spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 135: ช่วยคน
ไม่นานชายคนนั้นก็กินน้ำในขวดของ จางเทีย หมด เขาไม่ได้หวงเลย ในตอนที่ชายคนนั้นหายใจหอบหลังจากที่ดื่มน้ำ จางเทีย ก็พบว่าชายคนนั้นเด็กกว่าที่เขาเดาเอาไว้ ดินที่เปื้อนหน้าและหนวดที่ไม่ได้โกนออกมาหลายวันทำให้เขาดูแก่ขึ้นกว่าเดิมเยอะ จริงๆแล้วเขาน่าจะอายุประมาณแค่ 20 นิดๆ
หลังจากที่อีกฝ่ายดื่มน้ำเสร็จ จางเทีย ก็ได้ถามขึ้นมา – “ นายกินอะไรได้รึยัง ? ฉันคิดว่ามันจะช่วยให้นายฟื้นตัวเร็วขึ้น ! “
เมื่อได้ยินแบบนั้นอีกฝ่ายก็ได้พยักหน้าและเริ่มหาบางอย่างที่เอว เมื่อเห็นว่าเขาเอาอาหารแห้งออกมา จางเทีย ก็ได้ห้าม – “ กินของฉันนี่ อาหารแห้งน่ะให้ความร้อนไม่มากพอ มันเทียบกับเนื้อไม่ได้ นายนั่งเองได้รึยัง ? “
ชายคนนั้นพยักหน้าแล้วพยายามลุกขึ้นนั่งโดยเอาแขนสองข้างค้ำกับพื้น ระหว่างทีแบบนั้นเขาทำให้กับดักนั้นฝังลึกไปมากกว่าเดิมและเหงื่อก็เริ่มผุดขึ้นมาที่หน้าผากของเขาแต่เขากัดฟันแน่นและยังคงเงียบอยู่
เมื่อเห็นแบบนั้น จางเทีย ก็พยักหน้าในใจ คนที่กล้าออกมาเดินเตร่ในหุบเขาตอนกลางคืนนี่ต้องแข็งแกร่งพอตัว
“ นั่งอยู่นี่ ฉันจะเอาอาหารให้นายเอง ! “
หลังจากพูดจบ จางเทีย ได้เดินไปที่เป้ตัวเองที่ใส่เนื้อแห้งมา
ในตอนที่ จางเทีย หันกลับมา สายตาของชายคนนั้นก็คมกริบขึ้นมา เขามองไปที่มีดที่ตกอยู่ข้างๆ จางเทีย และทำตาตื่นตระหนกออกมา ระหว่างนั้นเขาได้รีบเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับ จางเทีย เอาไว้รวมถึงอายุ,ส่วนสูง,ร่างกาย,เสื้อผ้า,อาวุธและเป้ที่ใส่ถุงนอน ไม่มีอะไรเลยของ จางเทีย ที่หลุดรอดสายตายขอเขาไปได้ หลังจากที่จดจำเสร็จ ชายคนั้นก็กระพริบตาราวกับคิดบางอย่าง หลังจากนั้นเขาก็ได้สงบลงพร้อมกับความตื่นตัวที่อยู่ในตาได้หายไป
จางเทีย ที่ซึ่งหันกลับไปเอาอาหารให้กับเขาไม่รู้ถึงความคิดที่แว๊บขึ้นมาในหัวของชายที่อยู่ด้านหลัง
เนื้อแห้งของหมาป่าตัวโตนั้นถูกเอาใส่ไว้ในกล่องไม้ไผ่ซึ่งพอดีกับที่จะใช้คาดเอวโดยมันจำเป็นมากในการฝึกเอาตัวรอด กล่องนี้สาวๆทำขึ้นมาโดยใช้ไม้ไผ่และเชือกซึ่งทำออกมาได้ดีจริงๆ แม้ว่า จางเทีย จะเข้าออก Castle of Black Iron ตอนไหนก็ได้แต่เขาไม่ต้องการให้เขาเองดูพิเศษกว่าคนอื่น ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเก็บไว้กับตัวแบบคนทั่วไป แม้แต่ในป่าเอง จางเทีย ก็ไม่อยากเข้าไปใน Castle of Black Iron โดยไม่จำเป็นเนื่องจากมันจะเพิ่มความเสี่ยงที่ความลับของเขาจะถูกเปิดเผย อีกอย่างความแข็งแกร่งของเขาจะได้เพิ่มขึ้นด้วยถ้าแบกของพวกนี้
จางเทีย หยิบเอาเนื้อแห้งออกมา ชายคนนั้นไม่ได้รอรับอาหารรึพูดอะไรออกมาสักคำ เขากลับแย่งเนื้อไปแล้วรีบกินมันทันที หลังจากนั้นเขาก็พักอยู่อีกลายนาทีเพื่อฟื้นฟูทั้งจิตใจและร่างกายของตัวเองไปด้วย
“ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะนาย ฉันคงไม่รอดแน่คืนนี้ ! “ – แม้ว่าจะยังอ่อนแออยู่แต่ชายคนนั้นก็มองมาที่ จางเทีย ด้วยท่าทีจริงจัง – “ บอกชื่อนายให้รู้หน่อยได้มั้ย ! “
“ ฉัน จางเทีย ! “
“ นายเป็นเด็กที่เข้าร่วมการฝึกที่หุบเขาเหรอ ? “
“ ใช่ ! “ - จางเทีย มองไปที่อีกฝ่ายแล้วคิดว่ามันคงไม่เหมาะที่จะโกหกไป เนื่องจากมีนักเรียนหลายคนที่เข้ามร่วมการฝึกนี้ มันจึงไม่ใช่ความลับอะไร – “ นายชื่ออะไร ? “
“ ฉัน ซอลเวย์ ! “
“ มีไม่กี่คนหรอกที่โชคร้ายแบบนาย ! “ - จางเทีย มองไปที่กับดัก – “ นายรู้สึกเป็นไงบ้าง ? นายฟื้นตัวมาสักนิดรึยัง ? ฉันเปิดกับดักนั่นเองไม่ได้ ฉันกลัวว่าถ้าฉันเปิดมัน มันจะงับลงมาอีกและนายจะเจ็บอีกแน่ ดูเหมือนว่านายต้องลองด้วยตัวเอง... “
หน้าของซีดๆของ ซอลเวย์ ดูอายเล็กน้อย – “ มันต้องใช้แรงระดับ 5 ถึงจะเปิดมันออกได้ แรงของฉันคงไม่พอ.. “
เมื่อคืน ซอลเวย์ ได้ลองเปิดมันเองอยู่สองรอบแต่ผลก็อย่างที่ จางเทีย ได้พูดไว้ตะกี้ เขาไม่สามารถที่จะเปิดมันดได้และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปล่อยให้มันงับอีกครั้งแล้วทำให้เขาเจ็บมากกว่าเดิม
“ มีนักผจญภัยเยอะแยะที่มาที่ทุ่งหญ้านี่เพื่อล่าหมาป่าทองและเก็บหญ้าคอห่าน ไม่มีทางเลยที่จะรู้ว่าใครติดกับดักนี่ไว้ ! “ - จางเทีย มองไปที่ ซอลเวย์ ด้วยความสงสาร – “ นายมาที่นี่เพื่อล่าหมาป่าทองกับเก็บหญ้าด้วยรึเปล่า ? ทำไมนายถึงได้มาที่หุบเขา ? ที่นี่ไม่มีหมาป่าทองรึหญ้าคอห่านสักหน่อย... “
หลังจากที่ไม่พูดอะไรอยู่สักพัก ซอลเวย์ ก็ตอบกลับไปกำจัดสิ่งที่ จางเทีย สงสัย – “ มันมืดและฉันไม่คุ้นกับภูมิประเทศที่นี่... “
จางเทีย ไม่ได้สงสัยหลังจากที่ได้ยินคำอธิบายนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะสองอย่างนั้นแล้วทำไมคนต้องมาเดินในหุบเขาและทุ่งหญ้านี้ด้วย ? เก็บขี้หมาป่า ? บลู บอกว่ามีนักสำรวจมากมายได้มาที่ทุ่งหญ้าพระจันทร์เสี้ยวเมื่อหลายวันก่อนและ ซอลเวย์ คงเป็นหนึ่งในนั้น
จากประสบการณ์ที่มี จางเทีย ไม่รู้เลยว่า ซอลเวย์ น่ะพ้นข้อสงสัยของเขาไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงคิดว่า ซอลเวย์ น่ะยอมรับจุดประสงค์ในการมาที่นี่
หลังจากที่พักอยู่อีกหลายนาที หน้าของ ซอลเวย์ ก็เริ่มมีสีสันขึ้นบ้าง เขาพยักหน้าให้กับ จางเทีย บอกว่าเขาน่ะพร้อมที่จะเปิดมันอีกครั้งกับ จางเทีย แล้ว
“ นายไม่ต้องพักอีกเหรอ ? “- จางเทีย ถามด้วยความกังวลเล็กน้อย
“ ไม่ต้องละ ครั้งนี้ เราสองคนน่าจะจัดการมันได้ ... “
“ ได้ หวังว่าเราจะทำสำเร็จนะ.....”
บนแท่งเหลก็ที่มีฟันเลื่อยทั้งสองฝั่งนั้นมีรูกลมๆอยู่ซึ่งออกแบบมาเพื่อถ่วงน้ำหนักของกับดักและมันสะดวกในการเปิดมัน เนื่องจาก ซอลเวย์ ได้บอกว่าเขาสามารถทำมันได้ จางเทีย เลยไม่พูดอะไรต่อ
จากนั้นเขาได้จับกับดักไว้ปล่อยให้ ซอลเวย์ นั้นขยับเท้าไปอีกทางและยกเข่าตัวเองขึ้นเพื่อจะได้ใช้แรงทั้งหมดในการเปิดมันด้วยกัน หลังจากที่เอานิ้วสอดเข้าไปในรูกลมๆแล้ว พวกเขาก็ได้มองหน้ากันและพยักหน้า
“ นับถึงสามแล้วทำพร้อมกัน.... “ - จางเทีย พูดขึ้น
ซอลเวย์ พยักหน้าและสูดหายใจเข้าลึกๆ
“ 1....2....3....เอาเลย ! “
สองคนใช้แรงทั้งหมดที่มีออกมาเปิดกับดักออกและฟันเลื่อยก็เริ่มออกจากหน้าแข้งของ ซอลเวย์
ในตอนที่ฟันเลื่อยโดนดึงออกมาจากแผล จางเทีย ก็รู้สึกได้ว่าตัวของ ซอลเวย์ นั้นสั่น ในเวลาเดียวกันแรงของ ซอลเวย์ ก็เริ่มน้อยลงทำให้กับดักนั้นเริ่มจะบีบเข้าหากัน
จางเทีย ตะโกนออกมาทันที –“ ทนไว้ก่อน... “
หน้าของ จางเทีย เริ่มแดงขึ้นมา ส่วนหน้าของ ซอลเวย์ นั้นซีดลงกว่าเดิม เหงื่อเย็นๆผุดขึ้นที่หน้าผากของทั้งคู่ ไม่นานกับดักก็ได้เปิดออกอีกครั้ง
“ ตอนนี้แหละ ... “
ในตอนที่หน้าแข้งหลุดออกมาจากฟันเลื่อยๆ ซอลเวทย์ ก็ใช้แรงทั้งหมดที่เหลือนั้นดึงขาตัวเองกลับออกมาจากกับดัก หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ได้ปล่อยมือพร้อมกันทำให้กับดักนั้นงับลงไปอีกครั้ง
มันเหมือนกับการออกกำลังกายสั้นๆ ทั้งสองคนเหนื่อยซะจนนั่งหอบหายใจที่พื้น กับดักนี่โคตรแข็งเลย
ในตอนที่กับดักได้ออกจากหน้าแข้งแล้ว แผลที่โดนฟันเลื่อยฝังเข้าไปก็เริ่มเลือดออกมาอีกครั้งแต่ครั้งนี้เลือดนั้นดูดำยิ่งกว่าเดิม หลังจากที่ฉีกกางเกงที่ปิดหน้าแข้งของ ซอลเวย์ ออก จางเทีย ก็พบว่าหน้าแข้งนั้นได้บวมเปล่งและดูคล้ำ หลังจากที่ใช้นิ้วลองจิ้มดูแล้ว จางเทีย ก็พบว่านักสำรวจคนนี้ไม่รู้สึกอะไรสักนิดเลย
ซอลเวทย์ เองก็รู้เรื่องนี้ เขาลองด้วยตัวเองและตะหนักได้ว่าเขาไม่รู้สึกอะไรเลยกับส่วนด้านล่างแผล เป็นธรรมดาที่เขารู้ว่ามันหมายถึงอะไร หน้าของเขาเริ่มบิดเบี้ยวขึ้นมาอีกครั้ง
“ ถ้าเราไม่จัดการมันตอนนี้ นายอาจจะต้องโดนตัดขาทิ้งเลย.. “ - จางเทีย พูดด้วยท่าทีเคร่งขรึม
ตาของ ซอลเวย์ เป็นประกายเมื่อได้ยินคำพูดของ จางเทีย และเขาก็รีบถาม – “ นายรักษามันได้เหรอ ... ? “
“ ฉันได้ยินมาจากคนอื่น ในตอนที่ที่มันแตะเข้ากับกระดูกที่หักและแผลแล้วมันจะเจ็บปวดอย่างมาก ฉันไม่รู้ว่านายจะทนไหวรึเปล่า ... “
“ เอาเลย....”
ซอลเวย์ กัดฟันแน่น
“ ดี นายต้องทนให้ไหว ที่สำคัญกว่านั้นนายต้องทำให้เลือดไหลมาที่หน้าแข้ง ฉันจะปล่อยให้เลือดตายไหลออกมามันจะได้ไม่ทำให้เนื้อตาย...”
จางเทีย ไม่มั่นใจว่าจะสำเร็จรึเปล่าแต่ ดอนเดอร์ เคยบอกเขาว่านี่คือวิธีการรักษาแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะลองใช้วิธีนี้
ซอลเวย์ พยักหน้าด้วยท่าทีจริงจัง
จางเทีย ตั้งเขาของอีกฝ่ายขึ้นแล้วใช้มือของเขาบีบไปตามแผลให้เลือดไหลออกมา.....
ในตอนที่ จางเทีย ได้เพิ่มแรงขึ้น ซอลเวย์ นั้นแทบจะตาถลนออกมา หลังจากที่กรีดร้องออกมาแล้ว เขาก็ได้ห้าม จางเทีย – “ หยุดก่อน ได้โปรด..”
จางเทีย มองไปที่อีกฝ่ายและหยุด
ซอลเวย์ หอบหายใจและอายนิดๆ – “ นายหาแท่งไม้ให้ฉันได้มั้ย ฉันจะได้กัดมัน... “
30 วินาทีต่อมา ซอลเวย์ ก็กัดกิ่งไม้ที่ จางเทีย เอามาให้ เมื่อเห็นว่า ซอลเวย์ พร้อมแล้ว เขาก็ได้พยักหน้าให้และลงมือต่อ
ครั้งนี้ ซอลเวย์ ไม่ได้ร้องออกมาแต่ตัวของเขาสั่นและบิดไปมาอยู่ตลอด
ไม่ว่ายังไง จางเทีย ก็ไม่หยุดเนื่องจากการทำของเขาตอนนี้ไม่ได้ฆ่านักสำรวจ ดังนั้นแม้ว่าเขาจะลังเลไปนิดในตอนแรกแต่เขาก็เริ่มทำมันเร็วขึ้นไปเรื่อยๆ หลายนาทีต่อมาเลือดที่หน้าแข้งของ ซอลเวย์ ก็เริ่มไหลออกมาได้และทำให้มันดูเป็นปกติขึ้นมาอีกครั้งแต่ ซอลเวย์ นั้นดูราวกับว่าเขาเพิ่งไปจมน้ำมา – ตอนนี้เหงื่อเขาชุ่มไปทั่วตัว
“ เสร็จรึยัง ? “ - ซอลเวย์ ถามขึ้นมาตอนที่รู้สึกว่า จางเทีย หยุด เขารู้สึกว่าเขาเพิ่งผ่านพ้นความตายมาได้
“ เสร็จแล้ว...”
จางเทีย ตบมือตัวเองไปมา
เมื่อได้ยินแบบนั้น ซอลเวย์ ก็ได้ยิ้มออกมาเหมือนคนที่เพิ่งผ่านปัญหาอันใหญ่หลวงมาได้
“ ฉันเสร็จเรื่องการเตรียมแล้ว ตอนนี้จะเริ่มของจริงแล้ว...”
เมื่อได้ยินคำพูดของ จางเทีย ซอลเวย์ ก็กรอกตาแล้วล้มหงายลงไป
“ อ่า ทำไมนายถึงเป็นลมล่ะ..”
‘ ใจเสาะชะมัด ! ‘
จางเทีย ส่ายหน้าและเริ่มฟื้นฟูประสาทสัมผัสต่างๆตรงหน้าแข้งอีกฝ่าย อย่างแรกเลยเขาต้องเอาเลือดเสียออกจากหน้าแข้ง จะได้ให้เลือดดีๆไหลออกมาได้และหน้าแข้งก็จะเริ่มฟื้นฟูตัวเอง ด้วยการที่มีเลือดซึ่งมีพลังงานและสารอาหารไหลมามันจะทำการฟื้นฟูกล้ามเนื้อและประสาทที่หน้าแข้ง
เขาสามารถบีบเลือดเสียออกมาได้เหมือนกับคั้นนมแต่แผลของ ซอลเวย์ นั้นอยู่เหนือหน้าแข้งไป ดังนั้นแล้วเลือดเสียงจึงไหลออกมาเองไม่ได้เป็นเหมือนกับบ่อน้ำที่ปิดตาย กว่าหนึ่งคืนมันอาจจะจับตัวกันเป็นก้อนตรงหน้าแข้งไปแล้วทำให้มันยากยิ่งกว่าเดิมที่จะผลักเลือดเสียข้างล่างขึ้นไปด้านบน
เมื่อคิดถึงคำแนะนำของ ดอนเดอร์ จางเทีย ก็ได้หยิบเอามีดออกมาเปิดแผลอีกสองแผลตามทางของกล้ามเนื้อที่หน้าแข้งก่อนที่จะเริ่มผลักไล่จากหน้าแข้งขึ้นไป ด้วยแรงที่มีมานั้นทำให้เลือดเสียเริ่มไหลออกมาจากแผล
ตอนแรกเลือดเสียที่ถูกบีบออกมานั้นเป็นสีดำ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ,ม่วงแดงและในที่สุดก็เป็นสีแดงธรรมดา ตอนนั้นหน้าแข้งก็เริ่มฟื้นฟูกลับมาได้เป็นปกติเพราะความพยายามของ จางเทีย
หลังจากนั้น จางเทีย ก็ได้เอายาของเขาออกมาและทาไว้ที่แผลของ ซอลเวย์
ด้วยฤทธิ์ของยาทำให้ ซอลเวย์ นั้นตื่นขึ้น เขาลืมตาขึ้นมาและเห็นว่า จางเทีย กำลังจัดการกับแผลเขาอยู่ ส่วนด้านล่างของหน้าแข้งนั้นก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาเล็กน้อย ซอลเวย์ เริ่มที่จะร้องไห้ออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกดีตอนที่เจ็บ
……
10 นาทีต่อมา จางเทีย ก็ได้เดินทางกลับไปโดยเส้นทางเดิมแต่ครั้งนี้เขามีเพื่อนมาด้วย --- ซอลเวย์ ผู้โชคร้าย
ซอลเวย์ น่ะทั้งอ่อนแอและขี้อาย เขาโดดไปมาโดยใช้ไม้เท้าที่ จางเทีย ให้มาแล้วเอามืออีกข้างนั้นกอดคอ จางเทีย เอาไว้
ทั้งสองคนเริ่มเดินไปยังเขตแดนระหว่างหุบเขาและทุ่งหญ้า ซอลเวย์ บอกว่ามีเพื่อนที่เขตแดนนี้ ดังนั้นเขาจึงขอแค่ให้ จางเทีย พาเขาไปส่งที่ฐานเท่านั้น
ตอนที่ จางเทีย ได้ช่วยชีวิตชายคนนี้ไว้ เขาน่ะคงทิ้งอีกฝ่ายไว้แบบนั้นไม่ได้แน่โดยเฉพาะชายคนนี้ยังเคลื่อนไหวเองไม่ได้ ด้วยความเชื่อที่จะเป็นคนดีและช่วยเหลือคนอื่นเท่าที่จำเป็น จางเทีย ได้กัดฟันแน่นและแบกเป้เขาขึ้นมาอีกครั้ง เขาสัญญากับ ซอลเวย์ ว่าจะพาไปส่งถึงฐาน ตามที่อีกฝ่ายบอกมานั้นพวกนี้อยู่ห่างจากฐานของ จางเทีย ไป 3-5 กม.
‘ คงไม่นานหรอกหลังจากส่งเสร็จ ‘ เมื่อคิดแบบนั้น จางเทีย ก็ตกลงและคิดว่ามันคงดีที่จะทำความคุ้นเคยกับภูมิประเทศรอบๆด้วย
……