spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 123: การพบกันโดยบังเอิญ
พระเจ้านั้นคงไม่ให้ทุกคนอยู่ดีได้ตลอดหรอก ฝนรอบที่สองของเดือนมิถุนายนได้มาถึงอย่างรวดเร็ว ในเช้าวันต่อมาหลังจากที่ จางเทีย ออกจากฐานต้นไม้มาตอนประมาณตี 4-5 ท้องฟ้าที่ร้องคำรามนั้นทำให้เขาตื่น แต่ก่อนที่เขาจะเก็บถุงนอนเสร็จก็ได้มีพายุโหมกระหน่ำเริ่มสาดเทลงมา
ในหุบเขานั้นสิ่งที่หาไม่ได้เจอง่ายๆคือถ้ำดีๆรึโพรงไม้ดีๆไว้ใช้พักผ่อน จางเทีย นั้นอยู่ห่างจากปราสาทมาราว 15 กม. เพื่อที่จะหาหมาป่าสองตัวนั้น เขายังคงคอยหาตามพุ่มไม้และซอกหินต่างๆ
คืนสุดท้ายเขาได้นอนหลับบนกองหิน ระหว่างหินสองก้อนที่เขาสามารถนอนได้ จางเทีย ได้ใช้ดาบของเขาตัดกองไม้และเอามันปูที่พื้น หลังจากนั้นก็ตัดเอาพุ่มไม้มาไว้กันลม สุดท้ายแล้วเขาก็โรยผงไว้รอบๆตัวเพื่อไล่แมลงและงู หลังจากนั้นเขาก็นอนลงในถุงนอนและหลับไป
แม้ว่าจะนอนอยู่ที่พื้นแต่ จางเทีย ก็ไม่ได้หลับสนิทเท่าไหร่ แม้ว่าผงพวกนั้นจะกันงูและแมลงได้แต่มันไม่มีทางกันสัตว์ดุร้ายอย่างหมาป่าได้แน่และเพราะเขาไม่ต้องการที่จะเป็นอาหารให้กับพวกสัตว์ป่า เขาจึงต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาแคมป์คนเดียว เมื่อตกดึกมันไม่ใช่แค่หนาวแต่มันยังมีเสียงแปลกๆที่ทำให้ จางเทีย ต้องดึงดาบออกมาและดีดตัวขึ้นจากพื้นเพราะคิดว่าสัตว์ป่าได้เข้ามาใกล้
ผลลัพธ์ก็คือเขาเกือบเป็นบ้าเพราะการทำแบบนี้มันเป็นภาระทั้งจิตใจและร่างกายอย่างมาก ในตอนที่เขาอยู่ที่ร้านชำของ ดอนเดอร์ จางเทีย ได้เรียนรู้จากพวกนักผจญภัยเกี่ยวกับกองทัพมดกลายพันธุ์ที่ซึ่งทำให้สัตว์ป่าทั้งหลายกลัวได้แต่มันสามารถหาได้มาจากทะเลทรายเท่านั้น
ดังนั้นบางครั้งแม้ว่าจะรู้จักเรื่องพวกนี้ว่าใช้กันสัตว์ป่าได้แต่มันก็คงไร้ประโยชน์อยู่ดีเพราะพระเจ้าคงไม่ให้ของแบบนั้นมาในตอนที่คุณต้องการแน่ๆ ในทางกลับกันในตอนที่นอนหลับในป่าและต้องการความช่วยเหลือ พระเจ้าอาจจะเอาปัญหามาให้คุณเพิ่มอย่างเช่นฝนที่ตกลงมานี่แหละ
เมื่อคืน จางเทีย ที่ซึ่งพึ่ง Castle of Black Iron ซึ่งเป็นความลับสุดยอดของเขานั้นเข้าไปในนั้นไม่ได้เพราะความลับของเขาอาจจะถูกเปิดเผย ดังนั้น Iron-Body Fruit เลยยังห้อยอยู่ที่ต้นไม้ข้างในอยู่
“ เหี้ย ! “
ก่อนที่เขาจะเก็บถุงนอนเสร็จ ฝนก็สาดเข้าใส่หน้า จางเทีย เขาต้องรีบ ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็เก็บของทั้งหมดแต่ฝนกลับสาดลงมาอย่างแรงแล้ว
ตอนที่เขาใส่เสื้อกันฝน เสื้อผ้าบางชิ้นของเขานั้นเปียก จากนั้นเขาก็รีบมุ่งหน้าไปยังหน้าผาที่อยู่ไกลออกไป แต่หลังจากที่เดินมาหลายก้าวเขาก็จำได้ว่าเขาทิ้งดาบเอาไว้ที่พื้นที่เขานอนเมื่อคืนนี้ เขาเอามันไว้ข้างตัวก่อนที่จะนอนเมื่อคืนเพื่อที่จะได้โจมตีสัตว์ที่อาจเข้ามาทำร้ายเขา
เพราะของและความมืดทำให้เขาเกือบลืมมัน ดังนั้นเขาจึงรีบวิ่งกลับไปเก็บมัน ในที่สุดเขาก็เดินไปยังหน้าผาที่ซึ่งเขาจะได้หลบฝนได้
ตีนหน้าผานั้นห่างจากที่ จางเทีย นอนอยู่ประมาณ 1 กม. เส้นทางก็เป็นโคลน ดังนั้นมันจึงใช้เวลากว่า 5 นาทีที่ จางเทีย จะไปถึงที่นั่น ตอนนั้นกางเกงและเสื้อของเขาก็ชุ่มไปแล้ว
เขาเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าหม่นๆจากด้านล่างหน้าผา จางเทีย ดึงเนื้อแห้งออกมาเพื่อฟื้นฟูแรงกาย ครั้งนี้เขาเอาเนื้อแห้งมากแค่ 5 กก. สำหรับอาหารอื่นๆแล้วเขาได้ให้กับสามสาวไป
เขาทำแบบนี้เพื่อทดสอบว่าเขามีความสามารถที่จะเอาตัวรอดคนเดียวในการฝึกได้รึเปล่า แม้ว่าเขาจะสามารถหลบฝนใต้หน้าผานี้ได้แต่ฝนที่กระเด็นมานั้นก็ยังอัดมาที่หน้าเขา เขารู้สึกคันๆเหมือนกับตอนที่ เบเวอร์รี่ เอาขนตามาถูหน้าเขา จากนั้นเขาก็คิดถึง อลิซ และ แพนโดร่า ในตอนที่ลิ้นของพวกเธออยู่ในปากของเขาและจูบที่ไม่คาดคิดของ แพนโดร่า ในคืนนั้น เธอคือคนที่ทำให้เขาซึ้งมากที่สุดในคืนนั้น
ไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่ที่ไอ้จ้อนของเขาได้กลับมาแข็งอีกครั้ง
‘ ฉันล่ะสงสัยจริงๆว่าพวกเธอจะเป็นยังไงวันนี้ ‘ จางเทีย พึมพำออกมาแล้วมองไปที่ปราสาทผ่านพายุที่อยู่ตรงหน้า
จางเทีย ไม่รู้ว่ามันเป็นความต้องการของเขารึรักที่มีเนื่องจากมันไม่เห็นมีความต่างเลย รักและความต้องการน่ะล้วนแต่เป็นสิ่งที่ทุกคนต่างก็รู้สึก
จางเทีย หวังว่าสาวๆของเขานั้นจะอยู่ดีและมีความสุข เขาไม่ต้องการที่จะเห็นพวกนั้นโดนคุกคาม เขาต้องการปฏิบัติตัวดีกับพวกนั้นแต่เขาเองก็มีความอยากทำเรื่องอย่างว่ากับพวกเธออยู่ นี่แหละที่เขารู้สึกจริงๆ ไม่ว่ามันจะเรียกว่ายังไงก็เถอะ
ฝนยังคงตกหนักอยู่เกือบ 4-5 ชม.ก่อนจะเบาลงในช่วงเย็น น้ำฝนนั้นไหลลงไปในแม่น้ำที่อยู่ในหุบเขาไหลลงไปที่แม่น้ำ ทำให้หุบเขานั้นมีชีวิตชีวาอีกครั้ง จากนั้นแม่น้ำก็ได้ไหลลงไปด้านล่างทำให้ต้นไม้ต่างๆชุ่มชื้น ถนนในหุบเขานั้นเป็นโคลนและลื่น บางที่ทั้งลื่นทั้งมีบ่อโคลนด้วย
ในตอนที่ฝนซาลงนิดๆก็ได้เห็นแสงอาทิตย์อีกครั้ง จางเทีย ที่ซึ่งโดนฝนมาเกือบสองชั่วโมงได้นั่งยองๆอยู่ใต้หน้าผารีบวิ่งออกไปทันทีพร้อมกับเสื้อกันฝน เมฆก้อนดำบนฟ้าดูเหมือนว่าจะไม่หายไปง่ายๆ
ไม่รู้เลยว่าฝนจะหยุดเมื่อไหร่ เผื่อว่าเขาต้องเจอกับฝนตกหนักอีรอบ จางเทีย ต้องหาที่แห้งๆเพื่อนอนในคืนนี้ มันคงจะดีกว่าถ้าเป็นถ้ำรึโพรงไม้เหมือนฐานพวกเขาแต่ที่แบบนั้นยากที่จะหาเจอได้
หลังจากที่วิ่งหาอยู่นานในฝน ตอนนั้นฝนก็เริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุด จางเทีย ก็พบรูเหมืองที่ตีนภูเขาซึ่งอยู่ห่างจากที่เขาเคยอยู่ไป 3 กม. บางคนดูเหมือนเคยลองเปิดเหมืองนี่มาก่อนแต่หลังจากที่ขุดไปได้ 10 ม.ก็ไม่พบสิ่งที่ต้องการและได้หยุดเหลือเพียงถ้ำตื้นๆซึ่งมองจากด้านนอกก็ยังเห็นได้ง่าย แต่แม้ว่ามันจะไม่ได้ซ่อนอะไรแต่มันก็คือสวรรค์สำหรับ จางเทีย ที่ซึ่งกำลังหาที่พักอยู่
ในตอนที่เขาเข้าไป เขาก็เห็นว่าเคยมีคนอยู่ที่นี่เพราะมีไม้แห้งกระจัดกระจายไปทั่ว จางเทีย เริ่มรู้สึกดีขึ้นมาทันที เขาไม่คิดว่าเขาจะมีความสุขขนาดนี้ตอนเห็นไม้แห้ง
หลังจากที่ถอดเสื้อกันฝนอกและเอาไปตากที่หิน จางเทีย ก็วางของเขาลงในที่แห้งและเอาซองหอกนั้นเอาไว้ไว้ใกล้ๆกับทางเข้าเพื่อที่เขาจะได้จับมันได้ง่ายๆในตอนที่ฉุกเฉิน หลังจากนั้นเขาก็ได้เอาไม้ขีดไฟออกมาและรวบรวมหญ้าแห้งและไม้ ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็จุดไฟขึ้นมา เพราะความร้อนนั้นทำให้เสื้อผ้าและกางเกงเปียกๆของเขาเริ่มแห้งขึ้นบ้าง
เมื่อเห็นฝนที่เทลงมาหนักอีกครั้ง จางเทีย ก็รู้สึกดีใจ บางครั้งคนเราก็อาจจะรู้สึกดีใจง่ายๆขึ้นมา ถ้าด้านนอกฝนตกหนักและคุณต้องไม่ได้เปียกฝนนั่นแต่นั่งอยู่ข้างกองไฟ คุณก็จะมีความสุข
จางเทีย เอาเนื้อแห้งมาย่างกับไฟ หลังจากนั้นสักพักถ้ำนั่นก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของเนื้อ
‘ ถ้า แพนโดร่า, เบเวอร์รี่ ,และ อลิซ อยู่ที่นี่ ‘ ความคิดลามกโผล่ขึ้นมาในหัวของเขา ‘ อากาศแย่ๆแบบนี้ข้างในคงไม่ดีกว่ากัน นอกจากต้องใช้ไฟนี่ในการให้ความอบอุ่น ไม่งั้นคงต้องหาอะไรอย่างอื่นทำแทนเพื่อให้ความอุ่นแทน ฮี่ฮี่ ‘
ในตอนที่ความคิดแบบนั้นโผล่ขึ้นมาในหัว ก็ได้มีคนที่สวมเสื้อกันฝนเดินเข้ามาพร้อมกับลมและฝน ในตอนที่ชายคนนั้นวิ่งเข้ามา เขาไม่คิดว่าจะมีคนอื่นอยู่ในถ้ำด้วย จางเทีย เองก็เช่นกัน
หลังจากที่มองหน้ากันแล้ว ทั้งสองก็อึ้งเล็กน้อย พวกเขาทำท่าทีตอบรับเหมือนกัน จางเทีย คว้าเอาดาบส่วนชายคนนั้นเหวี่ยงเสื้อกันฝนออกและเอาลูกธนูมาขึ้นคัน
จางเทีย ไม่ได้ดึงดาบออกมาจากฝัก ส่วนคนนั้นไม่ได้ถึงสายธนูเหมือนกัน ปลายด้ามดาบกับหัวธนูนั้นเผชิญหน้ากัน พวกเขาจ้องหน้ากันด้วยดวงตามที่เบิกกว้าง
เมื่อเห็นธนูและอายุคร่าวๆของฝ่ายตรงข้าม จางเทีย ก็นึกชื่อหนึ่งขึ้นมาได้ – “ นายคือ....บลู ใช่มั้ย ? “
คนนั้นอึ้งเล็กน้อยแต่หน้าของเขาดูผ่อนคลายขึ้นมา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เก็บธนูก็เถอะ – “ นายคือนักเรียนที่เข้าการฝึกนี่ด้วยเหรอ ? “
“ แน่นอน ไม่อย่างนั้นแล้วฉันจะรู้ชื่อนายได้ยังไง นักธนู บลู นายเป็นที่รู้จักกันดีเลยที่ปราสาท ! “ - จางเทีย หัวเราะออกมาดังๆพร้อมกับเก็บดาบลง
เมื่อเห็นท่าทีของ จางเทีย บลู เองก็ถอนหายใจออกมาและเก็บธนูตัวเองลงด้วย
“ นายมาที่นี่ได้ไง ? “
พวกเขาถามคำถามเดียวกันออกมา เมื่อตระหนักได้แบบนั้นพวกเขาก็มองกันและพบว่าทั้งคู่น่ะต่างก็เกาหัว พวกเขาพากันหัวเราะออกมาและทำให้บรรยากาศนั้นผ่อนคลายลงทันที
“ ฉัน – ฉันกำลังไล่หมาป่าสองตัวมาและพยายามที่จะลองอยู่ในการฝึกนี้คนเดียวดู ! “
เมื่อเห็น บลู เป็นคนเก็บตัวนิดๆ จางเทีย ก็เปิดปากบอกเหตุผลจริงๆโดยไม่ลังเล เขาคิดว่ามันไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรและเขาคิดว่าการกระทำของเขานั้นต้องเป็นที่รู้กันไปทั่วทั้งปราสาทแล้ว – “ นายล่ะ ? “
“ ฉันเตรียมหญ้าแห้งและไม้มาให้ตัวเอง... “
“ งั้นฉันคงติดหนี้นายครั้งนี้ งั้นนี่ก็ค่าเช่าละกัน ... “
จางเทีย ส่งเนื้อแห้งให้กับ บลู
เมื่อเห็น จางเทีย ยื่นมือออกมาให้เขา บลู ก็รับเนื้อแห้งนั่นไป – “ ขอบคุณ แต่นายจะกินอะไรถ้าฉันเอานี่มา ...”
“ ช่างเถอะ ฉันมีอยู่อีก.... “
เมื่อพูดจบ จางเทีย ก็ได้ดึงเนื้ออีกชิ้นออกมาจากกระเป๋าและใช้ตะเกียบไม้คีบมันไว้แล้วเอาไปใกล้ๆกับไฟ เมื่อเห็น จางเทีย ดึงอีกชิ้นออกมา บลู ก็เริ่มจัดการเนื้อของตัวเอง
หลังจากที่เห็นบุคลิคของอีกฝ่ายแล้ว จางเทีย ก็พึมพำในใจ – ‘ แม้ว่าชายคนนี้จะเป็นคนเก็บตัว แต่เขาก็ไม่ได้ดูแย่เท่าไหร่ ! ‘
“ นายบอกฉันเกี่ยวกับหมาป่าที่นายล่าอยู่ได้มั้ย ? บางทีฉันอาจะช่วยนายได้ ! “ - บลู พูดขึ้นด้วยท่าทีจริงใจหลังจากที่กินเนื้อที่ จางเทีย ให้มา
ดังนั้น จางเทีย เลยบอกข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับหมาป่าสองตัวนั้นโดยไม่ลังเล รวมไปถึงเรื่องที่เขาเกือบตายในตอนที่เจอหมาป่าครั้งแรกและตอนที่หมาป่าเกือบทำร้าย แพนโดร่า, เบเวอร์รี่ และ อลิซ เมื่อไม่กี่วันก่อน
“ หมาป่าหนึ่งในนั้นมสีวงสีน้ำตาลแดงกับหูแหว่งรึเปล่า ? “ – บลู ถามขึ้นหลังจากคิดสักพัก
“ นายเคยเห็นหมาป่าสองตัวนั่นเหรอ ? “
“ ฉันเห็นมันเมื่อวานตอนที่พวกมันผ่านหน้าฉันไปไม่กี่สิบเมตร ฉันอยู่บนต้นไม้เล็งจะล่าหมาป่าตัวใหญ่ ฉันกลัวว่าจะไล่หมาป่าตัวใหญ่ไป ฉันเลยปล่อยพวกมันผ่านไป พวกมันหายไปด้านหลังเนินเขาไม่ไกลจากที่นี่และไม่ได้โผล่ออกมาอีกเลยหลังจากนั้น .... “
เมื่อได้ยินคำพูดของ บลู จางเทีย ก็เริ่มคึกขึ้นมาทันที