spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 167: มันเป็นของแก
หนึ่งวันหลังจากเกิดขลิบแล้วเป็นวันที่เจ็บปวดที่สุด ก่อนที่ไอ้จ้อนของเขาจะเปิดออกมา ทันทีที่เขาใส่กางเกงและลองเดิน ไอ้จ้อนกับกางเกงเขาจะเสียดสีกันจนทำให้ จางเทีย ตัวสั่น ดังนั้นแล้วเขาจึงแทบที่จะเดินไม่ได้
นอกจากนี้แผลยังเริ่มเจ็บขึ้นมาด้วย
นี่คงเป็นเพราะว่ายาชาไม่ได้มีผลอีกแล้ว ในวันแรกเขาไม่ได้รู้สึกเจ็บเลยแต่ในวันที่สองหลังจากที่สัมผัสต่างๆฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว ผลกระทบจากการผ่าตัดนั้นก็ได้แสดงผลออกมา เมื่อคิดถึงตอนที่เขาและ ดอนเดอร์ ทะเลาะกันในร้านอาหารซึ่งทำให้เขาทรมานอย่างมาก เหงื่อก็เริ่มผุดไปทั่วหน้าผากของ จางเทีย ถ้าเป็นวันนี้เขาคงไม่กล้าทำแบบนั้น มันโง่เกินไป
สองวันต่อมาเขาต้องออกจากบ้านเพื่อไปลงทะเบียนที่แคมป์ หกวันต่อมาเขาต้องออกมาสู้ในการดวลครั้งแรกในชีวิต
เมื่อคิดว่ามันเคลื่อนที่ไม่สะดวก จางเทีย เลยต้องอยู่บ้านต่อไป
ในสายตาพ่อกับแม่แล้วตอนนี้เขาโตขึ้นจริงๆ
พ่อของเขานั้นก็หยุดวันหนึ่ง เพราะหลายเหตุผลโรงงานที่เขาได้ทำงานจึงได้รับผลอย่างมากในการผลิตในช่วงเดือนที่ผ่านมา
พ่อบอกว่าโรงงานได้จ้างวิศวะของอาณาจักรนอแมนมาที่นั่นด้วย พวกเขาได้เข้ามาติดตั้งอุปกรณ์หลายอย่างในโรงงาน หลังจากที่ติดตั้งเครื่องจักรณ์แล้ว โรงงานได้ผลิตเครื่องแบบส่วนต่างๆ วิศวะเหล่านั้นได้บอกว่าชิ้นส่วนเหล่านี้คือส่วนประกอบของปราสาท หลังจากนั้นอีกครึ่งหนึ่งจะผลิตขึ้นมาจากส่วนที่พ่อเขาทำซึ่งใช้เป็นส่วนประกอบของปราสาทเช่นกัน
หลังจากที่ยึดเมืองได้แล้วอาณาจักรนอแมนเริ่มที่จะตักตังการผลิตทุกอย่างของเมือง ผลลัพธ์ก็คือการผลิตแบบเกินกำลังนั้นมีเพียงเป้าหมายเดียวก็คือ --- เตรียมพร้อมสำหรับสงคราม
นี่ทำให้ จางเทีย สับสนเล็กน้อย นี่มันหมายความว่าอาณาจักรนอแมนเตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับสงครามที่ใหญ่กว่านี้อีกเหรอ ? จางเทีย จำคำพูดของ เซรอม ได้ ‘ โลกอันวุ่นวายกำลังจะเกิด และหัวใจของเขาก็ได้เต้นรัวด้วยความรู้สึกไม่แน่นอน
บางครั้งพวกคนที่มีอำนาจนั้นจะไม่รู้ความรู้สึกของคนธรรมดา นี่แหละคือความรู้สึกของคนธรรมดา ครูได้เรียกมันว่าความไม่สมดุลซึ่งบ่งบอกได้ว่าความไม่สมดุลระหว่างพลัง,ผลประโยชน์และสิทธิของผู้คน
มีคำพูดก่อนเกิดภัยพิบัติว่ามีเครื่องมือวิเศษที่เรียกว่าอินเตอร์เน็ต มันช่วยผู้คนในการติดต่อหากันได้แม้จะอยู่ห่างกันเพียงใดก็ตาม ทุกคนจะแชร์ข่าวสารข้อมูลกับคนอื่นๆ อินเตอร์เน็ตนั้นสามารถติดต่อผู้คนได้ทั้งทวีป ผู้คนจะสามารถได้ความรู้จำนวนมากจากอินเตอร์เน็ตและยังรู้สิ่งที่เกิดขึ้นได้แม้อยู่ในที่ห่างไกล
นี่แหละเป็นครั้งแรกที่มนุษย์ใช้เวทย์มนต์ที่เรียกว่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อแชร์ข่าวสารข้อมูลให้กับทุกคน ข้อดีที่สุดในเรื่องนี้คือลดการเหลื่อมล้ำของผลประโยชน์และพลังที่แท้จริงที่เกิดขึ้นเพราะความต่างเรื่องระดับความรู้และต่างฐานะ มันทำให้เสมอภาคขึ้นอย่างมาก คนทั่วไปล้วนแต่ชอบอินเตอร์เน็ตและใช้ความพยายามทุกอย่างในการพัฒนามันขึ้นมาแต่คนมีอำนาจบางคนอยากใช้ข้อมูลความไม่สมดุลนี้เพื่อรักษาตำแหน่งตัวเองเอาไว้และได้ลงทุนไปมหาศาลเพื่อที่จะทำลายมัน
การต่อสู้นี้ไม่ได้จบลงจนกระทั่งเกิดภัยพิบัติและดวงดาวแห่งเทพซึ่งได้แย่งอินเตอร์เน็ตไปจากมนุษย์ไปตลอดกาลแล้วส่งพวกเขามาสู่ยุคที่เต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำ...
หลังจากที่ผ่าตัดมาแล้ว จางเทีย ได้อยู่บ้านอีกสองวัน ระหว่างนั้นเขาใช้ชีวิตง่ายๆกับคอรครัวและรอพักฟื้น
เขาไม่ได้วางแผนจะออกไปข้างนอก ถ้าไม่มีอะไรเร่งด่วนให้ไปจัดการ ทุกวินาทีที่อยู่บ้านล้วนแต่สำคัญที่สุดแต่ในเช้าของวันที่สามหลังจากที่รับการขลิบ เด็กชายตัวน้อยก็ได้เอาจดหมายมาให้ จางเทีย เมื่ออ่านมันแล้ว จางเทีย จึงใส่ชุดเดินเล่นและออกไปข้างนอกอีกครั้ง
มันคือ ดอนเดอร์ ที่ส่งจดหมายมาขอให้ จางเทีย ไปร้านให้ได้ไม่ว่ายังไงก็ตาม
ตัวหนังสือนั้นคุ้นเคยอย่างมาก มันยากมากที่จะหาสิ่งที่ซ่อนอยู่ที่ ดอนเดอร์ เคยสอนเขาเกี่ยวกับการวิเคราะห์ตัวหนังสือว่าจริงหรือไม่
เด็กชายตัวน้อยบอกว่าบอสของร้านนั้นได้เอาเงินให้เขา 1 เงินเพื่อมาส่งจดหมายที่นี่
จางเทีย ไม่ได้สงสัยคำพูดของเด็กน้อยแต่เขาสงสัยว่า ดอนเดอร์ ทำไมถึงได้ใจดีขนาดนั้น เงิน 1 เงิน ? ถ้าเป็นปกติแล้วชายคนนั้นคงจ่ายไม่ถึง 10 ทองแดงด้วยซ้ำ
หลังจากที่บอกคนในครอบครัวแล้ว จางเทีย ก็ได้ออกไป เขาได้ใช้เงินอีกหลายทองแดงเพื่อขึ้นรถไปยังร้านของ ดอนเดอร์ โดยใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที
ในวันนี้ร้านไม่ได้เปิด มีประตูเปิดเพียงครึ่งเดียวที่ดูเหมือนรอ จางเทีย อยู่ เขาเข้าไปแล้ว พบกว่า ดอนเดอร์ กับนั่งนับบางอย่างกับอีกคนบนเคาเตอร์
“ รอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวฉันก็ว่างแล้ว !” - ดอนเดอร์ บอก จางเทีย หลังจากเงยหน้ามาเห็นเขาที่ทางเข้า เขาทำการนับของในร้านต่อ
จางเทีย รู้จักคนที่ทำงานกับ ดอนเดอร์ เขาคือ แฟร์ ชายผอมเหมือนกับลิง เจ้าของร้านที่ใหญ่กว่าใกล้ๆกับตลาดมืด ในสองปีก่อนในตอนที่เขาสนใจที่ตั้งของร้าน ดอนเดอร เขาได้ลองซื้อมันหลายครั้งแต่ก่อนหน้านี้ ดอนเดอร์ ไม่ตกลง แต่ตัดสินจากที่เห็นตอนนี้แล้ว ดอนเดอร์ คงขายร้านนี้ให้กับชายคนนั้น
เพราะบางอย่าง จางเทีย รู้สึกว่าบุคลิกของ ดอนเดอร์ นั้นเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนอย่างสิ้นเชิง
จางเทีย รอนานกว่า 10 นาทีก่อนที่เจ้าของร้านทั้งคู่จะนับสินค้าเสร็จ
หลังจากนั้น แฟร์ ก็ได้ปิดสมุดบัญชีแล้วพูดขึ้น – “ คุณดอนเดอร์ บันทึกในบัญชีของคุณน่ะตรงกับของที่มีอยู่ในร้าน คุณรู้มั้ยเพราะเมืองน่ะได้รับผลจากเศรษฐกิจและมีหลายร้านที่ปิดไป คนรวยหลายคนเองก็จากไปด้วย ดังนั้นแล้วผมคงให้คุณเท่าแต่ก่อนไม่ได้แล้ว ! “
“ ว่าราคามา ! “ – ดอนเดอร์ ถามอย่างใจเย็น
“ 60% ของราคาก่อนหน้านี้ บวกกับร้านของคุณและสินค้าข้างในแล้ว 300 ทองทั้งหมด เอางี้เป็นไง ? “ - ตาของ แฟร์ เป็นประกายขึ้นมาพร้อมกับมองไปยังสีหน้าของ ดอนเดอร์
เมื่อได้ยินราคา ดอนเดอร์ ยังคงเงียบ ส่วน จางเทีย แทบจะสะดุ้ง แม้ว่าเมืองจะประสบวิกฤตอยู่แต่การค้าในร้านนั้นไม่ได้รับผลกระทบมากมาย
ในอีกด้านธุรกิจกลับเติบโตในสามเดือนที่ผ่านมา เพราะผู้คนจำนวนมากที่หลั่งไหลมาที่สถานี ที่นี่จึงมีคนมากกว่าแต่ก่อน แม้ว่าสมบัติของเมืองจะดูลดลงแต่ของน้านนี้ต่างก็มีคุณค่าอย่างมากในตัวมันเอง ยกตัวอย่างเช่นสารหนูและคริสตัลพวกนั้น 300 ทองน่ะต่ำอย่างมาก
ดอนเดอร์ อ้าปากพูด – “ 400 ทอง ! “
เพราะบางอย่าง ดอนเดอร์ ที่มักจะบ่นนั้นกลับพูดเพียงแค่ความต้องการของเขาไม่ได้พูดอะไรต่ออีก
แฟร์ พยายามใจเย็นและสังเกตไปที่สีหน้าของ ดอนเดอร์ ด้วยตาคู่สีน้ำตาลนานกว่า 10 วินาที สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้ต่อราคาอีกแล้วแค่พยักหน้า – “ ได้ 400 ทอง ! “
หลังจากนั้น แฟร์ ก็ได้เรียกทนายที่ซึ่งเอาเอกสารออกมาให้ ดอนเดอร์ เอาโฉนดร้านมา ส่วน แฟร์ นั้นเอาเงิน 400 ทองออกมา ไม่นานพวกเขาก็ทำการแลกเปลี่ยนกันเสร็จ
“ ฉันต้องการไอ้หนูที่รู้จักที่นี่ ปีแรก ฉันจะจ่ายให้แก 35 เงินต่อเดือน ปีที่สองนายจะได้รับโบนัส ถ้านายทำได้ดี ฉันจะเลื่อนขั้นให้นายเป็นผู้จัดกร นายอยากมาช่วยฉันมั้ย ?”
ผิดกับที่ จางเทีย คาดเอาไว้ หลังจากที่แลกเปลี่ยนกันเสร็จ แฟร์ คิดที่จะจ้างเขาให้มาทำงานต่อ
“ ขอบคุณ ผมได้งานอื่นแล้ว ! “ - จางเทีย ปฏิเสธอย่างสุภาพ
แฟร์ รู้สึกเสียดฟายพร้อมกับมองไปที่ จางเทีย – “ ช่างเถอะ ถ้านายยอยากมาทำงานที่นี่ ฉันยินดีต้อนรับเสมอ ! มันยากที่จะหาคนที่รู้ว่าเขาต้องทำอะไร ! “
“ ไปกันเถอะ ! “ - ดอนเดอร์ บอกกับ จางเทีย หลังจากที่เก็บกระเป๋าเงิน จากนั้นทั้งคู่ก็ได้ออกจากร้านไป
ดอนเดอร์ ดูแปลกๆในวันนี้ จางเทีย รู้สึกว่าอยากพูดอะไรบางอย่างออกมาแต่เขาก็ลืมว่าจะต้องพูดยังไง แม้ว่า ดอนเดอร์ จะย้ายไปแล้วแต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา เขาไม่รู้ว่าเหตุผลมันคืออะไรแต่มันก็ทำให้ จางเทีย ไม่พอใจ
หลังจากเดินมาได้ 50 ม. ในที่สุด จางเทีย ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป – “ ทำไมคุณถึงขายร้าน ? “
ดอเนดอร์ หันกลับมาแล้วมองที่ จางเทีย เขาส่ายหน้า – “ ฉันคิดว่าแกจะทนได้นานกว่านี้แต่ดูเหมือนว่าแกจะยังไม่มั่นคงพอนะ ! “
“ บัดซบนี่ ! “ - จางเทีย ด่าในใจ
แต่เนื่องจากเขาถามออกไปแล้ว เขาจะไม่ต้องทำท่าอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงเถียงทันที – “ นี่คุณจะบอกว่าผมทำคุณเจ๊งตอนวันที่กินข้าวเหรอ ? ถ้าจริงล่ะก็ ผมขอโทษด้วย ! “
“ แกทำให้ฉันเจ๊งเพราะค่าอาหารแค่ 10 กว่าทองเนี้ยนะ ? “ - ดอนเดอร์ มองแบบดูถูกไปที่ จางเทีย – “ เงินที่เสียไปน่ะไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย แกน่ะเป็นเด็กโง่ที่มาจากบ้านนอกของเมือง ฉันน่ะถึงกับเคยไปที่ที่น้ำแก้วเดียวราคา 100 ทองแล้วโว๊ย ! “
น้ำแก้วเดียวราคาร้อยทอง ? ปากของ จางเทีย เบี้ยวพร้อมกับรู้สึกว่า ดอนเดอร์ กำลังอวด – “ ไม่มีที่แบบนั้นในโลกหรอก 100 ทองน่ะเท่ากับเงินทั้งปีพ่อผมตั้ง 89 ปี ! “
จางเทีย แสดงสีหน้าไม่เชื่อสดุๆ
ดอนเดอร์ ยังคงเงียบ เขาเดินนำหน้า จางเทีย ต่อ หลังจากนั้นประมาณ 10 นาทีเขาก็ได้พา จางเทีย ไปยังตึก6 ชั้นที่ซึ่งมีพื้นที่กว่า 200 ตร.ม.ในโมเน็ตอเวนิวในด้านทิศตะวันตกของเมือง
“ ตึกนี้เป็นไง ? “ - ดอนเดอร์ ถาม
“ไม่เลว ! “ - จางเทีย ตอบกลับ
“ งั้นมันก็เป็นของแกนับจากนี้ไป ! “ - ดอนเดอร์ พูดขึ้น
จางเทีย มองเขาด้วยความอึ้ง