หน้าแรก > Castle of Black Iron
Chapter 137: นายน่ะน่ารัก

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

Chapter 137: นายน่ะน่ารัก

 

จนกระทั่งห่างจากพวก ซอลเวย์ มาได้ประมาณ 3 กม.  จางเทีย ก็พบว่าพวกนั้นทำตัวผิดปกติ 

เทียบกันนักสำรวจคนอื่นที่ จางเทีย เคยเจอมาก่อน เขารู้สึกว่าพวกนี้เป็นระเบียบและมีทีมเวิร์คดี  เขารู้จากประสบการณ์ที่ว่านักผจญภัยทุกคนต่างก็มักจะทำตามใจตัวเอง พวกเขาบางทีมักจะรวมทีมกันเพื่อผลประโยขน์ที่มีร่วมกันแต่ถ้ากลุ่มนักสำรวจจริงๆมาเทียบกับพวกนี้แล้ว คุณจะเห็นความต่างได้ทันที ไม่ว่านักสำรวจจะมารวมตัวกันมากแค่ไหนแต่พวกเขาน่ะก็ไม่ต่างอะไรกับกองทรายแต่ จางเทีย รู้สึกว่ากลุ่มของ จางเทีย น่ะเหมือนเป็นกลุ่มก้อน

แม้ว่าพวกนั้นจะดูไม่ปกติแต่ จางเทีย ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาไม่ได้มีแรงงพอที่จะสงสัยและหาคำตอบ เขาเชื่อว่าทุกคนนั้นต่างก็มีความลับของตัวเอง ถ้าไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาแล้วเขาเลือกที่จะไม่สนใจ  พวกนั้นเป็นใครก็ไม่เกี่ยวอะไรกับ จางเทีย ที่เขากังวลจริงๆก็คือการโจมตีของ มิลเลอร์ ในตอนที่เขาเข้าไปในป่าเบิช

แล้วถ้า ซอลเวย์ ไม่ได้ตะโกนในตอนนั้นล่ะ.....

ถ้าชายที่อยู่บนกิ่งไม้ยิงมาที่เขาล่ะ.....

จากนั้นคง....

ตอนนั้นคง... !

เขาอาจจะกลายเป็นศพไปแล้ว !

จางเทีย คงรับความจริงเรื่องนี้ไม่ได้  ถ้ามันกลายเป็นจริงขึ้นมาสักวันล่ะ ? เขาจะโดนฆ่าง่ายแบบนั้นเหรอ ?  เขาจะกลายเป็นศพมั้ย ? เขาจะยอมให้พ่อแม่ต้องมาเจ็บใจเหมือนกับที่พี่ชายเขาโดนอย่างนั้นเหรอ ?

หลังจากเหตุการณ์ของ ฮัค และ สเนซ แล้ว  จางเทีย ก็กลัวที่จะตายขึ้นมา  แล้วความตายล่ะคืออะไร ? มันคือความมืดที่ไม่รู้จบอย่างนั้นเหรอ ? ทุกครั้งที่เขาคิดเรื่องนี้ ความกลัวในใจของเขาจะปะทุขึ้นมา

ชะตาชีวิตเขาต้องมาคิดกับคำว่า ‘ ถ้า ‘ อย่างนั้นเหรอ ?

ไม่ ! จางเทีย ดูใจเย็นขึ้นมาในตอนที่วิ่งแต่ในใจของเขานั้นกรีดร้อง

‘ ไม่มีใครจะมากำหนดโชคชะตาฉันได้นอกจากตัวฉันเอง  ไม่...ไม่มีใคร ! ถ้าความแข็งแกร่งนั้นสามารถตัดสินชะตาชีวิตคนได้จริงๆงั้นฉันจะเลือกที่จะแข็งแกร่ง ฉันจะเลือกที่จะแข็งแกร่งให้มากกว่าเดิม ! “

เรื่องเข้าใจผิดในป่าเบิชนั้นไม่ได้เป็นเรื่องซีเรียจอะไรสำหรับกลุ่ม ซอลเวย์ ยังไงซะ จางเทีย ก็ออกมาได้อย่างปลอดภัยแต่กลุ่มของ ซอลเวย์ นั้นไม่รู้ว่าแค่ะเพราะเรื่องจิ๊บจ๊อยในสายตาพวกเขาแล้วแต่ จางเทีย นั้นสาบานว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้นจนมีความสามารถควบคุมชะตาตัวเองได้  ในที่สุดเด็กวัย 15 ปีก็ได้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวไปมาด้วยความดุเดือด

การเป็นคนแข็งแกร่งเท่านั้นที่จะทำให้พ่อแม่เขาอยู่อย่างสบายได้

มีแค่ต้องแข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะหยุดคนรักไม่ให้ทิ้งเขาได้

มีแค่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะกำหนดชะตาตัวเองไม่ให้คนอื่นฆ่าตายเหมือนหมา

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม จางเทีย ถึงได้อยากแข็งแกร่ง มันไม่ได้ผิดกฎอะไร มันแค่เห็นแก่ตัวนิดหน่อยแต่นี่แหละที่ จางเทีย คิด อีกอย่างความเห็นแก่ตัวพวกนี้น่ะทำให้เขาคึกคักขึ้นมา เขาเริ่มรู้สึกที่มีแรงกระตุ้นในการเดินหน้าต่อไป

จางเทีย รีบเพิ่มความเร็วของตัวเองไปอีก !

……

ตอนนี้ป่าเบิชกับฐานของ จางเทีย นั้นห่างกัน 4-5 กม. ใช้เวลาแค่เพียง 10 นาทีในการวิ่งก็กลับมาถึงแล้ว

แต่ จางเทีย นั้นไม่คิดว่าเขาจะเจอเพื่อนที่นี่ ในตอนที่เขามาถึงถ้ำ ทั้งเขาและชายที่อยู่ในถ้ำนั้นก็ต้องอึ้ง

“ นายเองเหรอ ? “ – สองเสียงตะโกนขึ้นมาก่อนที่จะเริ่มหัวเราะกันออกมา

นั่นคือ บลู ก็คล้ายๆกับที่เจอกันในครั้งก่อน  พวกเขาแค่เปลี่ยนบทบาทกันในครั้งนี้เท่านั้น  บลู น่ะได้ใช้ฟืนและหญ้าของ จางเทีย  ส่วน จางเทีย นั้นเป็นคนที่วิ่งเข้ามาจากด้านนอก

“ นี่ฐานนายเหรอ ? “ - บลู ถาม

“ แน่นอน ! “ - จางเทีย วางเป้ลงไป – “ นั่นน่ะฟื้นกับหญ้าของฉัน ฮาฮา ! “

“นายนี่กล้าจริงๆนะที่เลือกที่นี่เป็นฐาน ! ที่นี่น่ะอยู่ใกล้กับทุ่งหญ้ามาก.... “ - บลู พูดด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน – “ ฉันไม่กล้าที่จะเลือกที่แบบนี้ตอนออกมาถึงครั้งแรก ! “

“ ทุ่งหญ้าพระจันทร์เสี้ยวนะเหรอ ? ฉันเพิ่งกลับมาจากขอบแดนตะกี้นี้เอง ! “

จางเทีย เข้าไปนั่งใกล้ๆ บลู เนื่องจากเขาได้กลิ่นหอมของเนื้อ เขาไม่คิดเลยว่า บลู เองก็ทำอาหารเก่งอยู่เหมือนกัน

“ นายไปทำอะไรทีนั่น ? “ – บลู ถามด้วยความสงสัย

เขาเห็นกับดักหมี  บลู ได้ลุกขึ้นยืนใกล้ๆกับกองไฟแล้วเดินเข้ามาหา เขาหยิบกับดักขึ้นมาดูอย่างระมัดระวัง

“ มีคราบเลือดด้วย นายได้มันมายังไง ? “

จางเทีย บอกสิ่งที่เกิดขึ้นกับ ซอลเวย์ ให้ บลู ฟัง  แน่นอนว่าแค่คร่าว – ตอนบ่ายเขามาที่นี่  เขาได้เจอกับนักสำรวจที่โดนกับดักนี้จับเอาไว้  เขาได้ส่งนักสำรวจกลับไปหาเพื่อนก่อนท่จะกลับมา สำหรับคนอื่นๆ จางเทีย น่ะไม่ได้สนใจพวกนั้นเพราะเขารู้สึกว่าไม่จำเป็นที่ต้องไปเล่าเรื่องน่าเบื่อพวกนี้ให้ บลู ฟัง

บลู นั้นสนุกกับเรื่องราวของ จางเทีย

เนื้อกระต่ายนั้นทำเกือบจะเสร็จแล้วและมันอ้วนพอสำหรับสองคนที่จะกินมัน  ทั้งคู่ไม่ลังเลและใช้มีดของตัวเองเริ่มตัดเนื้อออกมา ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็เริ่มคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นหลายวันก่อน  ในที่สุด บลู ก็ได้ยินยันสิ่งที่ จางเทีย ได้เดาเอาไว้ --- เกรซ นั้นเป็นนักรบระดับ 3 แล้วและเป็นคนแรกในหมู่เด็กๆด้วย ตอนนี้เขาโด่งดังไปทั่วปราสาท

เมื่อได้ยินข่าวนั้น จางเทีย ก็ไม่ได้อึ้งอะไรมากมาย  ในตอนที่ บลู บอกว่า เกรซ นั้นเป็นแค่เด็กคนเดียวที่ขึ้นไปถึงระดับ 3 ได้ในบรรดาเด็กที่เข้าฝึกนี้ เขาก็แค่พึมพำในใจ ‘ เป็นหนึ่งก็แค่พรุ่งนี้ล่ะวะ ! ‘

Leakless Fruit อีกผลจะสุกในวันพรุ่นี้

“ นายล่ะ ? นายเตรียมเครื่องมือรึยัง ? “

ครั้งสุดท้ายที่ จางเทีย เจอกับ บลู  บลู ได้บอกว่าจะกลับไปที่ปราสาทเพื่อเตรียมเครื่องมือไว้หา หญ้าคอห่าน  บลู รู้สึกว่ามันคงยากที่จะจับหมาป่าทองและเอามันกลับมาที่ปราสาทที่ห่างออกไป 30 กม.ได้ในฐานะนักธนู ดังนั้นแล้วเขาจึงเล็งเป้าหมายไปยังหญ้าคอห่านแทนซึ่งมันเองก็มีค่าอย่างมากเช่นกัน

แต่ถ้าใครต้องการที่จะเก็บหญ้าคอห่านแล้วเขาต้องมีที่เก็บสมุนไพร  หญ้าคอห่านนั้นบอบบางอย่างมาก  คอและรากของมันนั้นหักได้ง่าย ผลของมันจะลดลงเมื่อเป็นแบบนั้นและส่งผลให้ราคาเองก็ลดลงไปด้วย ดังนั้นแล้วไม่ควรเอาไปใส่ปนกับของอื่นๆ

ต้องดึงมันออกจากดินมาพร้อมกับรากด้วย  ยิ่งมีรูปร่างคงเดิมได้มากเท่าไหร่ยิ่งราคาดี

จางเทีย นั้นไม่เห็นกล่องใส่ของของ บลู รึในถ้ำนี้เลยที่เอาใช้เก็บหญ้าคอห่าน

“ ฉันกำลังหาคนที่จะทำกล่องใส่ให้น่ะ พูดไปแล้วฉันคงต้องขอบคุณนาย ตอนฉันไปที่โรงหลอมเพื่อมองหาคนที่จะทำกล่องให้ เมื่อได้ยินมาว่านายแนะนำฉันมา พวกนั้นก็ไม่ต้องการค่าตอบแทนเลย ! “ - บลู พูดพร้อมกับยิ้มกว้างออกมา

ไม่ว่ายังไงความรู้สึกที่โดนดูแลแบบเป็นเพื่อนทุกที่นี่ก็มีค่าสำหรับทุกคนโดยเฉพาะคนที่เป็นคนเก็บตัวแบบ บลู แล้วด้วย  นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่เขาโดนคนอื่นเอาใจก็เป็นได้

“ ไม่เป็นไร คนพวกนั้นเข้ากับคนง่าย นายก็ให้คนมาเอาหมาป่ากลับไปให้คนพวกนั้นถ้านายอยากตอบแทน ถ้าเห็นหมาป่านะ พวกนั้นน่ะต้องทำเหมือนนายเป็นเพื่อนรักเลย...”

“ ได้ เข้าใจแล้ว ! “ – บลู พยักหน้าด้วยท่าทีจริงจัง

“ งั้นแล้วทำไมนายถึงกลับมาทั้งที่ยังเตรียมของไม่เสร็จ.... “- หลังจากที่พูดจบ จางเทีย ก็รู้สึกว่า บลู นั้นมองเขาแปลกๆ เขาเกาหน้าตัวเองแล้วถามออกมาอีกครั้ง – “ อะไร ? คำถามฉันแปลกเหรอ ? “

“ นายไม่ได้ยินมันเหรอ ? “ - บลู ถามออกมาแปลกๆ

“ ได้ยินอะไร ? “

“ เทศกาลหมาป่า ! “

“ มันคืออะไร ? “ - จางเทีย รู้สึกว่าเขาเริ่มบ้านนอกขึ้นมา

“ พระจันทร์สองดวงบนฟ้านั้นควบคุมเวลาที่จะเจอกันของหมาป่า ในตอนที่พระจันทร์สองดวงนั้นเต็มดวง การพบกับของหมาป่าก็จะเริ่มต้นขึ้นเป็นเวลาหนึ่งเดือน สามครั้งต่อปี ในคืนแรกเมื่อพระจันทร์เต็มดวงจะมีหมาป่าจำนวนมากนั้นได้มารวมตัวกันแล้วหอนเหมือนกับทำพิธีศักดิ์สิทธิ์  ดังนั้นเลยถูกเรียกว่าเทศกาลหมาป่า ! “

บลู เห็นว่าในตอนที่เขาอธิบายนั้นตาของ จางเทีย เริ่มเป็นประกายขึ้นมา

“ คืนนี้เหรอ ? “

“ ใช่ ! “

“ มีหมาป่าเยอะเหรอ ? “

“ มากเลยล่ะ ฉันเคยได้ยินคนบอกมาว่าเขาเห็นหมาป่าเป็นพันตัวหอนให้พระจันทร์  แต่ความแข็งแกร่งของเราคงทำให้เราเข้าไปลึกในทุ่งหญ้านั่นไม่ได้ ครั้งสุดท้ายที่ฉันไปแถวนั้น ฉันเจอที่ปลอดภัยใกล้ๆกับที่ฝูงหมาป่าอยู่ ถ้าฉันเดาถูกนะ เราจะได้ชมฉากที่หมาป่าหอนให้พระจันทร์กัน ! “ - บลู พูดขึ้นด้วยท่าทีดีใจ

ตาของ  จางเทีย นั้นไม่ใช่แค่เป็นประกายแต่สว่างราวกับตะเกียงเลย

“ บลู .. “
 

“ อะไร ! “ - เมื่อรู้สึกว่าเสียงของ จางเทีย แปลกๆ เขาก็งับขาตัวเองไว้แล้วหันหน้ากลับมาแล้วเห็นว่า จางเทีย น่ะจ้องมาที่เขาทำให้เขาอึ้ง

“ มีคนบอกมั้ยว่านายน่ะน่ารัก ? “ - หลังจากที่พูดจบ จางเทีย ก็ได้ยินเสียงท่อนไม้ที่โดนไฟเผา

บลู ส่ายหน้าและเกือบจะทำขากระต่ายตกลงไปที่พื้น

“ ไม่ ! “ - บลู ฝืนกลืนน้ำลายลงไปและตอบกลับก่อนที่จะขยับหนี จางเทีย เพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง ท่าทีของเขาดูแปลกๆและ บลู นั้นก็สงสัยว่า จางเทีย น่ะมีงานอดิเรกแบบชอบเก็บสบู่รึเปล่า

ในถ้ำนั้นมีชายอยู่กันแค่สองคน  บลู เริ่มรู้สึกขนลุกไปทั่วตัว !

“ นายน่ะน่ารัก ! “ - จางเทีย พูดด้วยท่าทีจริงจัง

ในถ้ำนั้นมีผู้ชายอยู่แค่สองคน เมื่อเห็นตาที่เป็นประกายของ จางเทีย  หน้าของ บลู ก็ซีดลงไปทันทีและเขาก็ได้ทำขากระต่ายนั่นตกลงไปที่พื้น.....

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.