spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 136: เกือบตาย
พวกเขาเริ่มออกเดินทางในตอนบ่ายและในที่สุดก็เดินทางมาถึงก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน
เพราะความอ่อนแอของ ซอลเวย์ ทำให้พวกเขาต้องพักระหว่างทางอยู่หลายครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะของที่ จางเทีย ต้องแบก เขาคงอุ้ม ซอลเวย์ ขึ้นหลังไปแล้ว เขาคิดเรื่องนี้อยู่หลายรอบเลยทีเดียว
นอกจาก ซอลเวย์ แล้ว จางเทีย ไม่ได้ลังเลที่จะเอากับดักนั่นมา เขาได้เอามันใส่กระเป๋าซึ่งเพิ่มน้ำหนักไปอีก 5 กก.ที่หลังของเขา เมื่อเห็นกับดักนั่น ซอลเวย์ ก็ต้องกัดฟันด้วยความแค้น
จางเทีย ขอว่าเขาจะเอากับดักไปเอง เป็นธรรมดาที่ ซอลเวย์ น่ะเอามันไปไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้น จางเทีย จึงเป็นเจ้าของไปแทน เมื่อเจอกับสายตาที่สงสัยของนักสำรวจ เขาก็ได้อธิบายว่าเขาจะได้เงินประมาณ 20 เงินจากการขายมันในเมือง เมื่อได้ยินแบบนั้น ซอลเวย์ ก็พูดอะไรไม่ออก
อันที่จริง จางเทีย น่ะยอมรับว่ามีแค่ตัวเขาเองที่คิดจะเอากับดักนี้ไปใช้จัดการกับ เกรซ และลูกน้อง สภาพของ ซอลเวย์ น่ะทำให้ความคิดนี้แว๊บขึ้นมาในหัวของเขา ---- เกรซ รึหนึ่งในลูกน้องนั้นต้องโดนเหล็กนี่เสียบเอาและกลิ้งไปมากับพื้น ถ้ามันเกิดขึ้น จางเทีย จะรู้สึกดีขึ้นเยอะ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจแบกมันมาด้วย
ระยะทางที่พวกเขาเดินทางมาเองก็เป็นหนึ่งในสิ่งทดสอบความอึดของ จางเทีย มากกว่าแรงของเขาอีก
ในตอนที่มาถึงตีนภูเขา พวกเขาเดินได้เร็วกว่าเต่านิดหน่อย ต้องขอบคุณ ซอลเวย์ ที่บอกว่าไม่นานจะมาเจอเพื่อนเขาที่นี่ เลยได้พักสักแป๊ป เขาไม่มีอารมณ์ที่จะทำอย่างอื่น อีกอย่างพวกเขาไม่ได้โชคร้ายไปเจอเจอสัตว์อสูรตัวไหนตามทางจึงมาถึงที่ที่เพื่อน ซอลเวย์ อยู่ก่อนที่จะตกเย็น
ฐานนี้อยู่อีกด้านของสันเขาที่ยืดออกมาจากหุบเขาหมาป่า ถ้าสันเขานี้ยาวหลายสิบกิโลเมตรมันคงน่าขมขื่นน่าดู ที่ด้านบนยอดนี้คือพื้นที่ระหว่างหุบเขาและทุ่งหญ้า จางเทีย อยู่ที่ด้านซ้าย ส่วนเพื่อนของ ซอลเวย์ อยู่ที่ด้านขวา เมื่อผ่านด้านบนไปไม่นานทั้งสองฝั่งก็ไม่ได้ห่างกันมาก
……
“ ป่าเบิชตรงหน้าน่ะคือที่ที่เราควรจะนัดกันไว้... “
เขาชี้ไปที่ป่าเบิชด้านบนเนินเขา ซอลเวย์ เริ่มเดินเร็วขึ้นโดยเอาอีกมือกอดคอ จางเทีย เอาไว้ เมื่อเห็นเป้าหมายแล้ว จางเทีย ก็ถอนหายใจออกมาและคิดว่าเขาคงกลับไปที่ฐานก่อนตกเย็นได้
หลังจากที่เข้ามาในป่าเบิชไม่ถึง 50 ม. จางเทีย ก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาที่คอ เขาไม่ลังเลและกลิ้งตัวหลบทันที
ในตอนที่ จางเทีย กลิ้งตัวหลบนั้น ใบมีดได้ส่องประกายออกมาผ่านที่ที่เขายืนอยู่ก่อนหน้านี้ไป มีเงาพุ่งลงมาจากต้นเบิช เมื่อเห็นว่าโจมตี จางเทีย ไม่โดน เขาก็ไล่ตามโดยเล็งจะเข้าโจมตีอีกครั้ง
“ หยุด มิลเลอร์.. ! ” - ซอลเวย์ ตะโกนขึ้นมา
ด้วยเป้ที่อยู่บนหลังแล้วการเคลื่อนที่ของ จางเทีย จึงโดนจำกัดอยู่อย่างมาก เงานั้นเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าเขา
จางเทีย เคลื่อนที่ไปมาอย่างกับเต่า หลังจากที่กลิ้งกับพื้นอยู่สองรอบเขาก็ได้ดึงหอกออกมาแต่ดาบของชายคนนั้นได้มาจ่อที่คอของเขาแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะ ซอลเวย์ ตะโกนห้ามเอาไว้ จางเทีย เชื่อว่าคงโดนตัดคอไปแล้ว เมื่อมองไปที่หอกของเขา เขาก็พบว่าเขาเกือบแทงไปที่ท้องของคู่ต่อสู้ ผลลัพธ์ที่ออกมาคงเป็นเงานั่นได้บาดเจ็บหนักแต่เขาน่ะคงตายไปแล้ว
ชายที่ชื่อ มิลเลอรื นั้นไม่คิดว่า จางเทีย จะตอบโต้ได้เร็วขนาดนี้ เขาไม่คิดว่า จางเทีย จะดึงหอกออกมาเตรียมพร้อมที่จะแทงทะลุท้องของเขาได้ในตอนที่เขาใช้ดาบฟันเข้าไป
ในตอนที่ ซอลเวย์ ได้ตะโกนขึ้นมา ทั้งสองคนก็ได้หยุดพร้อมกัน บรรยากาศตึงเครียดดูผ่อนคลายลงแต่ จางเทีย และ มิลเลอร์ ต่างก็ยังคงจ้องกันอยู่ไม่ยอมลดอาวุธลงไป
ไม่กี่วินาทีหลังของ จางเทีย ก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ หลังจาก ฮัค กับ สเนซ แล้วนี่เป็นครั้งที่สองที่เขาเกือบตาย
“ เพื่อน ฉันจะนับถึงสาม ถ้านายไม่ลดอาวุธลง ธนูของฉันจะเปิดรูที่คอนายแน่ ...”
20 ม.ห่างออกไปมีชายใส่ผ้าคลุมสีเทายืนอยู่ที่กิ่งไม้พร้อมกับธนูในมือ ลูกธนูนั้นเตรียมพร้อมที่จะยิงออกมาแล้ว หัวลูกศรคมๆนั้นเล็กมาที่คอ จางเทีย ซึ่งอยู่ห่างออกไป 20 ม.
จางเทีย เริ่มรู้สึกขนลุกที่คออีกรอบ
“ ฮาเร่ ลดธนูลง เขาช่วยฉันไว้ ฉันเลยให้เขาพากลับมา ถ้าไม่มีเขาฉันอาจจะไม่ได้กลับมาก็ได้... “ – หลังจากที่พูดจบ ซอลเวย์ ก็ได้ตะโกนใส่ มิลเลอร์ อีกครั้ง – “ มิลเลอร์ ไอ้ห่านี่ ก่อนที่นายจะสับหัวใคร ทำไมนายไม่บอกฉันก่อนวะ ! “๐
หลังจากที่มองหน้ากันแล้ว มิลเลอร์ และ ฮาเร่ ก็ดูเหมือนจะเห็นแผลที่หน้าแข้งของ ซอลเวย์ และไม้เท้าก่อนจะลดอาวุธลง
“ เฮ้เพื่อน แปลกใจจริงๆเลยที่นายเดินได้เร็วขนาดนี้ ! “
มิลเลอร์ หัวเราะออกมาโดยไม่สนสิ่งที่เขาเกือบทำใส่ จางเทีย เขาเอามีดสปาต้าตัวเองไปพาดบ่าแล้วยื่นมือออกมาหา จางเทีย ที่ซึ่งนอนอยู่ที่พื้น จางเทีย ไม่ได้ดึงมืออีกฝ่ายแล้วลุกขึ้นมาเองโดยไม่พูดอะไร เมื่อเห็นแบบนั้น มิลเลอร์ ก็ยักไหล่
ระหว่างช่วงเวลสั้นๆในการเผชิญหน้านี้ คนมากกว่า 10 คนได้วิ่งออกมาจากป่าเบิชพร้อมกับอาวุธในมือ ซอลเวย์ รีบเดินออกไปและพึมพำบางอย่างกับกลุ่มคนนั้นแล้วชี้มาที่ จางเทีย เมื่อได้ยินคำอธิบายพวกนั้นก็ลดอาวุธลงแล้วเดินเข้ามาหา จางเทีย ด้วยท่าทีเป็นมิตร
เพราะกลุ่มพวกนี้แห่กันออกมาจากป่าเบิช จางเทีย ก็เลยตกใจ แม้ว่าพวกนี้จะดูเหมือนนักสำรวจแต่เขารู้สึกว่ามันไม่จริง เขาไม่รู้ว่าทำไมแต่เขารู้สึกว่าคนพวกนี้น่ะอันตรายเพราะความตื่นตัวและความสงสัยในตาของพวกนี้ทำให้เขารู้สึกอึดอัด
“ นายช่วย ซอลเวย์ เหรอ ? “
ชายวัย 30 เดินเข้ามาหา จางเทีย พร้อมกับที่เขาลดอาวุธลง คนที่มาใหม่นี้ดูผอมไม่โกนหนวด เขามีตาที่คมเหมือนกับเหยี่ยว พวกนี้ทำให้ จางเทีย คิดถึงพวกโจรที่อยู่ตามกำแพงสถานีในเมืองที่คอยจับตามองเด็กๆที่คอยขโมยกระเป๋าตังคนที่เดินผ่านไปมา
นี่เองก็ทำให้ จางเทีย รู้สึกอึดอัด
“ ใช่ ฉันช่วย ซอลเวย์ เอาไว้ “ – เขาพูดแบบนั้นพร้อมกับลดหอกลง
“ มีเด็กไม่กี่คนที่กล้าเข้ามาในทุ่งหญ้าพระจันทร์เสี้ยวในตอนที่ฝึก ! “ - ชายคนนั้นพยายามคิดให้ออกว่า จางเทีย เป็นใคร
“ มีเด็กสามคนจากปราสาทที่กล้าอยู่ด้วยตัวคนเดียวและฉันเป็นหนึ่งในนั้น ! “ - จางเทีย ตอบกลับด้วยความภูมิใจ
ในเวลาเดียวกันเขาก็เห็นว่าคนที่เดินมาหาเขานั้นมองหน้า มิลเลอร์ ที่ซึ่งพยักหน้าและยอมรับในความแข็งแกร่งของ จางเทีย
“ ไม่ว่ายังไงเพราะนายน่ะช่วย ซอลเวย์ เอาไว้ เราควรที่จะขอบคุณนาย ! “ – ชายคนนั้นเปลี่ยนท่าทีเล็กน้อย – “ นายต้องการอะไร ? ถ้านายอยากได้อะไรก็บอกเรามา เราน่ะจะทำให้นายพอใจเอง ! “
ชายคนนั้นพูดออกมาตรงๆ
“ ไม่จำเป็น ซอลเวย์ ได้กลับมาถึงที่แล้ว งั้นฉันจะกลับล่ะ ! “ - จางเทีย ปฏิเสธและมองไปที่ ซอลเวย์ อีกครั้ง – “ แล้วเจอกัน ! “
เมื่อรู้ว่า จางเทีย จะกลับ ซอลเวย์ ก็อ้าปากออกมาแต่ไม่ได้ส่งเสียงออกมาสักนิด
เขาโบกมือให้ จากนั้น จางเทีย จึงได้เดินออกจากป่าเบิชไป ภายใต้สายตาของคนอื่นที่จับจ้องอยู่ เขาเลือกใช้เส้นทางที่เขาเดินมา คนพวกนี้คอยจับตาดูเขาไว้จนเขาได้หายไป
“ เชื่อฉันได้ ตราบใดที่เขาอยู่ในเมืองแบล็คฮ็อต นายจะมีโอกาสที่จะขอบคุณเขาอยู่...” - นักธนู ฮาเร่ ที่ซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆเดินมาตบไหล่ ซอลเวย์
หลังจากที่หันกลับมา ซอลเวย์ ก็ได้ยิ้มออกมา
“ หัวหน้า ไอ้เด็กนั่นไม่เลวเลย เขาตอบโต้ได้เร็วแต่เขาใจแคบไปหน่อย... “
เมื่อได้ยินคำพูดของ มิลเลอร์ ซอลเวย์ ก็มองอีกฝ่ายอีกครั้ง – “ ถ้าเขาตอบโต้ไม่เร็วพอ เขาคงโดนแกตัดหัวไปแล้ว ! “
ชายคนที่มีสายตาคมกริบยังคงมอง จางเทีย จนเขาหายไป ชายคนนั้นได้หันหน้ากลับมาและถาม – “ ซอลเวย์ ตอนนี้เป็นไงบ้าง ? “
ซอลเวย์ รู้ว่าชายคนนั้นไม่ได้ถามถึงเรื่องแผล เมื่อได้ยินแบบนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรนอกจากดึงเอากระบอกเหล็กออกมาจากเสื้อและส่งมันให้
“ ฉันได้ทำแผนที่ภูมิประเทศของหุบเขาและรู้สถานการณ์ที่นั่นแล้ว ทีมทหารที่อยู่ในปราสาทน่ะได้ออกไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ดังนั้นแล้วปราสาทน่ะก็มีแต่พวกเด็กๆ มีคนสิบคนที่อยู่ระดับ 6 ขึ้นไปในปราสาท ระดับสูงสุดต่ำกว่าระดับ 9 นักสู้ทุกคนเป็นครูและโค้ชจากโรงเรียนในเมืองแบล็คฮ็อต อีกอย่างอุปกรณ์ป้องกันในปราสาทนั้นก็มีประสิทธิภาพแค่ 40 % โดยการใช้ของพวกนักเรียนพวกนี้ หม้อต้มในปราสาทน่ะไม่ได้ใช้งาน.. “
เมื่อได้ยินข้อมูลของ ซอลเวย์ ชายคนนั้นก็ได้เปิดกระบอกเหล็กออกและเอาแผนที่ข้างในออกมา เขาพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเก็บแผนที่กลับลงไปแล้วประกาศสั่งการออกมาทันที
“ พวกนายมีเวลาเตรียมตัวห้านาที เราจะไปเดี๋ยวนี้แล้ว...”
เมื่อได้ยินคำสั่ง ทุกคนต่างก็รีบวิ่งทันที
“ โดเก้ เตรียมเหยี่ยวสื่อสารให้ติดต่อไปที่แผนกใหญ่ โซล่า เช็คม้า. “ - หลังจากที่พูดจบ ชายคนนั้นก็จำเรื่องแผลของ ซอลเวย์ได้ เขามองไปที่ขาที่เจ็บที่ซึ่งมีกิ่งไม้มัดเอาไว้และถามออกมา – “ นายขี่ม้าได้อยู่มั้ย ? “
“ ได้.... “ – ซอลเวย์ ตอบกลับพร้อมกัดฟันแน่น
ชายคนนั้นได้พยักหน้า
ห้านาทีต่อมาหลังจากที่ จางเทีย ได้ออกจาป่าเบิชก็ได้มีม้ากว่า 10 ตัววิ่งออกมาจากที่นั่น หลังจากนั้นสักแป๊ปพวกนั้นก็ได้หายไปที่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของชายแดนทุ่งหญ้าพระจันทร์เสี้ยว....