spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 168: ก้อนหิน
กำแพงของตึกนี้ทำจากอิฐสีดำแดงและหินสีเทาซึ่งดูไปแล้วสวยและสะอาดอย่างมาก ระเบียงในแต่ละชั้นนั้นมีช่องหน้าต่าง ในช่องหน้าต่างมีรางดอกไม้วางไว้อยู่ ประตูของตึกนี้หันหน้าเข้าโมเน็ตอเวนิว เมื่อเดินออกมาจากประตูแล้ว คุณจำเป็นต้องเดินลงบันไดกว่า 10 ขั้นก่อนที่จะถึงทางเท้า ทั้งสองด้านของบันไดนั้นจะเห็นชั้นแรกของตึกที่อยู่ใกล้กับอเวนิว ข้างๆตึกมีแปลงดอกไม้สองแปลงที่เต็มไปด้วยต้นเมเปิลและกุหลาบ
ประตูเหล็กสีดำนั้นทำให้มันดูสง่าและมั่นคงอย่างมาก ด้ามจับของมันนั้นสะอาดอย่างมาก โดยทั่วไปแล้วทุกอย่างในตึกนี้เข้ากับคนที่มีฐานะดีที่ซึ่งได้รับการศึกษาดีและมีรายได้ที่ดี สะอาด,ใหม่,สง่า,สิ่งแวดล้อมมรอบๆเองก็ไม่ได้สกปรกรึวุ่นวาย
ในความคิดของ จางเทีย แล้วคนที่จะเป็นเจ้าของที่นี่ได้คงเป็นพวกหมอ,นักธุรกิจรึครูอย่าง เซรอม และ กัปตันเคอร์ลิน
มีตึกแบบนี้มากมายในเมือง ทั้งแบบสูงและต่ำ ส่วนมากแล้วมันจะแบ่งให้เช่า ไอ้บัดซบ ฮิสต้า ฝันว่าจะมีตึกแบบนี้สักวัน เขาจะได้เก็บค่าเช่าทุกเดือน ด้วยเงินพวกนั้นเขาสามารถอามันไปใช้จีบสาวทุกวันได้
เมื่อเห็น จางเทีย อึ้ง ดอนเดอร์ ก็พูดต่อ – “ อะไร ? แกกลัวว่าจะถูกเห็นเป็นพวกงี่เง่าที่อยู่ในตึกเล็กๆรึไง ? “
จางเทีย มองไปที่ ดอนเดอร์ ด้วยท่าทีไม่เชื่อ – “ นี่ล้อเล่นรึเปล่า ? คุณเป็นไข้รึเปล่าวันนี้ ? ผมรู้ว่าคุณน่ะไม่ได้ปกติในตอนที่ผมเห็นคุณวันนี้ ไหนขอลองเช็คหน่อยว่ามีไข้รึเปล่า... “
เมื่อพูดแบบนั้น จางเทีย ก็ทำท่าจะแตะหน้าผาก ดอนเดอร์ แต่เขาก็โดน ดอนเดอร์ ปัดมือทิ้ง
ดอนเดอร์ มองหงุดหงิดไปที่เขา – “ ไอ้บ้านี่ ก็อย่างที่ฉันพูดไป แกน่ะบ้านนอกจริๆตึกนี้น่ะราคาแค่ไม่กี่พันทองตอนฉันซื้อมันเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้มันถูกขึ้นแล้ว บางคนใช้เงินขนาดนี้หมดในอาหารไม่กี่มื้อ มันก็ไม่ได้มีอะไรมาก แกน่ะคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่รึไง ?”
ในตอนที่ ดอนเดอร์ ด่า จางเทีย เขาก็เดินไปที่บันไดแล้วหยิบเอากุญแจมาเปิดประตูเข้าไป
“ เข้ามาสิ ฉันอยากให้แกทำบางอย่าง ! “
จางเทีย เกาหัวแล้วเดินตามเข้าไป
ด้านหลังประตูเหล็กนั้น ตึกนี้มีทางเดินไม้สีเทาที่สะอาดอย่างมาก เมื่อเข้าไปแล้ว จางเทีย ได้เงยหน้าขึ้นแล้วเห็นเพดานแก้วที่สวยงาม มันมีไว้เพื่อให้แสงลอดผ่านมาได้ บันไดวนข้างในนั้นตรงไปยังหลังคา จากชั้นสองเป็นต้นไปแล้วแต่ละชั้นนั้นมีสองห้อง หันหน้าเข้าหากันโดยมีทางเดินคั่นเอาไว้
ดอนเดอร์ ไม่ได้ไปที่ชั้นบน เขาเดินผ่านต้นไม้ที่อยู่ทางซ้ายของบันไดไปก่อนจะเปิดประตูออก
ในตอนที่ จางเทีย เข้าไปแล้ว ดอนเดอร์ ก็ได้ล็อคประตูจากด้านใน
นี่คือห้องพักในชั้นหนึ่ง เฟอร์นิเจอร์พวกโซฟาและของอื่นๆในห้องต่างถูกจัดเตรียมไว้อย่างดี เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างเป็นไม้ใหม่หมด
ก่อนที่ จางเทีย จะได้ชมพวกมัน ดอนเดอร์ ก็ได้พาเขาไปยังห้องหนังสือที่ถัดจากทางเดินไปอีก ในตอนที่ ดอนเดอร์ กดปุ่มที่ถูกซ่อนไว้ ชั้นหนังสือก็ได้เลื่อนออกเผยให้เห็นประตูด้านหลัง หลังจากที่เปิดประตูนี้แล้ว จางเทีย ก็ได้เหินบันไดหินที่ทอดลงไปชั้นใต้ดิน
บนกำแพงตรงบันไดนั้นมีโคมไฟอายุพันกว่าหมื่นปีซึ่งทำให้ใต้ดินนี้มีสีเขียวซีดๆ
“ หลังจากเข้ามาที่นี่แล้ว จำไว้ว่าให้ปิดประตู หลังจากปิดจากด้านใน ชั้นหนังสือด้านนอกจะเลื่อนกลับมาตำแหน่งเดิมและการตั้งค่าความปลอดภัยจะทำงาน แม้จะมีคนอยากพังเข้ามาจากด้านนอกโดยใช้กำลังแต่พวกมันก็ต้องใช้เวลานาน ... “- ดอนเดอร์ อธิบายแล้วหันกลับไปเดินต่อ
‘ ปัง ! ‘
หลังจากที่ประตูปิด จางเทีย ได้ยินเสียงของหนักๆของประตูชั้นใต้ดินที่ปิดลง เขาไม่คิดว่าประตูหนาๆนี้มันจะทำมาจากเหล็กเพราะผิวของมันเป็นเนื้อไม้
ชั้นใต้ดินนี้ใหญ่อย่างมาก มีพื้นที่กว่า 100 ตร.ม. มันเหมือนที่หลบภัยชั่วคราว มีโต๊ะและล็อคเกอร์,และของต่างๆอีกมากมาย สิ่งที่เกิดคาดนั้นคือมีตู้เสื้อผ้าไม่น้อยกว่า 4 ตู้ขนาดแตกต่างกันที่นี่และมีกระจกขนาดใหญ่ สิ่งที่ ดอนเดอร์ เตรียมไว้ให้เขาคืออะไร ? ให้เขาใส่เสื้อผ้าพวกนั้นแล้วไปชมตัวเองในกระจกรึไง ?
ดอนแดอร์ เดินไปที่เก้าอี้และบอก จางเทีย ให้นั่งลงด้วย
ตอนนั้น จางเทีย เต็มไปด้วยความสงสัย ทุกอย่างที่ไอ้อ้วนนี้ทำในวันนี้เต็มไปด้วยควาลึกลับ
“ ฉันรู้ว่าแกมีคำถามเยอะ ! “ - ดอนเดอร์ พูดพร้อมกับมองมาที่ จางเทีย
เมื่อรู้สึกได้ถึงความผิดหวัง จางเทีย จึงได้เกาหัวตัวเอง – “คุณทำแบบนี้เพื่ออะไร ? ผมรู้สึกว่าคุณน่ะกลายเป็นคนแปลกหน้าไปแล้ว ! “
“ เพราะฉันต้องออกจากเมืองนี้ในไม่ช้า ฉันจึงต้องจัดการเรื่องทุกอย่างที่นี่ ! “
“ คุณจะไปไหน ? “ - จางเทีย ช็อคและมองไปที่ ดอนเดอร์ - “ ทำไม ?”
“ เพราะแก ! “ - ดอนเดอร์ มองมาที่ จางเทีย พร้อมกับยิ้ม – “ ก่อนหน้านี้ ฉันไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่จะออกจาเมืองแต่เพราะแก ฉันจึงต้องรีบออก แกรู้มั้ยว่าฉันไม่ได้กลับบ้านมาสามสิบปีได้แล้ว ? ก่อนหน้านี้ฉันคิดว่าฉันมีโอกาสที่จะกลับบ้านตอนฉันแก่พอ แต่เพราะแก ฉันจึงทำได้เร็วกว่าเดิมหลายสิบปี ดังนั้นแล้วฉันต้องขอบคุณแก ! “
“ เพราะผม ? “ - จางเทีย แปลกใจเข้าไปใหญ่
“ แกเปิดตามองให้กว้างไม่ได้รึไง ? นี่แกจะโง่เกินไปหน่อยแล้ว ! “ - ดอนเดอร์ ยิ้ม – “ แกจำหนังสือคิดเลขในใจที่แกให้ฉํนมาได้มั้ย ? แกรู้มั้ยว่ามันมีค่าเท่าไหร่ ? “
“ หืม หนังสือนั่นน่ะสามารถเพิ่มพลังวิญญาณได้ มันน่าจะมีค่าอย่างมาก ! “
“ มันไม่ใช่แค่มีค่า !”- ดอนเดอร์ ส่ายหน้า – “ แกจำเรื่องเกี่ยวกับหินที่ฉันเคยเล่าให้แกฟังได้มั้ย หนังสือนั่นก็คือหินก้อนนั้น “
จางเทีย ยังคงจำได้ดีเกี่ยวกับเรื่องหิน มันคือเรื่องหนึ่งที่ ดอนเดอร์ เล่าให้เขาฟัง ครั้งหนึ่งหินน่าเกลียดได้ถูกพบโดยช่างหินในหมู่บ้าน เพราะหินมันหนักอย่างมาก ช่างหินเลยใช้มันเป็นทั่งแทน เขาเห็นว่ามันมีประโยชน์อย่างมากและเก็บมันไว้ใช้หลายสิบปี วันหนึ่งช่างตีเหล็กได้มายังหมู่บ้านแห่งนี้และพบกับหินนั่น เขารู้สึกว่าหินนี้อาจจะเป็นแร่เหล็ก ดังนั้นแล้วเขาจึงตัดส่วนเล็กๆของมันออกมาและได้เอากลับไป ในตอนที่เขากลับมาบ้านเขาได้เอามันไปทำเกือกม้าและขายได้หลายสิบทองแดง ช่างตีเหล็กพอใจกับมันอย่างมาก
หลังจากนั้นก็ได้มีช่างตีเหล็กอีกคนรู้สึกว่าหินนี่อาจจะใช้ทำอาวุธได้ ดังนั้นเขาจึงตัดมันแล้วเอามันกลับบ้าน เขาใช้มันสร้างดาบคมๆขึ้นมาและขายได้หลายร้อยทอง
หลังจากนั้นแม้แต่ช่างทำนาฬิกาก็มาเจอมันแล้วตัดมันกลับไป เขาใช้เหล็กข้างในนั้นสร้างนาฬิกาขึ้นมา ในที่สุดเขาก็ขายมันได้หลายพันทอง
หลังจากนั้นก็มีช่างแกะสลักมาพบและเอาส่วนที่เหลือกลับไป หลังจากที่แกะสลักแล้ว เขาก็ได้เงินหลายหมื่นทองจากการขายมัน
ในที่สุดคุณค่าของหินนี้ก็เป็นที่ประจักษ์ต่อจักรพรรดิ หลังจากที่หลอมกลับเป็นหินอีก จักรพรรดิได้ใช้เหล็กในหินได้สร้างมันขึ้นมาเป็นตราจักรพรรดิซึ่งมีค่ามากกว่าหลายร้อยล้านทอง...
เรื่องนี้บอกว่าสิ่งเดียวกันนั้นอาจมีค่าต่างกันสำหรับคนต่างกัน
จางเทีย เข้าใจมันแต่เขาก็ยังสับสนอยู่ดี
“ ก็เหมือนกับการออกกำลังกล้ามเนื้อของคน พลังวิญญาณของคนเราน่ะจะยังคงถูกใช้ออกมาในการมองภาพ สิ่งของอย่างการมองภาพเพื่อเป็นการบริหารพลังวิญญาณนั้นคือความรู้ลับ ระดับสูง อีกอย่างแล้วการมองภาพทุกอย่างในเชิงลึกซึ่งต้องใช้ความเข้าใจและความมั่นคงในพลังวิญญาณที่สูงและการพัฒนาที่ยั่งยืนซึ่งมีข้อกำหนดคือความมุ่งมั่นและความอึดของคนเราที่สูง ก่อนหนี้ฉันยังไม่เคยเห็นใครสามารถบริหารพลังวิญญาณได้มาก่อนอายุ 12 ปี ไม่ว่าวิธีไหนที่ฉันได้ยินมาก็สามารถพัฒนาเด็กและพลังวิญญาณของพวกเขาได้ แม้ว่าการคิดเลขในใจนี้จะดูเหมือนง่ายแต่มันช่วยผู้คนที่เริ่มบริหารพลังวิญญาณได้ตั้งแต่ 6 ปีรึแม้แต่ 5 ปี นอกจากนี้แล้วความต้องการของมันยังต่ำทำให้มันสามารถใช้ได้กับทุกคน แม้ว่าผลของการคิดเลขในใจนี้จะแสดงผลน้อยนิดแต่ด้วยการมองภาพและการพัฒนาของพลังวิญญาณแล้ว คนเราจะมีรากฐานที่มั่นคงกว่าเดิมเพื่อข้อกำหนดในการมีพลังวิญญาณที่สูงขึ้นกว่านี้ได้ นี่แหละคือคุณค่าที่แท้จริงของหนังสือที่แกให้มา อีกอย่างมันแค่ระดับเริ่มต้น แกเข้าใจคุณค่าของมันรึยัง ? “
“ หืม .. มันดูเหมือนจะมีประโยชน์เล็กน้อยในการพัฒนาพลังวิญญาณได้ตั้งแต่ยังแด็ก ! “ - จางเทีย แสยะยิ้มออกมา
“ เล็กน้อย ? “ - ดอนเดอร์ ค้านเสียงสูง
ด้วยความหงุดหงิดที่โดนดูถูก เขาได้ลุกขึ้นมาและดีดใส่หน้าผาก จางเทีย
“ ไอ้ห่านี่ แกโง่รึไง ? สำหรับคนโง่อย่างแก มันมีประโยชน์เล็กน้อยแต่แกเคยคิดถึงผลของคน 10 ล้านคน,100 ล้าน,รึมากกว่านั้นมั้ย ? มันจะช่วยผู้คนที่ไม่สามารถพัฒนาพลังวิญญาณได้อีกโดยแค่ทำการบริหารง่ายๆเพื่อฝ่าจุดคอขวดในการบ่มเพาะของตัวเองไป มันสามารถทำให้เด็กจีนหลายคนมีรากฐานที่มั่นคงสำหรับพลังวิญญาณดีๆซึ่งจะช่วยพวกเขาพัฒนาได้ต่อไปอีก แกรู้มัยว่ามีอัจฉริยะกี่คนและคนที่แข็งแกร่งกี่คนที่เป็นคนจีนที่จะปรากฏตัวขึ้นมาในอนาคต ไอ้งี่เง่านี่ ! “
ดอนเดอร์ ดีดหน้าผาก จางเทีย อีกรอบก่อนจะนั่งลมไปหอบอย่างแรง