หน้าแรก > ราชันสามภพ
บทที่ 339: เจ้าข่มขู่ข้ารึ?

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

บทที่ 339: เจ้าข่มขู่ข้ารึ?

 

“ใครน่ะ ?

 

หลังจากรอบที่แล้ว เจี้ยงเฉินได้ตั้งระบบป้องกันตัวเองไว้หลายแห่งรอบบริเวณที่พัก ทันทีที่เจี้งเฉินรู้สึกว่าใครบางคนพยายามที่จะเข้ามาในบ้าน เขาได้รับการแจ้งเตือนทันทีและตะโกนเสียงดัง

 

ร่างของเขาพุ่งออกมาเหมือนลูกศรเพื่อดูว่าใครยืนอยู่ตรงกลางสนาม ใบหน้าของผู้บุกรุกถูกปกปิด เขามองเห็นเพียงดวงตา

 

"สหายน้อย เราอาจจะคุยกันสักหน่อยได้มั้ย?"

 

แขกที่ไม่ได้รับเชิญในตอนกลางคืนอาจมีเจตนาที่ไม่ดี เจี้ยงเฉินไม่ได้สนใจที่จะสาละวนกับเขา

 

"เจ้าจะออกไปเองหรือต้องการให้ข้าเรียกหาผู้คุมกฎ ?" เจี้ยงเฉินขมวดคิ้ว

 

อย่าเข้าใจผิด สหายน้อย ข้าไม่มีเจตนาร้าย ข้าแค่อยู่ที่นี่ในนามของคนอื่นเพื่อเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยและเป็นผู้ประนีประนอม "

 

“ผู้ประนีประนอมรึ?” เจี้ยงเฉินหัวเราะอย่างเย็นชา "ใครขอให้เจ้ามาที่นี่?"

 

"อย่ารีบร้อน สหายน้อย ด้วยศักยภาพของเจ้า เจ้าถูกลิขิตสำหรับสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทำไมต้องสร้างศัตรูในพื้นที่ส่วนลึกลับ? มันไม่ใช่เรื่องสำคัญว่าใครขอให้ข้ามาที่นี่ในวันนี้ ในฐานะที่เป็นผู้ควบคุมของพื้นที่ส่วนลึกลับ ข้าขอยืนยันว่าข้าปฏิบัติอย่างเป็นธรรมในทุกเรื่อง ข้ามาที่นี่ในวันนี้เพื่อให้คำแนะนำแก่เจ้าว่าการก้าวถอยหลังไปสักก้าวเพื่อให้อภัยจะช่วยขจัดความตั้งใจที่ไม่ดีทั้งหมดออกไป ส่งผลให้มีสันติภาพอันกว้างไกลเหมือนกับท้องฟ้าที่สว่างไสว "

 

"ก้าวถอยหลัง 1 ก้าวเพื่อให้อภัยรึ?" เจี้ยงเฉินระเบิดเสียงหัวเราะออกมา "ถ้าข้าก้าวถอยหลัง 1 ก้าว พวกเขาจะก้าวมาข้างหน้า 10 ก้าวเพื่อข่มขู่ข้า อย่ามาอ้อมค้อม เกียวเล็นขอให้เจ้ามาใช่มั้ย? "

 

"ฮ่าฮ่า เจ้าฉลาดจริง ๆ "

 

"กลับไปบอกเขาว่าเขาไม่ควรล้ำเส้นตั้งแต่แรก เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ความขัดแย้งนั้นจะสิ้นสุดลงด้วยความตายเท่านั้น ข้าเคารพท่านในฐานะผู้ควบคุม แต่ข้าเชื่อว่าการมาเยี่ยมเยียนของท่านในครั้งนี้ไม่ใช่การกระทำอย่างเป็นทางการ มิฉะนั้นท่านจะปกปิดใบหน้าของตัวเองทำไม? "

 

"สหายน้อยช่างหลักแหลม ข้าประทับใจมาก เขาเสียใจในเรื่องก่อน ๆ เช่นกัน และขอให้ข้ามาดูว่ามีอะไรที่พอจะชดเชยได้บ้าง สหายน้อย ถ้าเจ้ามีคำขอใด ๆ เจ้าพูดมาได้เลย"

 

เจี้ยงเฉินกางมือออกและตะโกนว่า "อย่ามาหลอกข้า! ท่านคิดว่าหลักการของข้าแลกเปลี่ยนได้หรือ? กลับไปบอกเกียวเล็นว่าสิ่งเดียวที่เขาทำได้คือการอธิษฐานว่าเขาจะไม่ได้เจอกับข้าบนสังเวียน นี่คือทั้งหมดที่ข้าต้องพูด ช่วยเชิญตัวเองกลับไปด้วย ! "

 

เจี้ยงเฉินรู้สึกโกรธแค้น คนกลาง ? ผู้ประนีประนอม ?

 

ในที่สุด ทั้งหมดเป็นเพียงอุบายของนิกายตะวันม่วง ! เจี้ยงเฉินไม่ต้องใช้สมองก็รู้ว่าผู้ควบคุมที่สวมหน้ากากเป็นคนจากนิกายตะวันม่วง แวะมาหาเขาในนามของเกียวเล็น

 

นอกจากนี้เขายังรู้ด้วยว่าการสมานฉันท์ของสาวกเหล่านี้เป็นเพียงแค่ควันและกระจกเงาเท่านั้น กรงเล็บและเขี้ยวของพวกเขาจะโผล่ขึ้นมาหลังจากชั่วขณะหนึ่งและพวกเขาก็จะปฏิเสธข้อตกลงทั้งหมด

 

คนอย่างเกียวเล็นมีจิตใจเหมือนแมงป่องและจะไม่มีวันยอมสร้างสันติสุขอย่างจริงใจ

 

นอกจากนี้ เรื่องของวันนั้นเขาล้ำเส้นถลำลึกทำร้ายเจี้ยงเฉินจริง ๆ เขาทำลายความบริสุทธิ์ของเด็กผู้หญิงด้วยมือของเขา แม้ว่านางจะไม่ได้กล่าวอะไร แต่เจี้ยงเฉินตระหนักดีว่าเป็นการเสียสละอย่างมากสำหรับหญิงสาว

 

ความไร้เดียงสาของสาวบริสุทธิ์สามารถกลบเกลื่อนได้ง่ายกว่าด้วยคำพูดที่ไร้สาระเช่นนี้หรือ?

 

เจี้ยงเฉินไม่มีทางยอมรับเรื่องนี้

 

เมื่อชายสวมหน้ากากเห็นเจี้ยงเฉินยืนยันหัวแข็ง เขาขมวดคิ้ว "สหายน้อย ไม่มีทางไกล่เกลี่ยกันได้เลยหรือ?"

 

เจี้ยงเฉินหัวเราะอย่างเย็นชา "เว้นแต่เขาจะตาย"

 

เสียงผู้ชายสวมหน้ากากร้อนรน "ตายรึ !!! เจ้าคิดว่าเรื่องนี้จะได้รับการแก้ไขถ้าเขาตายรึ? ข้าบอกเลยว่า จะทำให้เรื่องแย่ลงเท่านั้น การฆ่าสาวกนิกายตะวันม่วงคล้ายกับการตีรังต่อ นอกจากนี้ เกียวเล็นค่อนข้างโด่งดังในนิกาย ถ้าเจ้าฆ่าเขา ในอนาคตจะต้องมีคนในพื้นที่ส่วนปฐพีและส่วนนภาอยากแก้แค้นเจ้า เจ้ามีศักยภาพมหาศาล ทำไมถึงทำลายอนาคตของตัวเองเพราะเรื่องโต้เถียงที่เกิดจากความรู้สึกส่วนตัวและปิดกั้นเส้นทางที่ยิ่งใหญ่? "

 

เนื่องจากการโน้มน้าวใจล้มเหลว ผู้สวมหน้ากากจึงหันมาข่มขู่แทน

 

เจี้ยงเฉินหัวเราะอย่างเต็มที่ "ข้ามีวิธีการของตัวเอง ใครจะเข้ามาปิดกั้น? อนาคตของข้าใครจะมาทำลายมันได้? รังต่อรึ? ตลกสิ้นดี ! บนเส้นทางของเต๋าศิลปะการต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นถ้ำของมังกรหรือรังของนกฟีนิกซ์ ใครก็ตามที่ปิดกั้นเส้นทางของข้าจะต้องตาย ! "

 

ผู้ควบคุมที่สวมหน้ากากเห็นสาวกที่หยิ่งยโสมามาก แต่ไม่เคยเห็นคนที่หยิ่งยโสมากเช่นเขามาก่อน

 

เขาโกรธมากจนแทบกระอักเลือด เขาส่งเสียงหัวเราะต่อเนื่องอย่างเย็นชา "ดี,ดี,ดีมาก !  ดูเหมือนว่าเจ้าปฏิเสธที่จะกลับใจจนกว่าเจ้าจะตายอย่างสิ้นเชิง! ข้าอยากจะเห็นว่าในที่สุดการตายของอัจฉริยะสามัญเช่นเจ้าจะน่าเวทนาแค่ไหน !

 

"เด็กโง่ อย่าลืมว่านับจากวันนี้ นิกายตะวันม่วงจะใช้ทรัพยากรทั้งหมดที่เป็นไปได้ในการปราบปรามและกำจัดเจ้า รอให้ดาบของนิกายตัดหัวสกปรกของเจ้าได้เลย ! "

 

ทัศนคติของผู้ควบคุมที่สวมหน้ากากเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับการพลิกหน้าหนังสือ เสียงของเขาตรงกับคำข่มขู่ที่น่าสยดสยองของเขา

 

เช่นเดียวกับที่เจี้ยงเฉินได้ข่มขู่เกียวเล็นและคนอื่น ๆ ผู้ควบคุมก็พยายามที่จะปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งความกลัวในหัวใจของด้วยการข่มขู่และพยายามสร้างปีศาจภายใน

 

อย่างไรก็ตาม พลังจิตของเจี้ยงเฉินไม่ใช่สิ่งที่ขยะเช่นเกียวเล็นมี ทักษะหัวใจดั่งศิลาของเขาได้ป้องกันเขาจากภัยคุกคามแบบนี้

 

เขาหัวเราะเบา ๆ "ข้าจะรอ ตอนนี้,ข้าขอพูด 2 คำ ออกไป ! "

 

คำสองคำสุดท้ายหลุดออกมาเหมือนฟ้าร้องในฤดูใบไม้ผลิ เสียงคำรามดังสนั่นของคำสองคำนี้ก้องกังวานไปทั่วบริเวณโดยรอบของเนินเขาซึ่งมีความลาดชัน

 

การแสดงออกของผู้ควบคุมเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เขาสาปแช่งอย่างเงียบ ๆ เด็กคนนี้ช่างเจ้าเล่ห์ ! เขาไม่กล้าที่จะรอช้าขณะที่เขาลุกขึ้นรีบออกไปเร็วกว่ากระต่ายกระโจนหายไป

 

เจี้ยงเฉินจงใจตะโกนเสียงดัง เขาต้องการที่จะปลุกทุกสิ่งบนพื้นที่ส่วนลึกลับและผู้ควบคุมทั้งหมดเพื่อให้เขาสามารถดึงดูดผู้คุมกฎ

 

ถ้าต้องการพูดตรงไปตรง ๆ เขาต้องการจะใส่ความผู้ควบคุมที่สวมหน้ากาก

 

เขาเข้าไปในบ้านพักของผู้เข้าแข่งขันในตอนกลางคืนและขู่ว่าจะปราบปรามเขา ถ้าหลักฐานนี้ถูกค้นพบ มันจะเป็นภัยพิบัติอย่างยิ่งและแน่นอนว่าอีกสามนิกายจะตำหนิเขา

 

ดังนั้นเมื่อผู้ควบคุมได้ยินเสียงตะโกนของเจี้ยงเฉิน เขารู้ว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีและเร่งรีบที่จะจากไป

 

ในเวลานี้ ด่านเฟยเดินเข้าไปในสนามผ่านประตูของนาง

 

"ศิษย์พี่ภูผา จิตวิญญาณที่สูงส่งและแข็งกระด้างของท่านน่าชื่นชมอย่างมาก บุคคลนี้ต้องเป็นผู้ควบคุมที่มาจากนิกายตะวันม่วง เขาพยายามใช้กลยุทธ์อย่างหนักหน่วงและนุ่มนวลเพื่อบังคับให้ท่านประนีประนอมและแน่นอนว่าไม่ต้องการที่จะคืนดีกับท่านอย่างแท้จริง "

 

เจี้ยงเฉินยิ้มเฉย ๆ "ใช่สิ ข้ามองทะลุผ่านเล่ห์กลของพวกเขา มันหมายความว่าอย่างไร หมายความว่าเกียวเล็นกลัว "

 

"เกียวเล็นไม่ค่อยมีความสามารถแต่มีความทะเยอทะยาน และเขาไม่มีโอกาสที่จะเข้าถึงเต๋าที่ยิ่งใหญ่ได้ เต๋าหัวใจของเขาอ่อนแอลง อาจเป็นไปได้ว่าการคุกคามของศิษย์พี่ภูผากลายเป็นปีศาจภายในของเขาแล้ว หากเป็นเช่นนี้ ศิษย์พี่ภูผาไม่จำเป็นต้องทำอะไร เกียวเล็นจะทำลายตัวเองก่อนที่จะต่อสู้กับท่านเสียอีก"

 

เจี้ยงเฉินเห็นด้วยและพยักหน้า "การเรียกกองกำลัง ดูเหมือนว่าเกียวเล็นหมดท่า ข้าปฏิเสธข้อเสนอของเขาในวันนี้ ข้าควรจะจับตามองในอีกสองสามวันเพื่อป้องกันไม่ให้เขากระโดดข้ามกำแพงด้วยความสิ้นหวัง "

 

เมื่อปีศาจภายในเกิดขึ้น เป็นเรื่องยากมากที่จะกำจัดมันออกไป ต้องกำจัดแหล่งที่มาของปีศาจภายในเพื่อกำจัดมัน

 

เจี้ยงเฉินแข็งแกร่งมากจนเกียวเล็นไม่แน่ใจว่าจะต้องทำอย่างไรกับเขา เขาต้องหมดหวังในการกำจัดแหล่งที่มาของปีศาจภายในของเขา !

 

มีเสียงฝีเท้าเดินมาจากด้านนอกบ้านขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน

 

ผู้คุมกฎเดินทางมาเพื่อค้นหาความวุ่นวาย

 

เจี้ยงเฉินเปิดประตูและกลุ่มผู้คุมกฎก็เดินเข้ามาพร้อมกับหัวหน้าฟาง

 

"เราได้ยินเสียงคำรามจากที่นี่ก่อนหน้านี้ มันมาจากเจ้ารึ?”  เสียงของหัวหน้าฟางมีความสง่างามราวกับว่าเขาไม่รู้จักเจี้ยงเฉินเลยและจะไม่ปล่อยให้กิจส่วนตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องสาธารณะ

 

เจี้ยงเฉินพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมาว่า "ข้าขอรายงานหัวหน้าฟางว่ามีชายสวมหน้ากากมาที่นี่ก่อนหน้านี้ ผู้ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นผู้ควบคุมในพื้นที่ส่วนลึกลับ เขามาที่นี่ในนามของนิกายตะวันม่วงเพื่อข่มขู่ข้า ข้าขอให้หัวหน้าฟางเป็นผู้พิพากษาเรื่องนี้ "

 

หัวหน้าฟางกำลังขมวดคิ้ว "บางอย่างเช่นนี้เกิดขึ้นจริงรึ?"

 

"แน่นอนขอรับ เพื่อนร่วมห้องของข้าสามารถเป็นพยานได้"

 

หัวหน้าฟางมองไปยังด่านเฟย นางไม่กลัวสายตาของเขาและกล่าวด้วยความเฉลียวฉลาดว่า "แม้ว่าพวกสาวกสามัญอย่างเรามีเชื้อสายต่ำต้อย เราก็ไม่ใช่ขยะที่ทุกคนต้องผลักไสออก ชายคนนี้อ้างว่าเป็นผู้ควบคุม แต่ยืนอยู่ข้างนิกายตะวันม่วงในการปราบปรามเรา ข้าอยากจะถามหัวหน้าฟาง การคัดเลือกนี้ยุติธรรมจริงดั่งที่สี่นิกายได้กล่าวหรือไม่? "

 

หัวหน้าฟางพยักหน้า "คนอื่น ๆ ในบ้านนี้อยู่ที่ไหน?"

 

"พวกเราไม่ทราบ พวกเขาไม่ได้กลับมาในเวลากลางคืนและเป็นแบบนี้ทุกวัน เราไม่รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ " ด่านเฟยตอบ

 

หัวหน้าฟางตะโกน "เรียกผู้ควบคุมทั้งหมดมาที่นี่ทันที!"

 

ผู้คุมกฎบางคนรีบออกไปแจ้งผู้ควบคุม

 

มีผู้ควบคุมประมาณ 200 คนจากสี่นิกาย พวกเขารีบมาที่นี่

 

หัวหน้าฟางเป็นหัวหน้า จึงไม่มีผู้ควบคุมคนไหนละเลยคำสั่งของเขาได้

 

"ทุกคน ผู้เข้าแข่งขันทั้งสองคนนี้บอกว่ามีผู้ควบคุมมาที่นี่เพื่อข่มขู่พวกเขา ข้ามีคำถามเพียงอย่างเดียว - ใครกล้าที่จะทำเช่นนั้นและแหกกฎของการเลือก? ใครกล้าเข้าหาผู้เข้าแข่งขันและข่มขู่พวกเขา? "

 

หัวหน้าฟางยังยึดเอาข้ออ้างนี้ไว้เพื่อระบายความรู้สึกของเขา เขาไม่ใช่คนของนิกายตะวันม่วงและแน่นอนว่าเขาจะไม่ยืนเคียงข้างพวกเขาเพื่อปกป้องพวกนิกายนั้น

 

มันเป็นฉากที่เงียบมาก ผู้ควบคุมทุกคนไม่มีใครกล้าพูดอะไร ความรู้สึกกลัวแผ่กระจายไปทั่วจิตใจของพวกเขา

 

มันคือใคร ?  คนโง่คนไหนที่กล้าเสี่ยงเพื่อที่จะข่มขู่ผู้เข้าแข่งขันอย่างเปิดเผย?

 

"เล่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้น" หัวหน้าฟางสนับสนุนเจี้ยงเฉิน

 

เจี้ยงเฉินอ่านได้ถึงร่องรอยของกำลังใจจากสายตาของหัวหน้าฟางและรู้ว่าหัวหน้าฟางกำลังสนับสนุนให้เขาทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่

 

"ตอนนี้ข้ากำลังฝึกอยู่ในห้อง และข้าก็ได้ยินว่ามีคนมาที่สนามบ้านของข้า เขากล่าวว่าเขามาที่นี่เป็นตัวแทนของนิกายตะวันม่วงเพื่อชักชวนข้าเข้าร่วมนิกาย เมื่อเขาล้มเหลว เขาเปลี่ยนท่าทีทันที เขาข่มขู่ข้าและบอกว่าเขาจะใช้อำนาจทั้งหมดของนิกายในการปราบปรามและกำจัดข้าให้ออกไป ข้าจึงสงสัยว่าชายคนนี้เป็นคนจากนิกายตะวันม่วง "

 

เนื่องจากหัวหน้าฟางสนับสนุนเจี้ยงเฉิน เขาจึงประกาศสงครามกับนิกายตะวันม่วงโดยตรง

 

"เด็กโง่ อย่ามาใส่ร้ายเรา!"

 

"เจ้ามีหลักฐานหรือไม่? หากไม่มีหลักฐานพิสูจน์ เท่ากับว่าเจ้าใส่ร้ายเรา ! "

 

"นิกายตะวันม่วงของข้าเปิดกว้างและตรงไปตรงมา ทำไมเราต้องข่มขู่สาวกสามัญอย่างเจ้าด้วย?"

 

"ต้องมีคนตั้งใจทำลายนิกายของข้า และจงใจใส่ร้ายเรา !"

 

ผู้ควบคุมจากนิกายตะวันม่วงติเตียน

 

เจี้ยงเฉินมองไปรอบ ๆ และจ้องหนึ่งในผู้ควบคุม เขาพ่นลมออกในใจ เจ้าเป็นคนอวดดีและไม่ซื่อตรงเมื่อเจ้าเข้ามาก่อนหน้านี้ เจ้าจึงสวมหน้ากาก เจ้าไม่ได้เปลี่ยนรูปร่างของตัวเองเพราะเจ้าคิดว่าตัวเองจะควบคุมสถานกาณ์ได้

 

เจี้ยงเฉินชี้ตรงไปยังคนนั้นว่า "เขาคือชายคนนั้น"

 

ร่างกายของบุคคลนั้นส่ายลงเล็กน้อยขณะที่เขาตะโกนว่า "เด็กโง่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าการก่ออาชญากรรมในเรื่องการใส่ร้ายคนอื่นไม่ใช่เรื่องเล็ก?"

 

เจี้ยงเฉินหัวเราะอย่างเย็นชา "หยุดแสดง! ก่อนที่ท่านจะมา ท่านอาจไม่คิดว่าข้าจะเปิดเผยเรื่องนี้ ท่านจึงปกปิดเพียงแค่ใบหน้าโดยประมาท แต่ไม่ได้ทำอะไรกับรูปร่างของท่านเลย ก่อนหน้านี้ท่านยโสและแสดงอิทธิพลข่มขู่ข้า ตอนนี้มีท่านกลายเป็นเต่าหดลงในกระดองและไม่กล้ายอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำรึ? "

 

ชายคนนี้คือลุงหยานคนที่เกียวเล็นขอให้ช่วย เขาคิดว่าเจี้ยงเฉินจะไม่ใช้กลวิธีแปลก ๆ นี้เหมือนกับที่เจี้ยงเฉินได้สมมุติไว้ก่อนหน้านี้เขาไม่แสดงกิริยาอะไรเลย

 

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเขาจะหยิ่งจองหองรักศักดิ์ศรีแค่ไหนเขากลับไม่สามารถยอมรับสิ่งที่ทำตอนนี้ได้

 

"หัวหน้าฟาง เด็กคนนี้กำลังสบประมาทข้า ข้าขอให้หัวหน้าฟางลงโทษเขาอย่างรุนแรงและทำลายสิ่งชั่วช้าที่กล้าทำให้ผู้ควบคุมต้องแปดเปื้อน! " ลุงหยานรีบร้องทุกข์แม้ว่าเขาจะเป็นคนผิดก็ตาม

 

หัวหน้าฟางพ่นลมแรงทางจมูก "เมื่อตะกี้เจ้าไปอยู่ที่ไหนมา?"

 

"ข้าพักผ่อนอยู่ในห้อง" ลุงหยานตอบอย่างง่ายดาย

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.