หน้าแรก > Castle of Black Iron
Chapter 148: เตรียมพร้อม

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

Chapter 148: เตรียมพร้อม

 

ด้านนอกปราสาทตอนนี้ตกอยู่ในความวุ่นวาย ในตอนที่กรรมการนั้นประกาศว่าจะเปิดอาคารที่พักและให้นักเรียนพักอยูทที่นี่แล้ว  หลายคนก็เริ่มหาจับจองที่ขอตัวเอง

นี่คือสถานการณ์ฉุกเฉิน นอกจากการเปิดอาคารให้นักเรียนแล้ว กรรมการยังเปิดคลังและให้ของจำเป็นกับนักเรียนอีก  นักเรียนทุกคนจะได้รับเครื่องปฐมพยาบาลและอาหารแห้งสำหรับสองวัน กรรมการนั้นได้ประกาศว่านับจากวันนี้ปราสาทจะให้อาหารกับทุกคน นักเรียนทุกคนจะได้รับอาหารแห้งในแต่ละวันตามช่วงเวลา

เพื่อที่จะตอบรับสถานการณ์ฉุกเฉิน กรรมการได้คุยเรื่องมาตรฐานต่างๆที่นำพาความเครียดมาสู่ทั้งปราสาท

จากวันนี้เป็นต้นไปนักเรียนผู้หญิงอยู่ได้แค่ในปราสาทเท่านั้น พวกเธอสามารถไปไหนก็ได้ทั้งส่วนในและนอกปราสาทแต่ถ้าไม่ได้รับอนุญาติจากกรรมการแล้ว ห้ามไม่มีนักเรียนหญิงคนไหนออกจากปราสาท เมื่อตระหนักได้ถึงการป้องกันที่ครูหวังดีแล้วก็ไม่มีใครต่อต้าน

ทุกคนรู้ว่าในตอนที่สงครามปะทุขึ้นมาเมื่อไหร่ ผู้หญิงนันจะไม่มีแรงปกป้องตัวเองซึ่งง่ายต่อการได้รับบาดเจ็บและขืนใจ นี่เป็นเรื่องสำคัญเมื่อปราสาทโดนทหารกว่า 1-2 แสนคนล้อม

ไม่มีใครกล้าประมาทในตอนนี้ ถ้านักเรียนผู้หญิงนั้นยังคงได้รับอนุญาตให้เข้าออกปราสาทได้ แม้ว่าจะเจอกับทหารกลุ่มเล็กๆที่เดินตระเวนรอบๆแต่พวกเขาก็ยังเป็นภัยต่อพวกเธออยู่ดี ไม่มีใครยอมให้เหล่าเด็กสาวไปเสี่ยงให้เกิดอะไรขึ้นแน่

ในตอนที่สาวๆโดนจำกัดพื้นที่ให้อยู่แต่ในปราสาท เด็กผู้ชายหลายคนก็อาสาที่จะเป็นทหารประจำการให้ซึ่งได้เพิ่มมากกว่าเดิมถึง 10 เท่า ก่อนหน้านี้มีไม่ถึง 40 คนที่รับหน้าที่ซึ่งคนพวกนี้ได้รับการแต่งตั้งโดยเหล่ากรรมการแต่ตอนนี้แล้วจำนวนมันเพิ่มขึ้นไปถึง 500 คนที่มารับหน้าที่ในการป้องกันปราสาท

หลังจากที่เข้ารับหน้าที่แล้ว พวกเด็กผู้ชายต่างก็ดูคึกคักขึ้นมาโดยเฉพาะเมื่อทุกคนได้รับชุดป้องกัน,อาวุธใหม่จากทางปราสาท ไม่นานหลังจากนั้นทุกคนก็ได้เกราะเบาอันใหม่ซึ่งผลิตขึ้นมาจากเมืองแบล็คฮ็อต ซึ่งตอนนี้สามารถเห็นได้ทั่วทุกที่ในปราสาท

เพราะบางอย่าง จางเทีย มักรู้สึกเสมอว่าคนที่เดินไปรอบๆพร้อมกับอาวุธใหม่นี่เหมือนแบ่งของที่ปล้นของมาก่อนที่จะไปเจอภัยพิบัติครั้งใหญ่

“ หวังว่าฉันจะคิดไปเอง ‘ จางเทีย พึมพำในใจ

นอกจากหม้อต้มหลักในปราสาทแล้ว หม้อต้มย่อยทั้ง 6 ซึ่งมีหน้าที่ในการป้องกันภาคพื้นดินต่างก็ถูกเปิดใช้งาน  คนที่ทำงานในโรงหลอมเองต่างก็ยุ่ง  พวก ปีเตอร์ นั้นได้รับงานที่หนักอย่างมาก  พวกเขาเป็นพวกรับผิดชอบในการเปิดการทำงานของหม้อต้มเหล่านั้น  มีเด็กหลายคนถูกดึงเข้าไปช่วยงานด้วย

ไม่คาดคิดเลยว่าสมาคมพระเจ้านั้นโดนสั่งให้ไปทำเรื่องสกปรกและเหนื่อยที่สุดในห้องต้มแต่พวกเขาก็ทำได้ดีจนได้รับคำชมจากพวกกรรมการ

ครึ่งชั่วโมงต่อมาหลังจากหม้อต้มย่อยนั้นโดนจุดขึ้นมา เครื่องยิงแรงดันอันแรกก็เริ่มทำงาน  กัปตันเคอร์ลิน ลองเอาจรวดนัดแรกออกมา มันยาวกว่า 2 ม.ยิงตรงออกจากปากของปืนซึ่งโดนเข้ากับต้นไม้ต้นใหญ่ที่ไกลออกไป 300 ม. ต้นไม้นั่นหักและตกลงกระแทกพื้นทันที

ในตอนที่ กัปตันเคอร์ลิน จะลองปืนเหล่านั้น เด็กผู้ชายทุกคนยืนอยู่บนกำแพงด้านนอกปราสาท ส่วนเด็กผู้หญิงนั้นยืนอยู่บนลานส่วนในของปราสาท พวกเขาต่างก็ยืดคอขึ้นดูพลังของอาวุธที่ไว้ใช้ป้องกันเมืองซึ่งแสดงให้เห็นถึงความฉลาดที่สุดของมนุษย์ในยุคนี้

เมื่อเห็นจรวดบินไปหลายร้อยเมตรตรงเข้าใส่ต้นไม้ใหญ่และหักมันได้ ทุกคนต่างก็ร้องดีใจออกมาและรู้สึกเบาใจกันมากขึ้น

นี่เองก็เป็นครั้งแรกที่ จางเทีย เห็นพลังของอาวุธนี่ เขาก็เหมือนกับคนอื่นๆ เขาเริ่มวางใจเมื่อเห็นพลังของมัน

ในตอนที่ กัปตันเคอร์ลิน ทดสอบเสร็จ พระอาทิตย์ก็เริ่มตกดินแล้ว  ตอนนั้นเองพวกเขาก็เริ่มนับจำนวน เมื่อเห็นควันสีแดงของปราสาทแล้ว นักเรียนทุกคนก็ได้กลับมารวมถึง บลู เองก็ด้วย

แต่ เกรซ นั้นไม่ได้กลับมา

ในตอนที่ จางเทีย กลับมาในตอนเช้า นอกจากสมาขิกในองค์กรและสมาคมพระเจ้าแล้ว ลูกน้องของเกรซทั้งสามคนยังไม่ได้เห็นหัวหน้าตัวเองกลับมา เมื่อเห็นแบบนั้นทำให้ทั้งสามคนหงุดหงิดและแปลกใจเล็กน้อย

จางเทีย เห็นสีหน้าของพวกเขาในตอนนั้น  เขาเพียงแค่มองผ่านๆ เขารู้ว่าพกนั้นต้องรู้แผนของ เกรซ  หลังจากรออยู่นานและเห็น จางเทีย กลับมาแทนที่จะเป็นหัวหน้าของพวกเขา พวกเขาก็คิดถึงความเป็นไปได้ทั้งหมด

ในตอนที่นับจำนวนกันเสร็จและ เกรซ ยังไม่โผล่มา ทั้งสามคนนั้นก็แสดงสีหน้ากลัวออกมาเมื่อเห็น จางเทีย อีกครั้งแต่ จางเทีย กลับดูใจเย็นเหมือนเดิมไม่ได้สนใจมองพวกเขาเลยสักนิด

ตั้งแต่ที่ จางเทีย กลับมาที่ปราสาท ยังไม่ได้เห็นผู้หญิงคนไหนเดินออกมาจากส่วนในปราสาทเลย เขาได้ยินมาว่าทุกคนนั้นโดนกักไว้ในส่วนในเมื่อมีควันสีแดงปะทุขึ้นมา  ครูจากโรงเรียนผู้หญิงนั้นต่างก็บอกให้พวกเธออยู่ด้านในและสอนความรู้ที่จำเป็นและสิ่งที่ต้องสนใจในระหว่างสงคราม

ในตอนที่เขายืนอยู่บนกำแพงส่วนนอกของปราสาท  จางเทีย ได้คิดว่าเขาเห็นเงาของ แพนโดร่า, อลิซ และ เบเวอร์รี่ ยืนอยู่ในลานส่วนใน  นี่ทำให้ จางเทีย คิดถึงพวกเธอมากกว่าเดิม  เหมือนกับหมาป่าตัวผู้ที่คิดถึงตัวเมียในทุ่งหญ้าไม่กี่วันก่อน

ถ้าไม่เคยมีประสบการณ์เฉียดตายมา คุณจะไม่รู้เลยว่าชีวิตนั้นมีค่าแค่ไหน !

หลังจากที่เห็นการทดสอบยิงแล้วและในตอนที่สาวๆยืนอยู่ในลานด้านในข้างๆกับหน้าต่าง  จางเทีย ก็ได้ตัดสินใจที่จะทำบางอย่าง เขาวิ่งลงจากกำแพงด้วยความเร็วสูงผ่านพื้นที่ด้านนอกและในปราสาทและในที่สุดก็มาถึงด้านล่างหอคอยที่เหล่าสาวๆอยู่

ในตอนที่ยัยแก่ตรงทางเข้าเห็น จางเทีย วิ่งเข้ามา เธอก็มองเขาด้วยสายตาเย็นชาแต่ก่อนที่เธอจะได้เปิดปากพูดด่า จางเทีย ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะมาหยุดอยู่ข้างๆเธอแล้วเงยหน้าขึ้นไปที่หอคอยด้านบน

“ แพนโดร่า, อลิซ , เบเวอร์รี่ ฉันกลับมาแล้ว.... “
เสียงของ จางเทีย นั้นดังกว่าเสียงของคนธรรมดา แม้ว่าจะไม่ดังเหมือนสายฟ้าแต่การตะโกนของเขาก็ดังเหมือนกับฝูงหมาป่ากำลังเห่าหอน มันทำให้ทั้งปราสาทช็อค

หลังจากได้ยินเสียงนั้น สาวๆทุกคนด้านในต่างก็ฮือฮาขึ้นมา พวกเธอต่างก็ยื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างเพื่อดูว่าใครกันที่ตะโกนดังขนาดนี้ด้านล่าง  ไม่ใช่แค่สาวๆ แม้แต่ผู้ชายก็ยังมองแบบทึ่งไปที่ จางเทีย  พวกเขาไม่เคยเห็นคนที่ใจกล้าแบบนี้มาก่อน

“ แพนโดร่า, อลิซ , เบเวอร์รี่ ฉันคิดถึงพวกเธอทุกวันเลย..”

เมื่อเห็นสามสาวโผล่หัวออกมาจากส่วนใน  จางเทีย ก็เริ่มตื่นเต้นมากขึ้น

สามสาวนั้นไม่คิดว่า จางเทีย จะแสดงความคิดถึงต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้  พวกเธอโบกมือให้กับเขาและอยากจะพูดบางอย่างตอบกลับไปแต่เนื่องจากอยู่สูงเกินไป จางเทีย คงไม่ได้ยินพวกเธอ ดังนั้นพวกเธอจึงไม่ได้พูดอะไรออกมา

ในตอนที่ยัยแก่ยืนขึ้นเตรียมที่จะด่า จางเทีย  เธอก็อึ้งกับสิ่งที่เขาพูด...

“ ฉันเจอเมล็ดต้นหม่อนมาในทุ่งหญ้าพระจันทร์เสี้ยว.. “ - จางเทีย ตะโกนออกมาแล้วพูดต่อ – “ แม่ฉันบอกว่าเมล็ดต้นหม่อนน่ะจะทำให้ผมของผู้หญิงน่ะสวยยิ่งกว่าเดิม ดังนั้นแล้วฉันจึงเอามาให้พวกเธอ ฉันจะโยนมันขึ้นไปให้นะ ... “

หลังจากพูดจบ จางเทีย ก็ได้ถอยกลับไปหลายก้าว เขาเอาถุงเล็กๆออกมาและพยายามโยนไปให้สาวๆที่จ้องมันอยู่

ไม่มีใครคิดว่า จางเทีย จะสามารถโยนขึ้นไปได้สูงขนาดนั้น ภายใต้สายตาของเด็กผู้หญิงและผู้ชาย เขากำหมัดแน่นและโยนขึ้นไปสูงกว่า 40 ม.ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ แพนโดร่า, อลิซ , เบเวอร์รี่ อยู่

นี่มันแม่นเกินไปแล้ว !

หลังจากโยนถุงให้พวกเธอแล้ว จางเทีย ก็โบกมือให้แล้วรีบวิ่งกลับไปภายใต้สายตาของทุกคน

ตอนนั้นเมื่อเห็นสีหน้าที่มีความสุขของ จางเทีย สาวๆทุกคนรวมถึงยัยแก่ตรงทางเข้าต่างก็เงียบ ทุกคนต่างคิดถึงฉากตะกี้นี้ เด็กหนุ่มตั้งใจที่จะเป็นผู้โดดเดี่ยวเพื่อหาเมล็ดต้นหม่อนซึ่งทำให้เขานึกถึงผมของพวกเธอ  งั้นเด็กนี่ก็เก็บเมล็ดพวกนี้ไว้ตรงอกตลอด ในตอนที่เขาเห็นพวกเธอ เขาก็ได้ส่งมันให้กับพวกเธอ  แม้ว่าเขาจะไม่เห็นพวกเธอแต่เด็กนี่ก็ยังไม่กลัวที่จะโดนสายตานับพันๆจ้องมองเมื่อยืนอยู่ต่อหน้าหอคอยที่ซึ่งเขาได้ประกาศความคิดถึงของตัวเองออกมา....

จากตรงหน้าต่างหอคอยนั้น มิสกิลิ อยู่ๆก็คิดถึงบางอย่างตอนที่เห็น จางเทีย และค่อยๆถอนหายใจออกมา

บนหอคอย แพนโดร่า, อลิซ , เบเวอร์รี่ ต่างก็ซึ้ง สายตาของพวกเธอยังคงมองไปยังถุงเก่าๆที่มีเมล็ดต้นหม่อนข้างใน

ถุงผ้านี้ทำขึ้นมาจากเสื้อของ จางเทีย  ทั้งสามสาวจำมันได้ทันทีที่เห็นมัน  มันยังมีคาบเลือดบนด้ายสีขาวด้วย เมื่อเห็นแบบนั้นพวกเธอก็คิดว่า จางเทีย คงโดนเข็มทิ่มเอาตอนเย็บถุงนี่ขึ้นมา

“ แพนโดร่า,เบเวอร์รี่ ฉันขอร้องพวกเธอ ยกเขาให้กับฉันเถอะ ! “

อลิซ แสดงสายตาที่จะร้องไห้ออกมาและมองไปที่ แพนโดร่า และ เบเวอร์รี่ ด้วยท่าทีจริงจัง

“ ฉันบอกพวกเธอแล้วว่าเขาเป็นของฉัน ไม่ว่าเขาจะมีผู้หญิงกี่คน เขาก็ยังเป็นของฉัน... “

แพนโดร่า ส่ายหน้า

“ เรายังเด็ก ทำไมเราอยู่กับเขาด้วยกันล่ะ  บางทีตอนที่เราแก่ การกระทำของเราตอนนี้อาจทำให้เราจดจำไปทั้งชีวิต ! “ – เบเวอร์รี่ เอาถุงผ้าขึ้นมาดมแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ – “ มีกลิ่นของเขาด้วย ! “

ตอนนั้นเมืองนั้นตกอยู่ในความกลัวเพราะการมาถึงของกองทัพอาณาจักรนอแมนที่แห่กันมาเป็นจำนวนมาก ก่อนที่คนในเมืองจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น กำแพงเมืองทั้งสี่ด้านต่างก็โดนกองทัพศัตรูเข้าล้อม

ไม่นานเมืองก็กลายเป็นเหมือนเกาะร้าง  คนดูแลเหมืองหลายคนต่างก็ไปหาแม่ทัพของนอแมนเพื่อพบดูแต่คนที่พวกเขาไปหานั้นไม่ใช่แม่ทัพแต่เป็นแค่ผู้แทนเด็กๆเท่านั้น

ตัวแทนเหล่านั้นไม่ได้เข้าไปใกล้รถของแม่ทัพ พวกเขาอยู่ที่ด้านนอกกำแพงเหล็กที่ถูกสร้างขึ้นในป่า  ที่ยืนอยู่บนพื้นตอนนี้พวกเขาได้เจอกับเจ้าหน้าที่กองทัพของศัตรู

“ ผู้การชไนเดอร์ สั่งให้ผมบอกพวกคุณสามอย่าง อย่างแรกคุณมีโอกาสที่จะยอมแพ้ได้ ถ้าคุณยอมแพ้ระหว่างตอนนี้ถึงพระอาทิตย์ขึ้น สมาชิกทุกคนในเมืองต่างๆจะรอด  คุณจะรักษาสมบัติของตัวเองไว้ได้  อย่างที่สองถ้าคุณไม่ยอมแพ้ในช่วงเวลานี้เราจะฝ่าเข้าไปในเมือง ในตอนที่กำแพงเมืองพังไปแล้ว คนทั้ง 1,139 คนในสมาคมของคุณจะถูกฆ่าไม่เหลือสักคนและอย่างที่สามสมาคมแรกที่เปิดประตูเมืองให้เราเข้าไปจะถือว่าเป็นเพื่อน หลังจากโค่นสมาคมอื่นๆได้แล้วสมาคมนี้จะถูกเลือกให้รับสมบัติของสมาคมอื่นๆในเมือง “ -  ผู้แทนมองไปที่ตัวแทนของเมือง – “ แม้ว่า ผู้การชไนเดอร์ จะชอบการต่อสู้ที่ดุเดือดแต่ในฐานะมนุษย์แล้วฉันบอกได้เลยว่าหลายชั่วโมงก่อนกองทัพปีกแสงของราชวงศ์อาทิตย์นั้นได้ผ่านเขตแดนระหว่างพันธมิตรอันดามันแล้ว...”

เมื่อได้ยินสามคำขอนั้นและโดยเฉพาะข่าวล่าสุด ตัวแทนสองคนของเมืองก็หน้าซีดทันทีและรีบกลับไปที่พาหนะตัวเองรีบกลับไปที่เมือง

ตอนนั้นที่ปราสาทหมาป่านั้นยังคงกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมืองแบล็คฮ็อตและเหมืองต่างๆได้บอกทุกคนให้จัดการตัวเองเพราะเมืองที่โดนล้อมแบบนี้คงทนได้แค่  4 ชม.ถ้ากองทัพเข้าโจมตี พวกเขาต้านทานได้ไม่ถึงคืนด้วยซ้ำ

4 ชม.หลังจากที่เมืองโดนล้อม พวกเขาก็ยอมแพ้ ในเวลาเดียวกันข่าวที่ว่าเมืองแลนอีกเมืองของพันธมิตรนันก็โดนกองทัพปีกแสงเข้าบุก

ในวันเดียวพันธมิตรที่ยิ่งใหญ่ได้ถูกแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งทางใต้และอีกส่วนทางเหนือโดยฝีมือของอาณาจักรนอแมนและราชวงศ์อาทิตย์.....

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.