spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 143: ก่อนการมาถึงของความวุ่นวาย
Wild Wolf Seven-Strength Fruit แต่ละผลนั้นได้สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับ จางเทีย ในสิบวันหลังจากที่ฝัง เกรซ ไปแล้ว เขาได้กิน Wild Wolf Seven-Strength Fruit ไปอีกสามผลซึ่งช่วยให้เขาพัฒนาขึ้นกว่าเดิมถึง 3 เท่า ตอนนี้ จางเทีย นั้นความแข็งแกร่งเทียบเท่าได้กับหมาป่าสี่ตัว ด้วยผลไม้นี้แล้วแรง,ความอึดและพลังในการระบิดทุกอย่างได้ยกระดับขึ้นมาจนน่าอัศจรรย์ใจ
จางเทีย ได้ทำการทดสอบตัวเอง เขาพบว่าความสามารถในการวิ่งของเขานั้นเพิ่มขึ้นไปถึงระดับที่ไม่อาจเชื่อได้ หลังจากที่กิน Wild Wolf Seven-Strength Fruit ผลแรกเข้าไป เขาได้เรียนรู้วิธีการใช้แรงของเขาและสามารถวิ่งด้วยความเร็ว 15 กม./ชม.ได้มากกว่าหนึ่งชั่วโมงและสามารถต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
ตอนนี้หลังจากที่กิน Wild Wolf Seven-Strength Fruit เข้าไปอีกสามผล จางเทีย ได้พบว่าเขาสามารถวิ่งได้ถึง 2 ชม.โดยเร็วกว่า 15 กม./ชม.เล็กน้อย แม้ว่า จางเทีย จะไม่ได้ทำการคำนวณความเร็วสูงสุดของเขาแต่เขาก็รู้ว่าเขาสามารถวิ่งด้วยความเร็วขนาดนั้นได้เป็นเวลาราวๆ 30 นาที
จางเทีย จำได้ว่า เกรซ นั้นมีความอึดอยู่ที่ 13 หน่วยตอนที่อยู่โรงเรียนซึ่ง เกรซ สามารถรักษาแรงในการสู้ไว้ได้ครึ่งหนึ่งหลังจากที่วิ่งเป็นระยะทาง 13 กม.พร้อมกับใส่ชุดฝึกไปด้วย ตอนนั้นดูจากข้อมูลของ เกรซ แล้ว ครึ่งหนึ่งของพลังต่อสู้นั้นหมายถึงการแทงหอกออกไปได้ 69 ครั้งรึต่อยออกไปด้วยน้ำหนักกว่า 225 กก.....
ตอนนี่แม้ว่า จางเทีย จะไม่ได้ทำการทดสอบตัวเองแต่เขาก็รู้สึกว่าความอึดของเขานั้นน่าจะเกิน 20 ไปแล้ว เขาจำได้ว่าความอึดของเขาตอนที่อยู่โรงเรียนนั้นอยู่ที่ 4 หน่วยซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงชื่นชม เกรซ ที่มีค่าความอึด 13 หน่วย ตอนนั้นเขาคิดว่ามันมีความต่างอันใหญ่หลวง ไม่คาดคิดเลยว่าเวลาเพียงสองเดือนนี้เขาจะได้พัฒนาขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดได้แบบนี้
แน่นอนเขาได้ประโยชน์จากการปลุกจุดชีพจรซึ่งได้พัฒนาร่างกายของเขาขึ้นมาแต่โดยตรงแล้วเป็นผลมาจาก Wild Wolf Seven-Strength Fruit พวกมันสามารถพัฒนาและเสริมสร้างร่างกายมนุษย์ได้ทุกด้าน Wild Wolf Seven-Strength Fruit แต่ละผลนั้น ความแข็งแกร่งของพลังฉี,ความแข็งแกร่งของเลือด,ความแข็งแก่งของเส้นเลือด, ความแข็งแกร่งของช่องทาง,ความแข็งแกร่งของไขกระดูก,ความแข็งแกร่งของวิญญาณได้เพิ่มขึ้นมาหมด
สิ่งที่เพิ่มขึ้นมานี้ไม่สามารถที่จะคำนวณออกมาได้อย่างแม่นยำได้แต่ลองเอาค่าความอึดเขาเป็นตัวอย่าง จางเทีย ได้ประมาณว่า Wild Wolf Seven-Strength Fruit หนึ่งผลนั้นเพิ่มค่าความอึด 2 หน่วย ดังนั้นแล้ว Wild Wolf Seven-Strength Fruit สี่ผลจึงเพิ่มค่าความอึดอย่างน้อย 8 หน่วยทำให้เขาได้เปรียบในเรื่องค่าความอึดมากกว่า เกรซ ตอนที่อยู่ในระดับ 2 ตอนอยู่โรงเรียนและนี่คงไม่ต้องนับรวมกับการที่เขาเพิ่มขึ้นมาเป็นระดับ 3 แล้ว
นอกจาก Wild Wolf Seven-Strength Fruit แล้ว จางเทียม มีผลไม้ของแรงทั้งเจ็ดอันใหม่หลังจากที่ฆ่าหมาป่าตัวโตสองตัวได้ ความแข็งแกร่งของพลังนั้นได้ก่อตัวขึ้นมาใน Huge Wolf Seventh-Strength Fruit เรียบร้อยแล้ว
จางเทีย ประมาณว่าจำนวนของผลไม้ของแรงทั้งเจ็ดนั้นที่เกิดขึ้นมาจากสิ่งมีชีวิตนั้นน่าจะมีจำกัด ผลไม้พวกนี้น่าจะมีกฎของมันและไม่น่าจะเกิดขึ้นมาได้เรื่อยๆเพราะนั่นมันจะขัดกับกฎ นี่คือกฎของจักรวาลและโลก ทุกอย่างน่าจะสมดุลกัน
ถ้า Wild Wolf Seven-Strength Fruit สามารถเกิดออกมาได้เรื่อยๆ จางเทีย เดาว่าหลังจากที่ฆ่าไปสักหมื่นตัว บางทีอาจจะแสนตัวแล้วและกิน Wild Wolf Seven-Strength Fruit เข้าไป เขาคงเป็นอันดับหนึ่งในโลกแต่กฎของจักรวาลและโลกนั้นคงไม่ให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นแน่
ดังนั้นแล้วหลังจากที่กิน Wild Wolf Seven-Strength Fruit เข้าไปสามผล จางเทีย ก็เริ่มกังวลเพราะไม่รู้ว่าผลไม้นั่นจะเกิดขึ้นมาอีกกี่ลูก
แม้ว่าการปรากฏตัวของ Huge Wolf Seven-Strength Fruit จะทำให้เขาแปลกใจแต่เขาก็รู้ว่าสิ่งมีชีวิตระดับ 1 อย่างหมาป่าตัวโตนี้ไม่ได้มีเยอะเหมือนหมาป่าทั่วไปในทุ่งหญ้าพระจันทร์เสี้ยว หมาป่าตัวโตนั้นยากที่จะเห็นพอๆกับหมาป่าทอง นอกซะจากว่าโชคร้ายสุดๆรึโชคดี คนเรามักจะไม่ค่อยเห็นหมาป่าตัวโตรึหมาป่าทองมาเป็นฝูง
หลังจากที่พัฒนาและกลายพันธุ์แล้ว สิ่งมีชีวิตพวกนี้ได้เปลี่ยนไปจากหมาป่าทั่วไป นี่เองก็สอดคล้องกับกฎของธรรมชาติ ยิ่งสายพันธุ์แข็งแก่รงมากเท่าไหร่ยิ่งมีจำนวนน้อย ดังนั้นแล้วแม้ว่าการฆ่าหมาป่าตัวโตพวกนี้จะทำให้เขาได้ Huge Wolf Seven-Strength Fruit มาแต่ จางเทีย ก็ยังสนใจพวกหมาป่าธรรมดาอยู่
เขาบอกกับตัวเองว่าควรกินเข้าไปทีละผลและค่อยๆพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะหมาป่าธรรมดานั้นมีจำนวนมากในทุ่งหญ้าแหง่นี้และสามารถจัดการได้ง่าย เขาน่าจะโฟกัสกับพวกมันแทนที่จะไปล่าหมาป่าตัวโต เวลาส่วนมากในการใช้หาหมาป่าตัวโตหนึ่งตัวนั้นเพียงพอที่เขาจะฆ่าหมาป่าธรรมดาเป็นสิบตัวได้
อีกอย่างเขาเองก็อยากรู้ว่า Wild Wolf Seven-Strength Fruit จะเกิดขึ้นมาสูงสุดกี่ลูกถ้าเขายังคงฆ่าหมาป่าต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขากินผลไม้นั่นสัก 99 ลูก เขาคงพัฒนาขึ้นอย่างมาก แต่ถึงยังงั้นแค่ 49 ลูกก็ยังโอเคอยู่
...
ตอนนี้เขาอยู่ในทุ่งหญ้าพระจันทร์เสี้ยวแล้ว ส่วนเปิดขนาดใหญ่ของหุบเขานั้นห่างจากปราสาทมากว่า 10 กม.
หมาป่ามากมายหลายตัวซึ่งโดน จางเทีย จับได้และมัดไว้กับท่อนไม้ทำเป็นวงล้อมรอบเนินเขาเอาไว้ ปากของพวกมันถูกมัดไว้ทำให้พวกมันทำได้แค่ส่งเสียงครางออกมาจากลำคอเท่านั้น
ด้วยการที่มีหลอดไม้ไผ่หลายอันบนตัว จางเทีย ได้บิดจมูกตัวเองแล้วค่อยๆพ่นของเหลวเหม็นๆลงบนพื้นหญ้าราวกับรดน้ำ หลังจากนั้นสักสิบนาทีเมื่อ จางเทีย พ่นของเหลวลงบนหลอดไม้ไผ่ที่อยู่บนพื้นแล้วกลิ่นนั้นก็ฟุ้งขึ้นมา
ด้วยแดดตอนบ่ายที่ส่องลงมาทำให้ความาเร็วในการระเหยของของเหลวนั้นเร็วขึ้นและทำให้มันแห้งเร็วยิ่งขึ้น
หลังจากที่พ่นของเหลวแปลกๆนั่นแล้ว จางเทีย วิ่งหนีออกมา เขาไม่กล้าที่จะหายใจจนกว่าจะวิ่งไปที่เนินเขาที่ซึ่งมีอากาศดีกว่าตรงนั้น
“ บ้าเอ้ย ! กลิ่นโคตรเหี้ยเลย ! “
แม้ว่า จางเทีย จะชินกับมันในหลายวันมานี้แต่กลิ่นนั่นก็เกือบทำให้เขาอ้วกออกมา
หลังจากที่สุดอากาศอยู่นาน จางเทีย ก็ดมมือตัวเองเพราะเขาชินกับการทำแบบนี้มาหลายวันแล้ว ในตอนที่เขาพ่นของเหลวตะกี้ เขาเห็นว่ามันโดนมือเขาด้วย หลังจากที่ดมมือแล้วก็มีกลิ่นชวนอ้วกพุ่งขึ้นในหัวเขา ดังนั้น จางเทีย จึงรีบวิ่งไปที่บ่อใกล้ๆแล้วล้างมือก่อนที่จะกลับมา
ของเหลวที่ จางเทีย พ่นไปที่พื้นหญ้านั้นคือเยี่ยวของหมาป่า เอาให้ถูกต้องเลยคือเยี่ยวของหมาป่าตัวเมีย ระหว่างการรวมตัวขอพวกมัน เยี่ยวของหมาป่าตัวเมียนั้นจะทำให้พวกหมาป่าทุกตัวคลั่งไคล้
นี่คือทริคที่ จางเทีย คิดขึ้นมาตอนที่เห็นนักสำรวจได้ใช้ของเหลวกลิ่นแปลกๆดักหมาป่าทอง เมื่อเห็นแบบนั้น จางเทีย ก็ตบหน้าผากตัวเอง
‘ ฉันลืมไปได้ยังไง ? พระจันทร์เต็มดวงนี่คงเป็นช่วงผสมพันธุ์ของพวกมัน ‘
ดังนั้น จางเทีย จึงเริ่มคิดแผนที่จะจับหมาป่าตัวเมียแบบเป็นๆและเริ่มสะสมเยี่ยวของพวกมัน
มันดูลามกอย่างมากตอนที่เขาเก็บเยี่ยว ถ้าพวก อลิซ อยู่กับเขาด้วย เขาคงไม่ทำแบบนี้แต่ตอนนี้ไม่มีใครเห็นอยู่แล้ว เขาจึงไม่ได้รังเกียจที่จะทำเรื่องแบบนี้อยู่หลายครั้ง
การดักรอเหยื่อ,วิ่งไปรอบๆเพื่อล่าก็ไม่ได้มีวิธีไหนที่สุดยอดเท่าวิธีนี้ นี่น่ะคือทางที่ง่ายที่สุดที่ จางเทีย เจอสำหรับการล่าหมาป่า
พระอาทิตย์ขึ้นสูงในตอนบ่าย หลังจากนั้นสักแป๊ปเยี่ยวของหมาป่าตัวเมียที่ จางเทีย พ่นเอาไว้ก็กลิ่นแรงขึ้นเรื่อยๆ บวกกับลมที่พัดผ่านเข้ามาทำให้กลิ่นนี้ลอยไปทั่วทุกที่
ตามประสบการ์ของ จางเทีย แล้ว กลิ่นนี่น่ะจะอยู่ได้มากกว่าครึ่งวัน บางทีหมาป่าตัวผู้จะบอกว่ากลิ่นนี้มันดีแต่คนน่ะคงทนมันไม่ได้
จางเทีย เอาผ้าปิดปากมาปิดหน้าเอาไว้ซึ่งทำขึ้นมาจากเสื้อที่เปื้อนเลือดหมาป่า หลังจากที่ปิดปากและจมูกแล้วเขาก็ปักหอกลงที่พื้นด้านล่างต้นไม้ หลังจากนั้นเขาก็วอร์มอัพเล็กน้อยอย่างบิดเอว,ยืดแขนขาและเตะ
ตอนนั้น จางเทีย รู้สึกเหมือนเขาเป็นชาวประมงที่พร้อมจะขว้างหอกลงในน้ำ
ห้านาทีต่อมาก็ได้มีหมาป่าสองตัวโผล่ขึ้นมา พวกมันเห็น จางเทีย และหมาป่าตัวเมียที่โดนจับไว้ด้วย
‘ มันกล้าเอาสาวสวยมาตั้งห้าตัว ‘ นี่ต้องเป็นสิ่งที่พวกหมาป่าคิดตัดสินจากสัญชาตญาณแล้ว
หมาป่าสองตัวได้พุ่งเข้าใส่ จางเทีย ในเวลาเดียวกัน จางเทีย ก็วอร์มอัพเสร็จและพุ่งออกไป เขาไม่ได้ใช้อาวุธใดๆอย่างพวกดาบรึมีดเลยเพราะมันจะทำให้เลือดไหล หมาป่าพวกนี้มีจมูกที่ดีและมีความฉลาดสูง หลังจากที่ได้กลิ่นเลือดของพวกตัวเองแล้ว พวกมันก็จะไม่ได้โดนหลอกง่ายๆ
หมาป่าตัวแรกนั้นอยากเข้ามากัดที่ขาของ จางเทีย แต่มันก็โดนท่าเตะเข้า ซึ่งเป็นหนึ่งในท่าของหมัดเหล็กโลหิต ตามมาติดๆด้วยหน้าแข้งของหมาป่านั้นแตกและมันก็กระเด็นออกไปไกลถึง 10 ม.แล้วร่วงลงที่พื้นกลับขึ้นมายืนไม่ได้อีก
หมาป่าตัวที่สองนั้นพุ่งเข้าใส่คอของเขา จางเทีย ยื่นมืออกมาแล้วหักคอของมันได้ง่ายๆโดยใช้ท่ามวยปล้ำ
การต่อสู้ไม่นานก็จบลงโดยที่ไม่มีเลือดไหลออกมาเลยสักหยด
อีแร้งบางตัวยังคงวนเวียนอยู่บนฟ้า เมื่อรู้สึกได้ถึงความตาย พวกมันก็คงรู้สึกดีใจที่จะได้อาหารที่หรูหรามากิน
ลมที่พัดผ่านทุ่งหญ้านี้ได้พัดเกสรดอกไม้ขึ้นไปบนท้องฟ้า เมื่อเงยหน้าขึ้นมา จางเทีย ได้เห็นอีแร้งบนท้องฟ้า แม้ว่าคนอื่นจะไม่ชอบพวกมันแต่เขากลับหัวเราะออกมาเมื่อเห็นมันเนื่องจากเขาเดาว่าเขาคงประสบผลสำเร็จอย่างมากในวันนี้....
แต่ จางเทีย ไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดในวันนี้นั้นได้เปลี่ยนโชคชะตาของคนจำนวนมากในพันธมิตรอันดามันไป....