หน้าแรก > Castle of Black Iron
Chapter 124: สิ่งที่ได้ยินมาอาจจะไม่จริงก็ได้

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

Chapter 124: สิ่งที่ได้ยินมาอาจจะไม่จริงก็ได้

เป็นเรื่องที่รู้กันทั่วว่า บลู นั้นเป็นคนแปลกๆน่ากลัวและชอบที่จะไปไหนคนเดียว  ก่อนที่จะได้เจอเขา  จางเทีย เองก็คิดว่าข่าวลือที่ได้ยินมานั้นเป็นจริงแต่หลังจากที่ได้มาเจอแล้ว เขาพบว่า บลู นั้นเป็นคนเก็บตัวและสานสัมพันธ์ไม่ค่อยเก่งแต่เขาก็ไม่ได้ถือว่าเป็นคนแย่ซะทีเดียว  แม้ว่าจะพูดไม่เก่งแต่ตราบใดที่เป็นเรื่องที่เขารู้แล้ว เขามักจะรู้สึกดีที่ได้พูดมันออกมา หัวข้อหนึ่งที่คุยกันก็อย่างเช่นการเป็นผู้โดดเดี่ยวนั้นเป็นยังไง
บลู สอนสิ่งจำเป็นหลายอย่างในการอยู่ตัวคนเดียวให้ จางเทีย  ยกตัวอย่างเช่นหลายคนคิดว่าคนที่อยู่คนเดียวนนี้น่ะต้องย้ายที่บ่อยๆเหมือนกับสายลมแต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่แบบนั้น  ผู้โดดเดี่ยวตัวจริงนั้นมักจะมีฐาน  โดยห่างจากปราสาทมา 20 กม. อีกทั้งยังทำการเดินทางโดยไม่ห่างจากฐานตัวเองไป 5 กม.

ในระหว่างการฝึกนั้นผู้โดดเดี่ยวจำเป็นต้องหารฐานที่ปลอดภัยก่อนที่จะมองหาเหยื่อ โดยเฉพาะเด็กที่เข้าร่วมการฝึกนี้ที่ไม่มีความแข็งแกร่งมากนัก มันถือว่าเป็นเรื่องวิเศษถ้าพวกเขาสามารถหาฐานที่ปลอดภัยไว้นอนหลับได้  นี่คือกุญแจสำคัญสำหรับการอยู่ด้วยตัวคนเดียว

หลังจากที่ได้ฐานแล้ว ผู้โดดเดี่ยวต้องหาฐานเพิ่มอีก  ด้วยวิธีนี้แล้วจะทำให้รัศมีในการออกล่านั้นกว้างมากขึ้น ดังนั้นแล้วความเห็นที่คนอื่นๆมีต่อผู้โดดเดี่ยวนั้นจึงเป็นเหตุผลที่เข้าใจผิด

“ ถ้าเราเลือกฐานแบบคนอื่นคิด เรา นักรบระดับ 2 รึ 3 น่ะคงยากที่จะอยู่แบบนั้นได้แม้แค่ 3 วันก็เถอะ  ถ้านายไม่มีฐานก่อนที่จะออกล่าแล้วล่ะก็ แม้ว่านายจะโชคดีที่ไม่เจอสัตว์อสูรระดับสูงที่อาจฆ่านายได้แต่นายจะนอนหลับได้ยังไง ? “

“ นายต้องตื่นตัวแม้ตอนนอน แต่ถ้าไม่นอนติดต่อกันสามวัน พลังวิญญาณของนายได้หมดแน่และร่างกายอีกทั้งความสามารถเองก็จะด้อยลงอีก ถ้านายยังเป็นแบบนั้นแล้วทำการอยู่ตัวคนเดียว งั้นนายคงมีแต่ไปฆ่าตัวตาย  ถ้านายไม่มีฐานก่อนจะออกล่าแล้วล่ะก็ นายต้องป่วยแน่เพราะฝนที่ตกหนักแบบนี้  นายน่ะทนสภาวะแบบนั้นได้ไม่นานหรอก...”

หลังจากที่ได้ยินประสบการณ์ของ บลู แล้ว จางเทีย ก็รู้ว่าตัวเองโง่แค่ไหน่ที่หลับตรงหินในป่า  เขาคิดว่าผู้โดดเดี่ยวน่ะทำแบบนั้นหมดแต่มันไม่ใช่แบบที่เขาคิด  ตามที่ บลู บอกมาแล้ว อย่างแรกเลยเขาควรที่จะหาฐานก่อนอันดับแรกเลยแทนที่จะมาหาหมาป่าสองตัวจนสุดท้ายแล้วตกเย็นเขาก็ไม่มีที่ซุกหัวนอน

สิ่งที่เขาทำเมื่อวานนี้ทั้งอันตรายและโง่ ตอนแรก จางเทีย น่ะคิดว่ามันคงเสียเวลาที่จะมามองหาฐานดีๆแต่ไม่นานเขาก็ตระหนักได้ว่าการหาฐานนี่แหละคือการประหยัดเวลาและมีประสิทธิภาพที่สุดก่อนจะออกล่า  ฐานที่ปลอดภัยที่สุดที่เขาสามารถหาได้ยิ่งทำให้เขาออกล่าได้สะดวกขึ้น  ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนเขาน่าจะใช้เวลาแค่หนึ่งชั่วโมงเพื่อกลับไปยังฐานแล้วพักฟื้นแรงกลับมาอีกทั้งยังหลบเลี่ยงสภาพอากาศอันเลวร้ายได้ด้วย  ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่เขาจะเดินหน้าการฝึกแบบตัวคนเดียวได้

ในตอนที่เขาพูดนั้น บลู ถึงกับต้องใช้กิ่งไม้วาดแผนที่ตรงพื้นและบอกฐานที่เหมาะสมที่เขาเจอให้กับ จางเทีย ได้รู้ แล้วบอกให้เขาใช้ที่พักที่ใกล้ที่สุดได้ บลู นั้นได้เตรียมหญ้าแห้งและไม้ไว้บนฐานเหล่านั้นแล้ว  ถ้า  จางเทีย ไปพักที่นั่น เขาแค่ต้องหาไม้และหญ้าแห้งมาคืนให้ก็เท่านั้น

“ ปกตินายไปทุ่งหญ้าพระจันทร์เสี้ยวคนเดียวมั้ย ?”

เสียงของ บลู นั้นทำให้ จางเทีย รู้สึกสงสัย

“ หลายวันที่ผ่านมา ฉันได้ไปอยู่ตรงพื้นที่ระหว่างทุ่งหญ้ากับหุบเขา  เทียบกับหุบเขาแล้วทุ่งหญ้านั่นน่ะอันตรายกว่ามากเพราะมีพวกสัตว์ป่ากับสัตว์อสูรอยู่มากกกว่า อีกอย่างหมาป่าเองก็มักจะมาเป็นฝูงเป็นสิบๆตัว บางทีก็เป็นร้อยเลยก็มี  มักจะมีหมาป่าตัวใหญ่,หมาป่าทอง,หมูป่ายักษ์, กิ้งก่าฟันดาบ, จระเข้เขา, แร้งกินคน และอสูรระดับ 3,4 และแม้แต่ระดับ 5 ขึ้นไปก็ยังมีในทุ่งหญ้านั่น  นายรู้จักงูกินทองมั้ยล่ะ ? “

“ อื้อ รู้จัก ! “ - จางเทีย พยักหน้า

“ เพราะกลิ่นของสัตว์อสูรระดับสุดยอดอย่างงูกินทองในหุบเขานั้นทำให้พวกสัตว์ระดับ 2 ขึ้นไปนั้นไม่กล้าเข้ามาที่หุบเขา ตรงพื้นที่ตรงกลางระหว่างสองพื้นที่นั้นน่ะถ้านายได้ไปเจอกับสัตว์อสูรบางตัวที่นายไม่สามารถจัดการได้ นายก็สามารถวิ่งกลับมาที่หุบเขาได้ ยังไงซะพวกสัตว์ที่มากกว่าระดับ 3 ก็จะไม่ไล่ตามนาย ในตอนที่นายไปทุ่งหญ้าแล้ว นายจะเห็นว่าหุบเขาน่ะคือที่ปลอดภัยของพวกเรา.. “

“ แล้วทำไมวันนี้นายถึงได้กลับมา ? “

“ ฉันไม่รู้ทำไมแต่เมื่อวานน่ะมีหลายคนเริ่มไปที่ทุ่งหญ้า มีนักสำรวจหลายคนเริ่มไปหาหมาป่าทองและหญ้าคอห่าน  ฉันได้ยินมาว่าเมืองแบล็คฮ็อตน่ะมีภารกิจให้และมีบางคนจะซื้อสองอย่างนี้ด้วยราคาที่สูง  6 ทองต่อหมาป่าหนึ่งตัวและ 80 เงินถึง 2 ทองต่อหญ้าคอห่านหนึ่งอัน  ฉันเลยต้องกลับไปเอาของจำเป็นที่ปราสาทก่อนที่จะไปที่ทุ่งหญ้าเพื่อลองดูเหมือนกัน ! “

หมาป่าทองนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตระดับ 2 ซึ่งมีค่ามากว่าสิ่งมีชีวิตระดับเดียวกันตัวอื่นๆ คุณค่าของมันมีสามเหตุผล อย่างแรกเลยคือการจับมันแบบเป็นๆได้นั้นยากกว่าการฆ่ามันหลายเท่า ส่วนที่มีค่าที่สุดของหมาป่าที่ตายไปก็คือขนซึ่งได้หลายสิบเงิน อย่างที่สองคือที่นั่นมีสัตว์อสูรระดับสูงตัวอื่นๆในทุ่งหญ้านั้นจะหมายถึงความเป็นภัยที่เพิ่มขึ้นมาในตอนที่เราคิดจะจับหมาป่าทองและสามคือเมืองนั้นเริ่มกังวลเพราะเหตุการณ์ของ สมิหลา ที่ยุ่งขึ้นมา

พวกเขาต้องการของเหล่านี้ เมื่อตระหนักได้ว่าไม่สามารถเก็บเงินไว้ได้อีกต่อไป พวกเขาจึงต้องปล่อยภารกิจออกมาอีกครั้งและให้คนที่ต้องการที่จะหาเงินนั้นเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงเพื่อมัน ราคาก็ไม่ได้สูงมากแค่เฉลี่ยทั่วๆไปเท่านั้น

เพราะแบบนี้จึงเห็นได้ว่า สมิหลา นั้นแย่แค่ไหน  เขาให้แค่ 1 ทองกับพวกงี่เง่ากับหมาป่าทองหนึ่งตัวและหญ้าคอห่านหนึ่งอันโดยไม่สนว่าพวกเขาจะต้องเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงกับอะไรก็ตาม นี่และคือธาตุแท้ของเขา...

จางเทีย เดาว่า บลู นั้นไม่ได้กลับไปที่ปราสาทมาหลายวันและอาจจะไม่รู้ถึงสิ่งทีเกิดขึ้น ดังนั้นเขาเลยต้องเล่าเรื่องพวกนั้นให้ฟังรวมถึงเรื่องวิกฤตที่เกิดขึ้นในเมืองและสิ่งที่เกิดขึ้นกับ สมิหลา ด้วย  อย่างหลังนั้นไม่ได้ทำให้ บลู แปลกใจมากเท่าไหร่แต่เมื่ออยู่ๆเมืองก็เจอกับวิกฤตและน่ะเหมือนเป็นเรื่องที่ตัดสินชะตาของพันธมิตรได้ก็ทำให้เขาต้องช็อคไปสักพัก มันก็คล้ายๆกับคนอื่นตอนที่ได้ยินข่าวนี้

หลังจากรู้เรื่องแล้ว บลู ก็เหมือนกับเหม่อไปสักพักและเงียบไปเหมือนคิดอะไรบางอย่างอยู่

“ บางครั้งความแข็งแกร่งแบบรายบุคคลน่ะจำกัดและไม่สามารถแก้ไขปัญหาทั้งหมดได้  ฉันเองก็มีเพื่อนหลายคนอยู่ที่ปราสาท ถ้านายมีปัญหารึอยากให้ช่วย นายไปหาพวกนั้นได้  บอกพวกเขาว่านายเป็นเพื่อนฉันและพวกนั้นจะช่วยนายแน่นอน..”

จากนั้น จางเทีย ก็บอก บลู ว่าบ้านโพรงต้นไม้นั้นอยู่ที่ไหนและบอกชื่อคนอื่นๆในองค์กรให้ฟัง  เขาบอกแม้กระทั่งชื่อของ ปีเตอร์ ที่ซึ่งทำงานอยู่ในโรงหลอมด้วย

เขาทำแบบนี้เพราะเขาชอบชายที่ชื่อว่า บลู และรู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นคนดี  นี่แหละคือกรรมของคน สำหรับ เบอร์วิค แล้ว ไม่ว่ามันจะพูดเก่งรึทำอะไรดียังไง  จางเทีย ก็ไม่ได้รู้สึกสบายใจเมื่ออยู่กับมัน เขารู้สึกแต่อยากจะกระทืบมันให้จมดินเท่านั้น

ในทางกลับกัน จางเทีย รู้สึกว่า บลู นั้นคล้ายกับคนอื่นๆในองค์กรและคนที่โรงหลอมที่เข้าใจกันง่ายแม้ว่าจะเพิ่งเจอกัน อย่งาน้อยเขาก็ไม่กลัวที่จะโดนอีกฝ่ายเล่นงานเอา

ดังนั้น จางเทีย จึงสรุปว่าคนที่ผู้คนส่วนมากชื่นชมนั้นไม่ดี ดู เบอร์วิค เป็นตัวอย่าง เขาทั้งสดใส,หล่อ, ใจกว้าง, ใจดีและมีความเป็นผู้นำในสายตาคนอื่นแต่อันที่จริงแล้วเขาก็แค่คนที่อยากอยู่เหนือคนอื่นโดยใช้ลูกไม้และเหยียบหัวคนอื่นขึ้นมา อันที่จริงเขาคิดแต่จะทำกำไลโดยไม่สนว่าคนอื่นจะเสียอะไรไปยังไง

ในอีกด้าน บลู นั้นเป็นที่รู้กันว่าเป็นคนหยิ่งและไม่แตกต่างจากผู้โดดเดี่ยวทั่วไปแต่จริงๆแล้วเขาก็แค่เข้ากับคนไม่ค่อยเก่ง มีเพื่อนน้อยและเป็นคนเก็บตัว  เขาไม่ได้ปิดตัวเองแต่ป่าต่างหากที่ปิดเขา  จางเทีย เดาว่าชายคนี้ต้องใช้การฝึกธนูของเขาจนมาอยู่ในระดับนี้ได้

สำหรับ จางเทีย เองแล้ว ชื่อเสียงเขาเป็นยังไงน่ะเหรอที่ปราสาท ? เทพนักรักรึผู้เชี่ยวชาญเรื่องผู้หญิง ? อาจเป็นไอ้บ้ารึสัตว์อสูรในสายตาของ มิสกิลิ  แต่พระเจ้าน่ะได้อวยพรให้เขา  ในตอนที่นักเรียนคนอื่นนั้นเข้าร่วมการฝึกนี้และได้ร่ำลาความซิงของตัวเองไป  จางเทีย เองยังไม่ได้ทำแบบนั้น เขายังไม่ได้ขลิบเลยด้วยซ้ำ  ถ้าจะเรียกเขาว่าไอ้หื่นจริงล่ะก็   ย่าเทเรซ่า คงเป็นคนแรกที่ไม่เห็นด้วย  พวกเด็กๆที่บ้านเด็กกำพร้าเองก็ด้วย

บางทีอาจมีแค่คนเดียวที่คล้ายกับที่คนอื่นพูดกันก็คือ เกรซ

ดังนั้นแล้วในตอนที่เขาซ่อนอยู่ในถ้ำแห่งนี้ จางเทีย เองก็ได้ข้อสรุปออกมาถึงเรื่องชีวิต ก่อนที่จะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วอย่าไปเชื่อคำพูดใครง่ายๆ  คำพูดบางอันอาจจะจริงแต่บางอันอาจจะตรงข้ามกันไปเลยก็ได้

คนที่ใจดีในสายตาคนอื่นนั้นอาจจะเป็นไอ้ชั่วในชีวิตจริงก็ได้  คนที่เป็นดั่งเทพที่ใจกว้างอาจจะเป็นแค่ไอ้โสมมในชีวิตจริงก็ได้ คนที่หยิ่งอาจจะเป็นแค่คนเก็บตัว ส่วนคนเลวที่รู้จักกันในเรื่องรักๆใคร่ๆน่ะอาจจะเป็นคนซิงอยู่และเป็นคนที่เอาซุปข้าวไปเลี้ยงสถานเลี้ยงเด็กทุกๆอาทิตย์ก็ได้

บางทียัยแก่แร้งทึ้งอย่าง มิสกิลิ ลึกๆอาจโหยหาผู้ชายก็ได้ ? แล้วถ้าเธอเกลี่ยดผู้ชายจริงๆล่ะ ? รึว่าเธอจะอิจฉาที่ความรักหนุ่มสาวๆกัน ?

รึว่าเธออาจจะเป็นพวกที่ไม่รู้จักวิธีจีบผู้ชายรึแสดงความต้องการของตัวเอง  การเป็นคนเย็นชาที่ต้องใส่หน้ากากเพื่อทดสอบการตัดสินใจของผู้ชายนั้นนี่คือความต้องการของเธองั้นเหรอ ? แล้วถ้ามีใครชมว่าเธอสวยและเข้ามาจีบรึมาจูบเธอแบบที่ แพนโดร่า ทำ ล่ะ ?

อยู่ๆ จางเทีย ก็ต้องอึ้งกับความคิดพวกนี้...

แต่เอาจริงๆแล้ว มิสกิลิ เองก็มีขาเรียวสวยอยู่เหมือนกัน !

ฝนยังไม่หยุดจนกระทั่งดึก  จางเทีย ยกเลิกแผนที่จะตามหาหมาป่าต่อในคืนนั้น เขากับรอให้ถึงเช้าก่อนค่อยออกเดินทาง

ในเช้าวันต่อมา หลังจากที่ใส่เสื้อผ้าแห้งๆและเตรียมของเสร็จ จางเทีย ก็ได้ขอให้ บลู นั้นนำทางเข้าไปยังที่ที่อีกฝ่ายเห็นหมาป่าเป็นครั้งสุดท้าย

ตอนนี้มันได้เวลาจบเรื่องราวบาดหมางที่เขามีกับหมาป่าสองตัวนั่นแล้ว....

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.