spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 172: การยอมรับ
จางเทีย รู้ว่านี่มันแทบเหมือนฝันที่คนที่ดูแข็งแก่งที่ซึ่งแก่กว่าเขา,รับใช้กองทัพมานานกว่าเขาและมีประสบการณ์การต่อสู้มากกว่าได้ให้ความเคารพเขา เอาจริงๆแล้วคนพวกนี้น่ะดูเหมือนเป็นเครื่องมือในการสร้างความรุนแรง
‘ ฉันต้องสู้กับคนพวกนี้รึเปล่า ? ‘ จางเทีย ถามกับตัวเองก่อนที่ความเจ็บจะดึงสติเขา แผลตรงไอ้จ้อนออกอาการอีกรอบ เพราะมันยังไม่หายดี ถ้าเขาเคลื่อนที่หนัก มันจะฉีกขาด ถ้าเป็นแบบนั้น จางเทีย ไม่มั่นใจว่าไอ้จ้อนของเขาจะหยุดเป็นมัมมี่เมื่อไหร่
ระหว่างความสุขเรื่องเซ็กส์และการให้พวกนี้เชื่อฟัง จางเทีย ต้องคิดอยู่สองวินาทีก่อนที่จะเลือกตัวเลือกอันแรก
เขาเจ็บเพราะแผลจากการขลิบในตอนนี้ แล้วเขาก็ยังมีเวลาที่จะทำความรู้จักคนพวกนี้ได้ ดังนั้นแล้วเขาไม่จำเป็นที่จะแสดงพลังที่แท้จริงออกมาในทีเดียว นี่คือความฉลาดของคนจีน --- เวลาจะจัดการทุกอย่าง
“ ในตอนที่ฉันมาที่นี่ ร้อยโทขั้นแรกเฟรโอ ได้บอกให้ฉันอยู่กับพวกนาย เขาบอกว่าด้วยวิธีนี้จะได้เข้าใจกันมากขึ้นและรู้จักกันมากขึ้น ฉันรู้สึกว่าเขาพูดถูก... “
ในตอนที่ จางเทีย อ้าปากพูด หลายคนรอบๆเขาก็ได้ยิ้มออกมา หลังจากที่ไอ้บ้าสามคนนั้นโดนจัดการ พวกเขาก็เริ่มคุยกันว่าเด็กนี่ยิ่งใหญ่ขนาดไหน เมื่อได้ยินแบบนั้นหลายคนไม่เชื่อและอยากลองด้วยตัวเอง
แต่คำพูดของ จางเทีย ไม่ได้จบแค่นั้น
“ ร้อยโทขั้นแรกเฟรโอ น่ะพูดถูกแต่ฉันไม่ได้วางแผนจะทักทายพวกนายรึเข้าใจกับพวกนายมากขึ้นด้วยวิธีนี้ ตอนที่ฉันอยู่ในห้องประชุม หัวหน้ากั๊ดเดียน ได้บอกฉันว่ามีกฎอยู่กฎเดียวในแคมป์นี้ เราต้องพูดความจริง ฉันรู้สึกว่ากฎนี้น่ะดีอย่างมากเพราะมันเป็นการแลกเปลี่ยนที่จริงใจระหว่างคนเรานั้นจะดีกว่าการต่อสู้ ดังนั้นอย่างแรกที่ฉันต้องการที่จะทำคือคุยกับพวกนายอย่างจริงใจในวันนี้ ! “
จางเทีย ยิ้มออกมาแล้วมองไปคนที่ฮึดฮัดที่ไม่ชินกับการพูดคุยและตอนนี้พวกมันต่างก็มองหน้ากัน
“ ฉันจะแนะนำตัวเอง ฉัน จางเทีย เป็นคนเมืองแบล็คฮ็อต อายุ 15 เกือบ 16 ฉันเพิ่งฝึกเอาตัวรอดเสร็จ เพราะฉันได้สร้างแรงลับขึ้นมาได้ ฉันเลยถูกรับเข้ามาโดย ผู้การลิปนิซ ก่อนที่จะได้ใส่เครื่องแบบกองทัพ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้เป็นทหารของอาณาจักรนอแมน ก่อนหน้านี้ฉันได้แต่ฝันว่าฉันจะอยู่ในเมืองแทนที่จะต้องออกไปใช้ชีวิตทำไร่ที่นอกเมืองที่ซึ่งต้องพึ่งพลั่วและโชค หลังจากที่รับใช้กองทัพ จากนั้นฉันก็จะหาทางทำธุรกิจและทำเงินให้มากๆเพื่อที่จะได้ใช้มันไปเที่ยวผู้หญิงทุกวันและรอวันตาย นั่นคือความฝันสูงสุดของฉันซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยน ! “
เมื่อได้ยินคำพูดของ จางเทีย บางคนถึงกับแสยะยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ฝันของ จางเทีย น่ะก็เหมือนกับผู้ชายส่วนมาก ดังนั้นในตอนที่เขาพูดถึงมัน เขาก็ได้รับความชื่นชมจากคนหลายคน
คนที่พูดอย่างจริงใจน่ะมักจะน่าสนใจเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาพูด บางคนน่ะรู้สึกว่า จางเทีย น่าสนใจขึ้นมานนิดๆ อย่างน้อยก็แตกต่างจากเด็กคนอื่นที่แคมป์ได้จัดมาให้ก่อนหน้านี้
“ เอาจริงๆแล้วหลังจากฝึกเอาตัวรอดได้ครึ่งหนึ่ง ฉันยังรู้สึกว่าอาณาจักรนอแมนเป็นศัตรูของเมืองรึบางทีอาจเป็นศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ฉันต้องเจอหลังจากเรียนจบ หลังจากที่มีเรื่องในเมืองเกิดขึ้น ฉันถึงกับตื่นตระหนกอย่างมาก ฉันกลัวว่าฉันจะต้องไปเจอพวกนายในสนามรบหลังจากที่เข้ารับใช้เป็นทหารของเมืองและฉันคงโดนพวกนายฆ่า ตอนที่ฉันอยู่โรงเรียน กองทัพเขาเหล็กน่ะเพื่อนฉันได้อธิบายว่าเป็นองค์ที่น่ากลัวอย่างมาก ฉันคิดถึงเรื่องนั้นจนกระทั่งเช้าวันต่อมาหลังจากที่กองทัพเขาเหล็กได้ปรากฏตัวมาในเมืองตอนที่ฉันได้รู้ว่าพวกสมาคมเหมืองที่ฉันวางแผนว่าจะตายเพื่อปกป้องพวกเขากลับยอมแพ้ในไม่กี่ชั่วโมง เมื่อได้ยินแบบนั้นฉันมีความคิดอยู่แค่อย่างเดียว ฉันรู้สึกว่าพวกนั้นมันงี่เง่า พวกห่านั่นที่คอยควบคุมกองทัพของเมืองไม่กล้าแม้แต่จะสู้ก่อนที่จะประกาศยอมแพ้ ฉันเคยคิดจะสละตัวเองเพื่อพวกห่านั่นในการสู้กับพวกนาย ! รองเท้าหนังคู่หนึ่งที่พวกนายใส่น่ะแพงยิ่งกว่าเงินเดือนหนึ่งปีพ่อฉันอีก ในร้านตามไบต์อเวนิว รองเท้าหนังคู่หนึ่งน่ะขายตั้ง 16 ทองแต่พ่อฉันหาเงินได้ 12-13 ทองต่อปี แม้ว่าแม่กับฉันจะขายเบียร์ข้าวที่บ้านแต่เราก็ทำเงินได้ไม่กี่ทองต่อปีเท่านั้น ราคาของเบียร์ข้าวนั้นเพิ่มขึ้นมาแค่ 3 ทองแดง ที่ราคามันเพิ่มก็เพราะราคาข้าวที่สูงขึ้น ธุรกิจของเขาขายได้น้อยลงและแม่ก็กังวลเรื่องนี้อย่างมาก ก่อนที่จะฝึกเอาตัวรอด พ่อได้เอาเงินเก็บทั้งชีวิตให้ฉัน – 3 เงิน เพื่อให้ฉันไปหาผู้หญิงแล้วสละซิงซะ “ – ตอนนั้นทหารทุกคนตรงหน้า จางเทีย ก็ได้หยุดเดินเข้ามา
“ ผู้ชายแบบฉันที่ซึ่งเอาเงิน 3 เงินของพ่อไปเอาผู้หญิงและยังดื่มเบียร์ข้าวมากกว่าหนึ่งถ้วยได้คิดถึงเรื่องปกป้องคนที่ใช้เงินมากกว่าเงินเดือนทั้งปีของพ่อเพื่อซื้อรองเท้า ฉันวางแผนที่จะยอมตายเพื่อปกป้องคนที่ทนศัตรูได้ไม่ถึงคืนก่อนที่จะขายกันเอง จากนั้นในที่สุดฉันก็เข้าใจว่าฉันนี่แหละคือคนงี่เง่าที่สุดในโลก ! “
จากนั้นก็ได้มีผู้คนมากมายเดินเข้ามาหาแต่ก็พวกเขาก็ยังคงเงียบ เพราะเรื่องนี้มันจริงใจอย่างมากจนทำให้พวกนั้นอินไปตาม ในตอนที่ จางเทีย พูดถึงเรื่องพ่อที่ให้เงินเก็บเพื่อให้เขาไปหาผู้หญิงและเงินที่ได้จากการขายเบียร์ข้าว พวกคนที่ฟังอยู่ต่างก็คิดถึงพ่อแม่ตัวเอง แม้แต่คนที่อยู่ในพื้นที่ฝึกข้างๆยังเดินเข้ามาใกล้เพื่อฟังเรื่องของ จางเทีย
มันไม่มีร้อยโทขั้นสองคนไหนเหมือนแบบนี้
“ ดังนั้นในเช้าวันที่เมืองแบล็คฮ็อตยอมแพ้ ในที่สุดฉันก็รับความจริงได้เร็วกว่าคนอื่น ฉันไม่ได้สงสารตัวเองแต่ฉันกลับรู้สึกว่าโชคดี เพราะพี่ชายฉันเป็นทหารประจำเมือง เมื่อคิดถึงว่าเขาไม่ได้สู้กับพวกนายในสนามรบ ฉันจึงรู้สึกโชคดีอย่างมาก สำหรับพันธมิตรและเมืองแล้ว ฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องเศร้ากับจุดจบนี้ มันไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับฉัน แม้ว่าเราจะอยู่ในเมืองแต่พ่อฉันต้องทำงานหนักทุกวัน เขาน่ะต้องเสียภาษี แม่ก็ต้องทำงานที่บ้าน ส่วนร้านเบียร์ข้าวก็ต้องจ่ายภาษีด้วย พี่ชายฉันต้องรับใช้กองทัพหลายปี ฉันยังเสียพี่ชายไปในตอนที่รับใช้กองทัพด้วย ไม่มีใครในครอบครัวเราได้ติดค้างเมืองนี้และพวกสมาคมเหมืองอีกแล้ว สำหรับพวกนักธุรกิจแล้วทุกอย่างในเมืองน่ะคือการแลกเปลี่ยน เพราะมันคือการแลกเปลี่ยน ฉันเลยไม่ต้องทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างการเสียสละตัวเอง มันไม่ได้แย่ที่กลายมาเป็นพลเมืองของอาณาจักรนอแมน หลังจากที่รู้ตัวว่าฉันได้เป็นแล้ว สิ่งแรกที่ฉันทำคือใช้กฎป่าเถื่อนของการฝึกเพื่อหักคอคนที่พยายามจะฆ่าฉันหลายครั้งต่อหน้าคนเป็นพัน มันน่ะคือปิศาจ นอกจากนี้ฉันยังอัดเพื่อนของมัน กระทืบจนจมดิน ตอนนั้นฉันรู้สึกว่าตัวเองเท่ ฉันอยากจะตะโกนออกมาดังๆ ‘ อาณาจักรนอแมนจงเจริญ ‘ หลังจากที่กลับมาบ้านตอนที่ฝึกเสร็จ ฉันโดนใส่ร้ายแล้วโดนจับไปขังคุกบอกว่าฉันเป็นศัตรูกับอาณาจักรนอแมน ต้องของคุณในตอนที่ฉันทำการฝึก เพราะผลกรรมที่มีฉันจึงได้สร้างแรงลับเหล็กโลหิตขึ้นมาได้ ทำให้ฉันไม่โดนฆ่าตายในคุก อีกอย่างพี่ชายจากหน่วยสอดแนมทีม 39 ที่ฉันช่วยไว้ในตอนที่ฝึกเองก็รีบไปหาสหายหลังจากรู้ว่าฉันโดนจับเพื่อลบข้อหาให้ฉัน ในที่สุดฉันก็ได้มีโอกาสเจอกับ ผู้การลิปนิซ ที่ซึ่งหลังจากรู้เรื่องที่ฉันเจอมาแล้วก็รับฉันเข้ามายังแคมป์นี้และให้รางวัลฉันเป็นยศร้อยโทขั้นสองตามกฎของอาณาจักรนอแมน ฉันไม่ได้ปฏิเสธ ฉันรู้สึกตื่นเต้นกับตำแหน่งที่ได้เพราะมันเท่และมีอนาคตที่สดใสรออยู่ อีกอย่างแม้ว่าฉันจะต้องเสียสละตัวเองแต่ฉันก็รู้สึกว่าฉันมีอนาคตที่สดใสเมื่อรับใช้จักรพรรดิของอาณาจักรนอแมนดีกว่ารับใช้พวกบัดซบที่สนแต่ธุรกิจตัวเอง สำหรับส่วนสุดท้ายแล้วฉันได้เข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี.. “ – จางเทีย ยิ้มออกมาแล้วชี้ไปที่เสื้อผ้าและรองเท้าตัวเอง
“ ร้อยโทขั้นสองของพันธมิตรนั้นจะไม่ได้การดูแลดีๆแบบนี้ อีกอย่างฉันเห็นว่าเครื่องแบบร้อยโทขั้นสองนี่หล่ออย่างมากและฉันไม่อยากถอดมันออกเลยด้วยซ้ำ ฉันได้ยินมาว่าการดูแลในแคมป์นี้น่ะสูงยิ่งกว่าในกองทัพปกติ ดังนั้นแล้วฉันดีใจอย่างมากที่มาลงทะเบียนในวันนี้... “
ตอนนั้นมีผู้คนมากมายนั้นได้หมดอคติ ไม่มีใครอยากสู้กับ จางเทีย อีกต่อไป เขาน่ะก็แค่คุยกับพวกนี้เหมือนเพื่อน ในหัวใจพวกเขาแล้ว พวกเขาได้ตัดสินใจแล้วว่าเขาน่ะเชื่อถือได้รึไม่ก็น่ารำคาญน้อยกว่าคนอื่น
“ ฉันรู้ว่าพวกนายคิดอะไร ฉันบอกพวกนายเลยว่าฉันน่ะเป็นแค่คนธรรมดาไม่ได้แตกต่างอะไรจากพวกนายก็แค่เด็กกว่า ฉันใส่เครื่องแบบนี้ก็เพราะผลกรรม ฉันไม่ได้มีคนคอยหนุนหลัง ฉันไม่ได้เลียรองเท้าใคร ฉันมาที่นี่ได้เพราะโชคและพลังของตัวเอง ฉันไม่หวังว่าพวกนายจะต้อนรับ รึไม่ได้คิดจะอัดพวกนาย มีคำพูดจีนเคยพูดไว้ว่า ‘ มีแค่การเดินทางระยะไกลเท่านั้นที่จะรู้ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของม้า มีแค่เวลาเท่านั้นที่จะเห็นได้ชัดว่าคนเราเป็นยังไง’ ฉันไม่ได้มาอวดพวกนาย ทุกอย่างที่ฉันได้พูดไปจะมีการพิสูจน์เอง ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม ฉันสัญญาว่าจะพยายามอย่างที่สุดเพื่อปกป้องพวกนายในสนามรบและหาโอกาสช่วยให้พวกนายรอด ถ้าใครไม่เชื่อในความแข็งแกร่งของฉัน พวกนายมาสู้ฉันได้ในอีกสองวัน ! “
“ ทำไมไม่วันนี้ ? “ – ชายคนหนึ่งถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ เพราะฉันเพิ่งไปขลิบมาไม่กี่วันก่อน และมันยังไม่หายดี ถ้าฉันอัดพวกนาย แผลนั้นก็จะไม่ฟื้นตัวอีกซึ่งจะทำให้ฉันรู้สึกแย่ขึ้นไปอีก ไม่มีใครอยากให้ไอ้จ้อนตัวเองโดนห่อเป็นมัมมี่หรอกใช่มั้ย ? นอกซะจากว่าไม่มีไอ้จ้อน พวกนายคงเข้าใจว่ามันเจ็บปวดแค่ไหนกัน... “
เมื่อได้ยินคำตอบนั้นหลายคนที่ดูอยู่ก็เริ่มหัวเราะออกมา บางคนถึงกับผิวปากเลยด้วยซ้ำ
หลังจากที่เห็นว่า จางเทีย ไม่ได้สู้กับคนในกลุ่มสามแต่เขากลับได้รับการชื่นชมแทน สามคนที่โดนอัดต่างก็ถอดกางเกงแล้วส่ายไอ้จ้อนไปมา ทุกคนหัวเราะออกมา ภายใต้เสียงหัวเราะนั่นมีคนล้อขึ้นมา ‘ มัมมี่ ๆๆๆ ‘ จางเทีย ดึงซิปกางเกงลงซึ่งทำให้คนจำนวนมากถึงกับโหยหวนออกมา
จางเทีย ไม่ได้สู้กับคนพวกนี้แต่เขาก็ยังเป็นที่ยอมรับได้
เฟรโอ, กู๊ดเดียน และเจ้าหน้าที่หลายคนต่างก็มองหน้ากันโดยยืนอยู่ไกลจากพวกนั้น ในแคมป์นี้ไม่มีร้อยโทขั้นสองคนไหนที่กลายเป็นที่ยอมรับได้ในระยะเวลาสั้นๆแบบนี้ได้ เวทย์มนต์อะไรกันที่ จางเทีย ใช้ ?