spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 147: จุดเริ่มต้นของโลกอันวุ่นวาย
ในตอนที่ จางเทีย กลับมาที่ปราสาทมันก็วุ่นวายไปแล้ว
ก่อนที่จะกลับมาที่นี่เขาได้ผ่านไปบ้านต้นไม้ เมื่อเห็นข้อความว่า ‘ เราอยู่ที่ปราสาท ! ‘ จางเทีย ก็รู้ว่าพวก แบร์ลี่ นั้นได้กลับไปแล้ว
คำพูดนี้แน่นอนว่าเขียนให้กับ จางเทีย เนื่องจากกลุ่ม แบร์ลี่ ได้เดาว่า จางเทีย ต้องกลับมาที่นี่เพื่อมาหาพวกเขา พวกเขาจึงได้ทิ้งข้อความไว้ให้
ตอนนั้นหน้าของเด็กหลายคนต่างก็แสดงความกลัวออกมา ในตอนที่เครื่องจักรสงครามขนาดใหญ่บินผ่านหัวพวกเขาไป พวกเขาทุกคนนั้นไม่เคยเห็นมาก่อนต่างก็ช็อค ทุกคนต่างก็พูดอะไรออกมาไม่ได้
แม้ว่าเมืองแบล็คฮ็อตจะมียานแต่มันก็ยาวแค่ไม่กี่สิบเมตร ยานพวกนั้นลอยอยู่บนเมืองเพื่อทำหน้าที่เป็นหอคอยคอยสอดส่องแต่เทียบกับยานของอาณาจักรนอแมนแล้ว พวกมันก็แค่กระต่ายที่อยู่ต่อหน้าสิงโต และแน่นอนว่ากระต่ายกับสิงโตน่ะทำให้ผู้คนรู้สึกต่างกันอย่างมาก
ในลานนั้นเต็มไปด้วยเสียงเอะอะโวยวายเพราะนักเรียนได้มารวมตัวกันและพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะมีผู้คนมากมายเห็นยานเหล่านั้นแต่พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนนี้กันแน่
ก่อนที่จะมายังหุบเขา พวกเขาได้เรียนรู้เรื่องกองทัพมานานหลายปีที่โรงเรียน ดังนั้นแม้ว่าจะกลัวแต่พวกเขาก็ยังคงอยู่ในกฎอยู่
อีกอย่างธงสีฟ้าเขียวที่ชูอยู่ด้านบนปราสาทก็ทำให้ความเครียดของพวกเขาลดลงบ้าง แม้ว่ากองทัพของนอนแมนจะน่ากลัวแต่พวกเขาก็ยังคงใจเย็นได้เมื่อรู้ว่าตัวเองจะไม่โดนโจมตี ดังนั้นสิ่งที่พวกเขากังวลในตอนนี้ไม่ใช่ตัวเองแต่เป็นครอบครัวที่อยู่ในเมืองแบล็คฮ็อต
ในตอนที่ จางเทีย มาถึงปราสาท ลิซ ที่คอยอยู่ตรงทางที่ทอดจากปราสาทไปยังหุบเขาก็เห็นเขา
“ ไอ้หัวโต .. “ - ลิซ วิ่งเข้ามาหา อีกฝ่ายได้กอดเขาไว้แล้วพูดขึ้น – “ ดีใจที่นายกลับมา เรากังวลว่านายอาจจะกลับมาไม่ทัน ! “ – เมื่อพูดจบ ลิซ ได้มองไปรอบๆแล้วดึง จางเทีย เข้ามาใกล้ๆ เขาพูดขึ้นมาด้วยเสียงเบาๆ – “ เกรซ น่ะเริ่มเป็นผู้โดดเดี่ยวแล้วเมื่อหลายวันก่อน เมื่อทุกคนรู้ ทุกคนก็กังวลกันเรื่องนาย.... “
สีหน้ากังวลและความตื่นเต้นของ ลิซ นั้นทำให้ จางเทีย รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา เขาจึงได้ตบไหล่ของอีกฝ่ายไป
“ เชื่อใจฉันได้ ฉันไม่เป็นไร พวกนายล่ะเป็นไงกันบ้าง ? “
“ ดี แพนโดร่า,อลิซ, และเบเวอร์รี่ เองก็สบายดี โอ้ นายเจอ เกรซ บ้างมั้ย ?”
“ เกรซ ? ฉันไม่เห็นมันนานเลยล่ะ มันอาจจะหายไปจากโลกแล้วก็ได้ ! “ - จางเทีย ตอบกลับตรงๆพร้อมกับยิ้มกว้างออกมา
เหมือนว่า ลิซ นั้นรู้สึกได้ว่า จางเทีย แตกต่างจากแต่ก่อนอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าจะผ่านมาไม่กี่วันก็ตาม รูปลักษณ์ของเพื่อนเขานั้นยังไม่ได้เปลี่ยนไปแต่อารมณ์และการแสดงออกนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง จางเทีย ดูมั่นใจ,ใจเย็นและลึกลับมากกว่าเดิม นอกจากนี้แล้วเขายังรู้สึกถึงความรู้สึกที่คนอื่นแอบเอาไว้ด้วย
‘ เป็นไปได้มั้ยว่าผู้โดดเดี่ยวจะเปลี่ยนไปอย่างมากในเวลาอันสั้น ? ‘
ลิซ เริ่มสงสัยขึ้นมา
มีหลายคนอยู่ในลาน ไม่ใช่แค่คนอื่นในองค์กรเท่านั้นที่รอ จางเทีย อยู่แต่แม้แต่เพื่อนที่ขุดเหมืองเองก็หันมาสนใจเขาด้วย
พอตเตอร์, วู๊ด, แกรนฮี, โจน, แฟนก้า, และคนอื่นๆได้มารวมตัวกัน เมื่อเห็น จางเทีย แล้วพวกเขาก็ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจและซึ้งขึ้นมาเล็กน้อย เทียบกับกลุ่มอื่นๆในลานแล้ว กลุ่มคนขุดเหมืองนี่ดูวุ่นวายน้อยกว่า หลายคนนั่งอยู่ที่พื้นด้วยสีหน้าใจเย็น
จางเทีย ทักทายพวก พอตเตอร์ โดยการพยักหน้าให้แทนที่จะไปหาพวกนั้น
พวกนั้นดูจะเข้าใจว่าโบสถ์พระเจ้านั้นยังคงเป็นความลับอันยิ่งใหญ่
“ นายรู้จักพวกนั้นด้วยเหรอ ? “ – ลิซ ถามด้วยความงงนิดๆหลังจากเห็น จางเทีย ทักทายพวกนั้น
“ ใช่ พวกนั้นเป็นเพื่อนที่ขุดเหมือง ! “
“ โอ้ ฉันคิดว่านายเข้าร่วมกลุ่มสมาคมพระเจ้าแล้ว “
“ สมาคมพระเจ้า ? สมาคมพระเจ้า? “
จางเทีย สับสน
“ มันเป็นสมาคมที่พวกบ้านั่นสร้างขึ้นมา พวกนั้นทำเหมือนการขุดเหมืองน่ะคือการบ่มเพาะ ฉันได้ยินมาว่าพวกนั้นได้ทำบทสวดขึ้นมาแล้วสวดมันก่อนจะขุดเหมืองแล้วจูบที่พื้นด้วย พวกขุดเหมืองก่อนหน้านี้ต่างก็กลัวพวกนั้น “
“ หลายวันหลังจากที่นายออกมา สมาคมพระเจ้าได้เข้ายึดเหมือง พวกเขาน่ะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและแข็งแกร่ง อีกทั้งยังเก่งเรื่องการขุดเหมืองด้วย เหมือนกับว่าเกิดมาเป็นนักขุดเหมืองเลย ตราบใดที่หนึ่งในนั้นมีปัญหา คนอื่นก็จะรีบเข้าไปช่วย “
“ อาทิตย์ก่อน ในตอนที่กลุ่มที่มีคนมากกว่า 20 คนรังแกคนในกลุ่มนี้ คนอื่นกว่า 60 คนได้เข้ามาช่วยโดยไม่สนชีวิตตัวเอง ผลก็คือพวกคนที่มารังแกโดนอัดเละจนต้องคุกเข่าขอให้ยกโทษให้ หลังจากกลุ่มสิงโตของ เบอร์วิค โดนยุบไป สมาคมพระเจ้าก็โด่งดังขึ้นมา “
ลิซ อธิบายให้กับ จางเทีย ฟังพร้อมกับเดินไปด้วย เขาไม่ทันสังเกตว่าตอนที่ฟังอยู่นั้นตาของ จางเทีย แทบหลุดออกมาจากเบ้า
จางเทีย ไม่คิดว่าหลังจากที่กล่อมพวกนั้นเรื่อง ‘ การใช้ชีวิตแบบคนเถื่อน’ คนพวกนี้จะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันขนาดนี้ มีพวกนักขุดเหมืองโชคร้ายบางคนเริ่มเล่นเกมส์กับพวกนี้ด้วย อีกอย่าง จางเทีย รู้สึกว่าสมาคมพระเจ้านี้น่ะมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับโบสถ์พระเจ้าที่เขากุเรื่องขึ้นมา
แบร์ลี่ และคนอื่นๆในองค์กรต่างก็รวมตัวกันอยู่ที่ลาน เมื่อเห็นว่า ลิซ นั้นพา จางเทีย กลับมา พวกเขาก็ใจชื้นขึ้นมาและพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ นายรอฉันอยู่นี่นะ ฉันมีเรื่องด่วนต้องไปรายงานกับ กัปตันเคอร์ลิน และกรรมการคนอื่นๆ ! “
หลังจากที่ทักทายเพื่อนในองค์กรแล้ว จางเทีย ก็ตั้งใจที่จะออกไปหา กัปตันเคอร์ลิน
“ เรื่องอะไร ? ไอ้หัวโต ทำไมนายต้องรีบขนาดนั้น ? “ – แบร์ลี่ ถาม
หลังจากที่มองไปที่คนพวกนั้นที่ยังสับสนอยู่แล้ว จางเทีย ก็ได้ทักทายแล้วเดินเข้าไปใกล้ – “ ฉันเจอกองทัพเขาเหล็กในทุ่งหญ้าพระจันทร์เสี้ยว ! “
“ อะไรนะ ? “
คนอื่นๆแทบกระโดดขึ้นจากพื้น
“ กองทัพเขาเหล็กน่ะได้แบ่งออกเป็นสองส่วนที่ชายแดนระหว่างทุ่งหญ้ากับหุบเขา พวกเขาเลือกเส้นทางที่เหมาะสำหรับจำนวนกองทัพที่จะเดินหน้าไปที่เมืองแบล็คฮ็อต เส้นทางของพวกนั้นน่ะเกือบเป็นเส้นขนาดกับสันเขาของหุบเขาหมาป่า พวกเขาอยู่ห่างกันออกไป 10 กม. “
พวกคนที่เข้าร่วมการฝึกนี้จะไม่รู้เรื่องนี้ และแม้ว่าจะรู้สึกบางอย่างแต่พวกเขาก็คิดไม่ออกว่ากองทัพของอาณาจักรนอแมนนั้นน่ากลัวขนาดไหนเมื่อเคลื่อนที่ไปพร้อมกันด้วยกำลังพลทั้งหมด
“ มีกี่คน ? “ - แบร์ลี่ ถามขึ้นมาเบาๆ
“ กองทัพที่ผ่านหน้าฉันไปมีคนมากกว่า 100,000 จำนวนของทหารม้าเกิน 50,000 ยังมีกลุ่มทหารราบอีก ก่อนที่ฉันจะกลับมาก็ได้มีกองทัพอื่นของอาณาจักรนอแมนเดินหน้าเข้ามาที่นี่จากทุ่งหญ้า ฉันต้องไปรายงานเรื่องนี้ให้กรรมการรู้...”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของ จางเทีย ทุกคนในองค์กรต่างก็หน้าซีด เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เปลี่ยนไป ทุกคนก็เริ่มกังวลขึ้นมาและรู้สึกอ่อนแอ เด็กแค่ไม่กี่คนจะทำอะไรได้กับทหารพวกนั้น ?
ในตอนที่ จางเทีย แยกตัวออกมา เขาก็ได้วิ่งเข้าไปที่ปราสาท บังเอิญว่าเขาไปชนกับ กัปตันเคอร์ลิน และ เซรอม เข้า
เมื่อเห็น จางเทีย วิ่งเข้ามาใกล้และรายงานเรื่องที่เขาเห็น เขาก็แปลกใจที่ทั้ง เซรอม และ กัปตันเคอร์ลิน ไม่ได้แสดงท่าทีแปลกใจกับรายงานของเขาเลย พวกนั้นแค่ถามเขาเรื่องรายละเอียดเล็กๆเท่านั้น
“ คุณรู้เรื่องนี้มานานรึยัง ? “
“ ไม่ เราไม่รู้แค่ประมาณเอา ในตอนที่เห็นยาน เราก็นับจำนวนโดยใช้กล้องและรู้ว่ากองทัพเขาเหล็กพวกนี้ได้เอาทหารมาจำนวนมาก ! “
เซรอม ฝืนยิ้มออกมา
“ คุณเซรอม คุณคิดว่าเมืองแบล็คฮ็อตจะตกอยู่ในปัญหารึเปล่า ? พี่ชายผมยังเป็นทหารของเมืองอยู่ ! “ - จางเทีย รีบถาม เซรอม ถึงเรื่องที่เขากังวลมากที่สุด – “ ผมกลับเมืองไปดูตอนนี้ได้รึเปล่า ? “
“ ฉันกลัวว่าเมืองคงโดนกองทัพอีกฝ่ายล้อมเอาไว้ นายคิดว่านายจะฝ่าไปได้มั้ย ? ประตูเมืองต้องปิดไปแล้วแน่ๆ แม้ว่านายจะเข้าใกล้กำแพงเมืองได้แต่นายคิดว่าทหารจะเปิดประตูให้นายเหรอ ? “ - เซรอม ขัดขึ้น
เมื่อคิดถึงกองทัพของอาณาจักรนอแมนแล้วและสถานการณ์วิกฤตที่เมืองเผชิญอยู่ จางเทีย ก็ส่ายหน้า
“ ไม่ต้องกังวล ฉันว่าสงครามคงยากที่จะเกิดขึ้นในเมือง พี่ชายของนายน่าจะปลอดภัย “
เซรอม ชื่นชมเด็กที่อยู่ตรงหน้ามากขึ้นไปอีก
จางเทีย กล้าที่จะเป็นผู้โดดเดี่ยวแล้วไปที่ทุ่งหญ้าซึ่งหมายความว่าเขามีความแข็งแกร่งเพียงพอ จากนั้นหลังจากที่พบกองทัพศัตรูแล้ว เขาก็รีบกลับมาเพื่อรายงานให้กรรมการรู้ซึ่งพิสูจน์ถึงความซื่อสัตย์ที่มีต่อเมืองแบล็คฮ็อต แน่นอนว่าครูต่างก็ชอบเด็กแบบนี้
เมื่อได้ยินคำพูดของ เซรอม จางเทีย ก็วางใจมากขึ้น จากนั้นเขาก็ได้ถามขึ้นมา – “ คุณเซรอม สงครามจะเกิดขึ้นมั้ย ? “
“ มันต้องเกิดแน่แต่มันน่าจะจบลงอย่างรวดเร็ว... “ - เซรอม ถอนหายใจออกมา จากนั้นเขาก็ได้ตบไหล่ จางเทีย แล้วพูดด้วยท่าทีเคร่งขรึม – “ ในสงคราม พลังของกองทัพสองฝ่ายต่างกันอย่างมาก มันเหมือนกับการต่อสู้ของสิงโตกับกระต่าย บอกฉันที ถ้า กัปตันเคอร์ลิน เอามีดมาปล้นและนักเรียนประถมนั้นมีลูกอม นายคิดว่านักเรียนนั่นจะไม่ยอมให้กับไอ้โหดนี่เหรอ ? ที่มากกว่านั้นคือเด็กนั่นเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีใครให้พึ่งพาด้วย.. “
จางเทีย มองไปที่ กัปตันเคอร์ลิน และเห็นว่าสีหน้าของไอ้โหดนี้ไม่พอใจกับการเปรียบเทียบ กัปตันเคอร์ ลินมองไปที่ เซรอม และพูดขึ้น- “ ให้มันกล้าสิ ! “
“ นั่นแหละ ! นั่นแหละที่สงครามตอนนี้เป็น อาณาจักรนอแมนน่ะคิดจะปล้นแทนที่จะกำจัดทิ้งแต่นายรู้มั้ยว่าหมายความว่าไงตอนที่คนแข็งแกร่งอย่าง กัปตันเคอร์ลิน น่ะเริ่มปล้นลูกอมเด็กรึไวน์ของชายแก่ที่พวกเขาใช้ความพยายามไปหามันมาโดยไม่สนว่าจะเสียหน้าตัวเอง ? “
“ นั่นหมายความว่าไง ? “
“ มันหมายความว่าโลกนี้จะวุ่นวายขึ้นมา...” - เซรอม พูดพร้อมกับถอนหายใจแล้วหันไปมองทางอื่น – “ สงครามนี่น่ะก็แค่ออเดิร์ฟของความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นในโลกนี้... “
จางเทีย อึ้งกับคำพูดนั้น โลกที่วุ่นวาย ? นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคำสองคำที่ใช้ร่วมกันแบบนี้...