spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 112: เหมาะเกิดมาเป็นนักบวชจริงๆเลย
ในเหมืองนั้นทุกคนต่างก็ถูกกลืนไปกับบรรยากาศอันลึกลับที่ จางเทีย สร้างขึ้นมา เหมืองนั้นเงียบสนิทแม้แต่เสียงหล่นก็ยังได้ยิน ในที่นี่มีแค่คำพูดของ จางเทีย เท่านั้นที่ดังก้องซึ่งสะท้อนไปถึงหูของทุกคนสลักลงไปในดวงวิญญาณ...
จากนั้น จางเทีย ก็ได้ควบคุมทุกอย่างที่นี่ได้....
“ เมื่อนักบวชเจ้าต้องการที่จะมอบความเข็มแข็งให้ เขาจะนำความเจ็บปวดมาสู่ร่างกายพวกนาย คนบริสุทธิ์และคนโง่นั้นเหมือนกับชาวนาที่รู้แค่วิธีปลูกแต่ไม่รู้วิธีทำให้มันสุก พวกเขาจะเจอกับความเจ็บปวดแต่พวกเขาจะไม่รู้วิธีการทำให้มันสุก ! “
“ ตอนนักบวชเจ้าให้ความแข็งแกร่งแก่พวกนาย เขาจะทำให้นายต้องขยัน คนโง่น่ะชอบพวกชาวนาที่รู้แต่วิธีเพาะปลูกแต่ไม่รู้วิธีทำให้มันสุก พวกเขาจะเจอแต่งานหนักแต่ลืมเรื่องการทำให้มันสุก ! “
“ ตอนนักบวชเจ้าให้ความฉลาดแก่พวกนาย เขาจะทำให้ให้นายเจอกับความยาก คนโง่น่ะชอบพวกชาวนาที่รู้แต่วิธีเพาะปลูกแต่ไม่รู้วิธีทำให้มันสุก พวกเขาจะเจอแต่งานหนักแต่ลืมเรื่องการทำให้มันสุก ! “
“ การอวยพรของนักบวชเจ้านั้นจะแสดงออกมาในผลลัพธ์ที่ต่างกันออกไป นี่คือความลับอันยิ่งใหญ่ของโลก สำหรับคนที่คุ้นเคยกับความลับนี้แล้ว ความยากลำบากทุกอย่างคือสิ่งหอมหวานที่มอบให้กับเรา เพราะพวกมันคือการอวยพรของนักบวชเจ้า แสดงการตอบรับของพวกนายและโอบกอดการอวยพรจากนักบวชเจ้า เอาสัญลักษณ์ราชาไว้บนหน้าผากของพวกนายเป็นสัญญาลและในที่สุดนายก็จะได้อิสระ ! “
แม้ว่าคำพูดที่ จางเทีย ได้พูดมาก่อนหน้านี้จะสับสนแต่ทุกคนก็สามารถเข้าใจช่วงหลังๆได้ เมื่อได้ยินคำปลุกใจ ทุกคนก็ตระหนักเรื่องนี้และช็อคไปถึงวิญญาณ ปรากฏว่ามันคือความลับอั้นยิ่งใหญ่ที่หลบซ่อนอยู่เหมือง คนอื่นๆมองเห็นแค่มันเป็นงานหนัก ผู้ชี้ทางนี้ได้รับการอวยพรจากนักบวชเจ้าจากเหมืองนี้จริงๆ เพราะความโดดเดี่ยวเขาจึงยืดหยุ่นและเพราะงานหนักเขาจึงแข็งแกร่ง เขาอาจจะฝึกฝนทักษะต่อสู้ซ้ำโดยใช้พลั่วของเขาโบกไปมา....
จางเทีย ใช้นิ้วของเขาวาดเส้นแนวนอนบนอากาศตรงหน้าผากเขา เมื่อเห็นท่าทางของ จางเทีย พวกเด็กๆก็รีบวาดเส้นบนหน้าผากของตัวเองโดยใช้เลือดที่นิ้วของตน
“ นี่คือสัญลักษณ์ราชา เส้นแรกคือความยากของท้องฟ้า เส้นสองคือความยากของผืนดินและเส้นที่สามคือความยากของการเป็นมนุษย์ หลังจากที่ได้รับการอวยพรแล้ว พวกนายจะเรียนรู้ถึงวิธีแสดงความกตัญญูต่อการอวยพรจากความยากลำบากเหล่านั้น ฉันจะทำการทำลายเส้นราชาโดยการวาดเส้นแนวนอนโดยใช้เลือดของทุกคน นี่คือตัวแทนความยากลำบากที่ถูกทำลาย ในอนาคตพวกนายแต่ละคนจะประสบความสำเร็จไม่เหมือนกัน พวกนายจะได้รับอิสระจากความยากลำบากต่างๆ เพราะความยากลำบากเหล่านี้คือแหล่งกำเนิดความแข็งแกร่งของพวกนาย... “ - ตอนที่เขาพูด เขาก็เอานิ้วจุ่มบ่อเลือดและวาดเส้นแนวตั้งบนหน้าผากของ พอตเตอร์ ที่ซึ่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขา กลายเป็นตัวหนังสือจีน“王” ที่หมายถึงราชา
ในตอนที่นิ้วของ จางเทีย แตะที่หน้าผากของ พอตเตอร์ เด็กนั่นก็เริ่มตื่นเต้นจนตัวสั่น
“ จากนี้สัญลักษณ์ของราชานั้นได้ถูกฝังไว้ในความคิดของพวกนาย ทุกครั้งที่เจอกับเรื่องยากลำบาก มันจะคอยเตือนพวกนายว่านายควรคิดเหมือนราชาและนายควรเผชิญหน้ากับความยากลำบากทั้งหลายเพราะมันก็แค่สิ่งทดสอบ มีแค่คนที่มีสัญลักษณ์ราชาเท่านั้นที่จะได้รับการอวยพรจากนักบวชเจ้า ในฐานะผู้สืบทอด นายจะได้รับสัญลักษณ์แห่งแสงซึ่งสามารถทำให้จิตใจของนายเติมเต็มไปด้วยแสงสว่าง แม้ว่าในที่มืดที่สุด แสงในใจก็ไม่มีวันมอดดับ... “ - ตอนที่ จางเทีย พูดนั้นเขาก็เอานิ้วจุ่มบ่อเลือดและวาดตัวหนังสือ “王” ที่หมายถึงแสง หลังจากวาดมันที่หน้าผากด้านซ้ายของ พอตเตอร์ จางเทีย ก็พบว่ามันไม่สมมาตรกัน ดังนั้นเขาจึงวาดอีกฝั่งด้วยทำให้สองฝั่งนั้นมันสมมาตรกัน เมื่อรวมกันแล้วตัวอักษรจีนพวกนี้น่ะเต็มไปด้วยความลึกลับจริงๆ
คนอื่นมองมาที่ พอตเตอร์ ด้วยสายตาที่ชื่นชม
และก็มีคนอื่นตามมาเรื่อยๆ...ทุกคนนั้นคุกเข่าต่อหน้า จางเทีย ให้ จางเทีย ทำท่าลึกลับและวาดเส้นแนวตั้งบนหน้าผากโดยใช้เลือดของพวกเขา
ผู้สืบทอดเริ่มชื่นชมกันเอง นอกจาก“王” ที่อยู่บนหน้าผากแล้วยังมี “火” อีกสองตัวที่ จางเทีย บอกว่ามันคือสัญลักษณ์แห่งแสง บางอย่างที่แม้แต่ในที่มืดที่สุดก็ยังสว่างในจิตใจคน
หลังจากที่ทำแบบนั้นเสร็จแม้ว่า จางเทีย จะทรมานตัวเองไปเยอะและยังได้ใช้เลือดตัวเองด้วยแต่เมื่อเห็นสีหน้ามีความสุขและมีความหวังอีกทั้งยังสายตาที่เป็นประกายซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง เขาก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่เขาทำไปน่ะคุ้มค่า
มันไม่สำคัญว่ามันจะจริงรึเปล่า หลังจากที่แกล้งทำอยู่นาน ตราบใดที่พวกนี้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยการมีความหวัง จางเทีย ก็ทำเป้าหมายสำเร็จแล้วแต่ในกรณีฉุกเฉิน จางเทีย เลยต้องอธิบายเพิ่ม
“ จำไว้ว่ากุญแจหลักของการอวยพรนี้คือพวกนายต้องมีความเชื่อและมีความสุขในจิตใจเมื่อเจอกับปัญหารึการท้าทาย ถ้าพวกนายไม่ต้องการที่เผชิญหน้ามัน พวกนายเลือกที่จะออกไปและค่อยกลับมาตอนพร้อมก็ได้แต่พวกนายไม่ควรบ่นรึสงสัยในความเชื่อของตัวเอง ถ้าพวกนายบ่นรึสงสัยงั้นพวกนายจะหมดพลังของความเชื่อและผลของการอวยพรนี้จะไม่มีวันปรากฏออกมาอีก นักบวชเจ้าน่ะไม่ได้ให้การอวยพรกับคนที่บ่นกับทุกสิ่ง ถ้าพวกนายบ่น งั้นพวกนายก็ต้องเจอกับความยากลำบากจริงๆ จำเรื่องนี้ไว้ในใจด้วย ! การบ่นและสงสัยน่ะคือสิ่งลบล้างการอวยพร ! “
ทุกคนต่างก็พยักหน้า
“ ผู้ชี้ทางที่เคารพ ถ้าเราโชคดีพอที่เราจะได้ยินมัน นายช่วยบอกหน่อยได้มั้ยว่ากลุ่มรึโรงเรียนไหนที่ได้รับการอวยพร ? หลังจากที่ได้สืบทอดแบบนี้เราต้องมีภาระอะไรรึเปล่า ? “ – ชายคนหนึ่งเดินออกมาและคุกเข่าต่อหน้า จางเทีย ก่อนที่จะถามด้วยความเคารพ ตอนนั้น จางเทีย มองไปที่ตาของชายคนนั้น
ยุคเหล็กดำนี้กำลังเติบโตด้วยเวทย์มนต์ กลุ่มที่ซ่อนตัวและโรงเรียนจะโผล่ขึ้นมาทีละกลุ่มๆ คนหลายคนคิดว่ามันถือเป็นเกียรติที่ได้เข้าร่วมกลุ่มรึโรงเรียนพวกนี้ ชายที่เดินออกมานั้นมีความสงสัยที่คนอื่นต่างก็พากันสงสัย
ตอนนี้แม้ว่า จางเทีย จะบอกทุกอย่างที่เกิดขึ้นไปว่ามันไร้สาระเป็นเรื่องแต่งขึ้นแต่คนอื่นคงคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกและไม่มีใครเชื่อเขา ต้องขอบคุณที่ จางเทีย เตรียมตัวรับมือกับปัญหานี้แล้ว
“ การอวยพรนั้นเป็นความรู้ลึกลับจากโบสถ์โบราณ สำหรับคนที่ได้รับการอวยพรแล้วนอกจากต้องมีความมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวพี่น้องและให้ความช่วยเหลือยามพี่น้องเดือดร้อน พวกนายไม่ได้มีภาระอะไร พวกนายล้วนแต่เป็นอิสระ โบสถ์นั้นไม่ได้ร้องขอให้พวกนายทำอะไรเลย ! “ - จางเทีย อธิบายอย่างใจเย็น ตอนนี้แม้แต่ จางเทีย ก็ยังชื่นชมตัวเอง ‘ จางเทีย นายนี่มันเหมาะเกิดมาเป็นนักบวชจริงๆ ! แค่เปิดปากนายก็สร้างโบสถ์ขึ้นมาได้แล้ว ‘
“ ผู้ชี้ทางที่เคารพ เราเข้าร่วมโบสถ์นั่นได้รึเปล่า ? “ – คำถามนี้คือคำถามที่ทุกคนอยากถาม หลายคีนนั้นมองมาที่ จางเทีย โบสถ์โบราณ ชื่อของมันก็ฟังดูดีและดูเหมือนว่าจะมีความรู้ลึกลับมากมาย – “ เรา โบสถ์โบราณนั้นให้แต่ผู้ศรัทธาที่แท้จริงและได้รับการอวยพรจากนักบวชเจ้าเท่านั้นที่เข้าร่วมได้ อันที่จริงการอวยพรนี้เป็นแค่มาตรฐานที่ใช้ในการเลือกผู้ศรัทธาสำหรับโบสถ์ ทุกคนน่ะได้รับการอวยพรจากทักษะการอวยพรนี้น่ะจะได้ความกรุณาจากนักบวชเจ้า ในอนาคตพวกนายบางคนจะเข้าใจถึงทักษะนี้อย่างแท้จริงและจะดูดซับความแข็งแกร่งจากความยากลำบากและปัญหาทั้งหมด ในตอนที่ความแข็งแกร่งอันยิ่งใหญ่นี้รวมเข้ากับตัวตนของพวกนาย การอุทิศตนของพวกนายจึงเกิดผล มีแค่ผู้ที่อุทิศตนถึงจะเข้าร่วมโบสถ์ได้หลังจากที่ได้รับการยินยอมจากผู้ชี้ทาง !” – เมื่อได้ยินคำพูดของ จางเทีย หลายคนก็ผิดหวังกันเล็กน้อยแต่หลังจากที่คิดสักพัก พวกเขาก็ดูเด็ดเดี่ยวและกะตือรือล้นกันมากขึ้น ก็อย่างที่ ดอนเดอร์ เคยบอกเขาไว้ จางเทีย น่ะเข้าใจว่ามีหนึ่งสิ่งที่ไม่สามารถเอามาได้รึสามารถเอามาได้แค่เพียงการทำงานหนักก็คือสิ่งที่ดีที่สุด ถ้าเขาใจอ่อนและยอมให้พวกนี้รู้สึกว่ามันง่ายที่จะเข้าร่วมโบสถ์ งั้นโบสถ์นั่นก็ไม่มีอนาคต ดังนั้น จางเทีย จึงได้ตัดสินใจว่าคงไม่เสียเวลาไปทำเรื่องแบบนั้น
……
หลังจากทำพิธีเสร็จตอนที่ จางเทีย และคนอื่นๆไปโผล่ตรงหน้า วู๊ด, โจน, แกรนด์ฮีและ แฟรนก้า ผู้เสียสละที่ซี่งยืนอยู่ตรงหน้าทางเข้าเหมือง สี่คนนั้นก็รู้สึกว่ามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับกลุ่มคนด้านหลัง จางเทีย เพราะพวกเขาทุกคนล้วนแต่มีขวดน้ำและมีเลือดบนหน้าผากที่ถูกเช็ดออกไปแต่หลังจากที่ดูดีๆแล้วทุกคนน่ะแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิงทั้งด้านจิตวิญญาณและความคิด ในสายตาของ วู๊ด และผู้เสียสละอีกสามคนแล้วพวกนี้ที่ซึ่งเคยเอะอะในตอนที่เข้าไป ตอนนี้กลับกลายเป็นสงบและเหมือนกับคนที่เพิ่งไปบวชมา
จางเทีย เดินนำหน้าพวกนั้นมา เมื่อเดินแบบนี้คนที่เดินออกมาจากถ้ำที่มืดมิดนั้นทำให้ฉากนี้ดูเหมือนนักบวชที่เดินนำผู้ติดตามออกมาจากนรก มันเป็นฉากที่ดูน่าตกใจจริงๆ
พอตเตอร์ ยังคงเดินอยู่ข้างๆ จางเทีย เขาคอยถือคบไฟให้กับ จางเทีย วู๊ด จำ พอตเตอร์ ได้ ก่อนที่จะเข้าถ้ำเขาคือคิดว่าตัวเองต่ำต้อยและไม่กล้าที่จะมองไปที่ตาของคนอื่น น่าแปลกใจที่ในเวลาสั้นๆ พอตเตอร์ กลับเปลี่ยนไปจนเขาทึ่ง บุคลิกที่มั่นใจนั่น ตอนนี้ พอตเตอร์ ไม่ได้แค่มองมาที่ตาของ วู๊ด เท่านรั้นแต่เขายังยิ้มออกมาอย่างสงบด้วย
อยู่ๆก็มีเสียง ‘ ติ๊ง ‘ ดังนั้นขึ้นมา วู๊ด ที่ซึ่งมองมาที่ จางเทีย และผู้ติดตามก็ได้ปล่อยมีดลงไปที่พื้น
รึว่านี่เป็นเพราะทักษะการอวยพร ? ผู้เสียสละทั้งสี่นั้นมองหน้ากันพร้อมกับมองเปลวไฟที่เผาไหม้และช็อคกับสายตาของคนอื่นๆ นี่คือความรู้ลึกลับอันยิ่งใหญ่จริงๆด้วย....