spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 160: ดาบยักษ์
ในตอนที่เจ้าหน้าที่ได้เอาของที่เก็บอยู่แสนนานออกมา เขาได้แนะนำให้กับ จางเทีย –
“ คารัค ร้อยโทคนแรกของหน่วยคลังของทีม 39 ตำแหน่งของฉันอยู่กลางๆ เนื่องจากฉันไม่ได้มีเส้นสายกับคนมีอำนาจรึไม่ได้เลื่อนขั้นจากการต่อสู้ ดังนั้นแล้วฉันจึงได้เป็นเจ้าหน้าที่ผู้โชคร้ายที่ทำได้แค่ดูแลคลังและจัดการเครื่องต่างๆในหน่วย “
เมื่อเห็นท่าทีเป็นมิตรของเขา แน่นอนว่า จางเทีย จึงได้ยินเรื่องนี้ ดังนั้นแล้วชายคนนั้นจึงได้เล่าเรื่องร้อยโท คารัค และได้แสดงท่าทีขอบคุณ แคลวิน ที่ได้ช่วยเขาในวันนี้
หลังจากนั้นบรรยากาศก็เริ่มดีขึ้น
เวสซี่ ที่ยืนอยู่ข้างๆก็เปลี่ยนความคิดเรื่อง จางเทีย ว่าเป็นเด็กที่แค่มีดีแค่แรงลับที่สร้างขึ้นมาได้ ในบรรดาคนในทีมแล้วทุกคนนั้นสามารถสร้างแรงลับขึ้นมาได้นั้นล้วนแต่เป็นคนโหดร้าย พวกนั้นอารมณ์ร้อนรึไม่ก็แข็งกระด้าง คนที่สามารถสร้างแรงแบบนั้นได้ไม่เคยมีใครจิตใจดีแบบ จางเทีย มาก่อน เทพต่อสู้ชอบคนแบบนี้ได้ยังไงกัน ?
เวสซี่ นั้นไม่เข้าใจแต่มันก็ไม่ได้กันให้เขาประทับใจในตัว จางเทีย บางทีเด็กคนนี้คงกลายเป็นคนดังในทีมได้แน่ๆ
ในที่สุด แคลวิน ก็ได้ใช้มือเข็นรถออกมาจากคลัง เขาดึงมันออกมาต่อหน้าทุกคน
เมื่อเห็นมันแล้วตาของ จางเทีย แทบจะถลนออกมาเพราะอาวุธนี้มันใหญ่เกินไป
มันคือดาบใหญ่ที่มีรูปร่างที่น่ากลัว เทียบกับดาบที่ จางเทีย เคยเห็นแล้ว แม้แต่อันที่ใหญ่ที่สุดที่เขาเคยเห็นมันนั้นก็เหมือนกับไม้จิ้มฟันแต่นี่น่ะคือตะเกียบ
ดาบนี้นั้นเป็นอาวุธที่ยักษ์ใช้ มันวางอยู่ที่รถเข็น แน่นอนว่าต้องยาวกว่า 2 ม.ซึ่งหมายความว่าถ้าเอาปักลงที่พื้นดูแล้วต้องสูงกว่า จางเทีย
“ นี่คือดาบที่เป็นอาวุธหนักที่เป็นของระดับร้อยโทที่ใช้เป็นอาวุธหลักในการต่อสู้ตอนที่เขาคลั่ง น้ำหนักก็ 358 กก. ไม่มีใครเคยใช้มันมาก่อนในบรรดาร้อยโททุกคนในทีม 39 !” - ร้อยโท คารัค ได้แนะนำอาวุธนี้
“ ถ้าร้อยโทมีมันได้ งั้นแปลว่าคนที่มีตำแหน่งสูงกว่านี้นั้นต้องมีมันด้วยสิ ! “ - จางเทีย ถามอย่างสงสัย
“ อาวุธของเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินนั้นทำมาจากวัสดุที่ดีกว่านี้ ในตอนที่นายเลื่อนขั้นแล้ว ถ้านายชอบอาวุธหนักเป็นอาวุธหลัก นายก็ได้ของที่ทำมาจากวัสุดที่ดีกว่าเดิมได้ นี่น่ะเป็นสิทธิของเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดิน อาวุธนี้น่ะทำมาจากทังสเตน-แมงกานีส ส่วนเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินนั้นจะใช้อัลลอยระดับ 3 ! “ – เวสซี่ อธิบาย – “ ในตอนที่นายเข้ากองทัพแล้วนายจะเข้าใจเรื่องพวกนี้เอง ! “
เขามองไปที่ดาบน้ำหนัก .358 กก. จางเทีย รู้สึกว่าเลือดร้อนขึ้นมา ถ้า คารัค และ เวสซี่ รู้ว่าเป็นแบบนั้น พวกนั้นคงสลบไปแล้ว
‘ ดอนเดอร์ เคยบอกว่าถ้ามีประโยชน์และเราไม่รับมัน ก็ถือว่าเราเป็นไอ้โง่ สำหรับอาวุธพิเศษแล้ว แม้ว่าฉันจะใช้มันไม่ได้แต่มันก็ยังขายทำเงินได้มากเผื่อในตอนฉุกเฉิน ! เหล็กระดับ 2 ไม่น่าจะมีค่าทั่วไปแน่ๆ ! ‘
นี่น่ะคือสิ่งที่ จางเทีย คิดในตอนนั้น อาวุธหนักแบบนี้จะมีประโยชน์ต่อเขาอย่างมากที่เขาจะเอามันมา ถ้าเขาเอามันมาแล้ว เขาก็จะเป็นเจ้าของมัน
ดังนั้นแล้ว จางเทีย จึงรู้สึกคึกขึ้นมา เขาวางหอกไว้ข้างๆ หลังจากที่สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วเขาก็ได้เดินเข้าไปหารถเข็น ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างคว้าเอาดาบเอาไว้
ด้ามจับนั้นฉาบกันลื่น ทำให้จับได้ถนัดมือ มันยาวราวๆ 40 ซม.ซึ่งสามารถจับด้วยสองมือได้
ตัวดาบนั้นออกแบบมาง่ายๆ ตัวคันที่ต่อระหว่างใบมีดกับด้ามนั้นเป็นเหล็กกว้างซึ่งใหญ่พอๆกับโล่เล็กๆ แค่นั้นก็หนักอย่างน้อย 30 กก.แล้ว มันยาวกว่า 20 ซม.ด้วย
ด้านหนึ่งของดาบนั้นเรียบและคม ภายใต้การขัดกันสนิมแล้วทำให้มันเหมือนกับฟันเลื่อยที่ส่องประกายออกมา นอกจากนั้นแล้วร่องบนดาบนั้นก็กว้างพอๆกับนิ้วคน ถ้าใครโดนอาวุธแบบนี้ฟันเข้าไปแล้วคงคิดถึงผลลัพธ์ออกมาได้ง่ายๆ
ปัญหาเดียวตอนนี้คือใครสามารถใช้มันได้
ในตอนที่ จางเทีย ลองจับอาวุธนี้ คารัค, เวสซี่และ แคลวิน ก็เริ่มใจเต้นรัว
หนึ่งเหตุผลที่ คารัค ยอมบอกถึงอาวุธนี้คือเพื่อตรวจสอบแรงที่ จางเทีย มี
ด้วยมือทั้งสองข้างของเขา จางเทีย ได้เพิ่มแรงของตัวเองออกมาอีก....
ในตอนที่ดาบหนัก 358 กก.เริ่มถูกยกขึ้นมาก็ได้มีเสียงดังขึ้นจากสปริงของรถ คารัค, เวสซี่ และแคลวิน แทบจะตาถลนออกมา
มันหนัก หนักอย่างมากแต่ จางเทีย ก็ยังยกมันได้ ถ้าเขาลองถือมันโดยใช้มือแค่ข้างเดียวมันคงน่าทึ่งยิ่งกว่านี้ ดังนั้นแล้วเขาจึงใช้มือทั้งสองข้างและโบกมันไปมาราวกับฟันใครสักคน ใช่ ฟันใครสักคน
เมื่อเห็น จางเทีย ใช้ดาบยักษ์นั่นฟัน ทั้งสามคนก็เริ่มกลัวและรีบกระโดดหนี
จางเทีย เคลื่อนที่ได้รวดเร็วจนเกิดลมขึ้นในตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วสับอาวุธลงไปโดยหยุดก่อนที่จะถึงพื้นจนทำให้ฝุ่นด้านล่างปลิวออกมา
เขาหัวเราะออกมา เพราะเขาได้กิน Wild Wolf Seven-Strength Fruits เข้าไป 9 ผล ทำให้เขาทำแบบนี้ได้
ดาบนี้น่ะหนักอย่างมาก การจะทำมันได้ต้องใช้แรงของหมาป่าทั้งเก้าเข้ามาช่วย การฟันมันนั้น จางเทีย รู้สึกเหมือนกับการออกกำลังกายหนัก แม้ว่ามันจะหนักไปหน่อยแต่เขาก็เห็นว่ามันสนุกและเจ๋งอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อเขาเห็นทั้งสามคนนั้นต่างก็หน้าซีดกันไป
ทุกคนต่างก็อยากได้ความแข็งแกร่ง ด้วยดาบที่มีในมือแล้ว จางเทีย พบว่ามันน่าสนใจอย่างมากที่จะใช้แรงที่มีออกไป มันทำให้เขารู้สึกเหมือนทำบางอย่างสำเร็จ
“ฟึบๆๆๆ.. “
จางเทีย ฟันดาบไปเรื่อยๆจนทำให้เกิดเสียงแปลกๆขึ้นมา คนอื่นเริ่มถอยหลังกลับออกไปอีก
หลังจากที่ฟันอยู่นานกว่าครึ่งนาที จางเทีย ก็จงใจที่จะวางมันลง หลังจากที่ปล่อยมือแล้ว ดาบก็ตกลงที่พื้นจนทำให้เกิดหลุมเล็กและรอยแตกบนพื้นขึ้นมา
“ ฉันรู้สึกว่าดาบนี่น่ะเหมาะอย่างมาก ! “
ในตอนที่ จางเทีย ได้ยกดาบแล้วเดินออกมาจากคลัง เขาได้เป็นที่สนใจของคนที่เดินไปมา เวสซี่ ได้ช่วยเขาถือหอกที่หนักกว่า 100 กก. ออกมา ส่วน คารัค และ แคลวิน นั้นช่วยเก็บพวกเกราะต่างๆไปไว้ที่หลังรถ
ของพวกนี้ทั้งหมดแล้วรวมกันหนักกว่าครึ่งตัน หลังจากที่ใส่ลงไปในรถแล้ว ตัวรถดูเตี้ยยิ่งกว่าเดิม
ตอนนั้น จางเทีย รู้สึกว่าเขาไปปล้นร้านค้าหลายๆร้านมา ความรู้สึกของการถูกเลือกนี่มันดีจริงๆ
เขารเริ่มรู้สึกดีกับการเป็นพลเมืองของอาณาจักรนอแมน..
หลังจากขอบคุณ คารัค และ แคลวิน แล้ว จางเทีย ก็ได้ลาพวกนั้นก่อนจะขึ้นไปบนรถ หลังจากนั้นเขาก็ได้ออกจากหน่วยไปพร้อมกับ เวสซี่
“ หัวหน้า ผมรู้สึกว่าเด็กนี่ต้องยิ่งใหญ่สักวันแน่ ! “ - แคลวิน พูดขึ้นมากับ คารัค หลังจากที่เห็น จางเทีย เดินออกไป
คารัค พยักหน้า เขารู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำวันนี้นั้นจะได้รับผลดีกลับมา สำหรับสิ่งน่ากลัวที่ จางเทีย ทำแล้ว มันคงจะแปลกถ้าเขาไม่โดดเด่นขึ้นมา
“ เราจะไปไหน ? “ - จางเทีย ถาม เวสซี่ ที่กำลังขับรถอยู่
“ ไปลงทะเบียนแคมป์เหล็กโลหิต จากนั้นก็กลับไปที่หน่วย ฉันมั่นใจว่า ผู้การลิปนิซ อยากรู้ว่านายดูเป็นไงในชุดเครื่องแบบ “
“ นายบอกฉันเรื่องแคมป์หน่อยได้รึเปล่า ? “ - จางเทีย ถา
“ นายเคยเห็นพวกนักสู้ระดับสูง งี่ง่าที่ยืนกอดอกอยู่ด้านหลังเหมือนเป็นแก๊งค์ อวดรอยสักและกล้ามให้คนอื่นเห็นมั้ย ? “ – เวสซี่ หันกลับามาถาม จางเทีย – “ มันน่าจะมีแก๊งค์แบบนั้นอยู่ในเมืองนี้ “
“ ใช่ เคยเห็น ทำไม? “
“ แคมป์น่ะก็เต็มไปด้วยนักสู้แบบนั้น คนที่พร้อมจะตาย... “
จางเทีย พูดไม่ออก...
ค่ายทหารส่วนมากนั้นเป็นของพวกทหารประจำเมืองซึ่งตอนนี้โดนพักงานอยู่ที่บ้าน ค่ายเหล่านั้นกลายเป็นของทีม 39 ไปแล้ว ค่ายแคมป์เหล็กโลหิตน่ะอยู่ด้านทิศตะวันออกของเมือง บังเอิญว่ามันคือที่ที่พี่ชายของเขาเคยอยู่มาด้วย
นอกจากทหารที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าแล้ว ในตอนที่ จางเทีย ไปถึงแผนกของแคมป์เขาก็ได้เห็นคนหลายคนเดินไปมา คนด้านในที่เขาเห็นนั้นมีอยู่สองพวก
พวกที่ดูท่าทีประมาท นอนเล่นอยู่ที่พื้นพร้อมกับใส่แว่นกันแดด บางคนถึงกับหลับอยู่ใต้ต้นไม้ พวกเขาเหยียดแขนขาไปมาราวกับนอนพัก ส่วนคนอื่นเล่นไพ่และทำเรื่องอื่นๆอยู่ใต้ต้นไม้ที่ดูเหมือนจะพนันกัน พวกนี้น่ะเหมือนกับพวกลูกคุณหนูที่มาจากครอบครัวรวยๆที่มาสนุกกันในวันหยุด
ในทางกลับกันก็มีบางคนที่ทำการฝึกฝนอย่างหนัก จางเทีย เห็นหลายคนฝึกท่าพยัคฆ์หลับพร้อมกับเหงื่อที่ชุ่มไปทั่ว ผิวที่หลังของพวกเขานั้นสะท้อนแสงกับแสงอาทิตย์และนั่นต้องรู้สึกร้อนอย่างมากแน่
คนพวกนี้ไม่ได้สนกับการมาถึงของ จางเทีย รึ เวสซี่ เลย
เวสซี่ นั้นดูเหมือนจะเคยเห็นแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่เห็นอะไรแปลก เขาพา จางเทีย เข้าไปในออฟฟิศแล้วอธิบายเหตุผลสั้นๆกับเจ้าหน้าที่คนนั้นแล้วเอาเอกสารของ จางเทีย ให้กับอีกฝ่าย หลังจากที่แนะนำ จางเทีย ให้กับเจ้าหน้าที่คนนั้นแล้วก่อนจะให้กุญแจกับเขามาอีก 2 อันสำหรับหอและบัตรผ่าน จากนั้น จางเทีย ก็ได้ทำการลงทะเบียนแคมป์นี้เสร็จ
“ วันหยุดของกองทัพจะหมดในอีก 5 วัน นายต้องมาที่นี่และไปรายงานตัวกับหัวหน้า เรนฮาท ระหว่างวันนั้นนายสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ นายสามารถสร้างปัญหาได้ถ้านายไม่กลัวที่จะโดนพวกสายตรวจของกองทัพจับรึอาจโดนใครจำได้ ! “
แม้แต่เจ้าหน้าที่เองก็ยังขี้เกียจไปด้วย !
หอของร้อยโทนั้นไม่ได้แย่เท่าไหร่ มันอยู่ที่ชั้นหกข้างๆกับสนามฝึก มีสวนเล็กๆอยู่ด้านล่าง ด้านนอกทางเข้าหอนั้นคือหอคอยที่มีทหารประจำอยู่ข้างใน
แต่ละชั้นนั้นมีส่วนบริการต่างๆ ห้องของ จางเทีย คือห้อง 508 ชั้น 5 มันเป็นห้องเดี่ยวที่มีพื้นที่ 30 ตร.ม., พื้นไม้,และรวมห้องน้ำไปในตัว มีระบบทำความร้อนด้วย, เตียง,โต๊ะ,ตู้เสื้อผ้า,ชั้นวางรองเท้า, เซฟ ,และที่ห้อยอาวุธและหมวก
จางเทีย มีที่พอที่จะเก็บของทุกอย่างเขาไว้ที่นี่ได้ แน่นอนว่ามันเหมือนกับโรงแรม สำหรับกุญแจสองอันที่ได้มา อันหนึ่งคือประตูและอีกอันคือเซฟที่อยู่ในห้อง
ตำแหน่งของเจ้าหน้าที่กองทัพของอาณาจักรนอแมนน่ะได้แสดงออกมาให้เห็นที่นี่แล้ว เวสซี่ และ จางเทีย ได้วิ่งกลับไปมาอยู่สองรอบกว่าจะเอาของขึ้นมาชั้นบนเสร็จได้
ในตอนที่ออกจากแคมป์ไปพร้อมกับ เวสซี่ จางเทีย ก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างแปลกๆกับพื้นที่บริการ เขาจำไม่ได้ว่ามีผู้หญิงบริการในเมืองตอนที่ยังไม่โดนยึด ถ้าผู้หญิงเหล่านี้โดนชายกำยำพวกนี้รุมเอา มันคงไม่แตกต่างจากการโยนฝูงแกะให้พวกหมาป่า
“ ผู้หญิงบริการมีไว้ทำไม ? “
“ ผู้หญิงบริการ ? “
เวสซี่ มองไปที่ จางเทีย ที่กำลังสงสัย ไม่แน่ใจว่าเด็กนี่หมายความว่ายังไง
“ ฉันหมายถึงผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านหลังส่วนบริการในแต่ละชั้น ! “ - จางเทีย อธิบาย
ในที่สุด เวสซี่ ก็เข้าใจ
“ ฉันสับสนไปนิด ผู้หญิงพวกนั้นน่ะไม่ใช่คนบริการ พวกเธอเป็นเชลยที่อยู่กับกองทัพ อาณาจักรนอแมนได้ให้โอกาสลดโทษโดยให้มาทำงานบริการพวกนี้ ! “
หลังจากที่พูดจบ เวสซี่ ก็ได้มองไปที่ จางเทีย – “ ในฐานะเจ้าหน้าที่กองทัพของอาณาจักรนอแมน ถ้านายไม่อยากเล่นกับพวกเธอจนตาย นายสามารถสั่งให้พวกเธอทำอะไรก็ได้ตามที่นายต้องการ จำไว้ ทุกอย่างเลย นี่น่ะคือบริการสำหรับเจ้าหน้าที่ “
จางเทีย ไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว เขาเข้าใจที่ เวสซี่ พูดทันที เชลยพวกนี้ได้อยู่กับกองทัพในสองบทบาท คนรับใช้และโสเภณี พวกนี้น่ะไม่ได้มีเกียรติเลยสักนิด
หัวใจของ จางเทีย เต้นรัวในตอนที่คิดถึงผู้หญิง ประสบการณ์อันน่าทึ่งในวันนี้เกือบทำให้เขาลืมว่าอาณาจักรนอแมนอยู่กันเป็นแบบลำดับชั้นซึ่งทั้งเย็นชาและแข็งกระด้าง...
ไม่นานเขาได้กลายมาเป็นสมาชิกระดับสูงของอาณาจักรนี้แล้ว
เวสซี่ ดูเหมือนจะเข้าใจในการปรับตัวของ จางเทีย ที่มีต่อระบบของอาณาจักรนอแมน ยังไงซะมันก็แตกต่างกันอย่างมากกับระบบที่เขาอยู่มาก่อนหน้านี้กับที่เจอตอนนี้
“ ฉันสงสัยว่านายเคยได้ยินสำนวนของจักรพรรดิ เฟลิก รึเปล่า ? “ – เวสซี่ ถามออกมาในตอนที่ขับรถ
“ สำนวนอะไร ? “
“ ลำดับชั้นน่ะคือคำสั่ง คำสั่งคือสิ่งสวยงาม ! “
รถไอน้ำที่ขับออกไปพร้อมกับที่ จางเทีย ได้คิดตามคำพูดนั้น...