หน้าแรก > Castle of Black Iron
Chapter 110: การสืบทอดความรู้ลึกลับ

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

Chapter 110: การสืบทอดความรู้ลึกลับ

 

คำพูดของ จางเทีย ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่คนที่ พอตเตอร์ พาเข้ามา  แต่ส่งผลไปถึงทุกคน   ตอนนี้แม้ว่า จางเทีย จะบอกพวกเขาว่าทุกอย่างมันถูกจัดฉากขึ้นมาแต่คงไม่มีใครเชื่อ  พวกนี้ไม่คิดว่า จางเทีย จะทำทุกอย่างได้สมบูรณ์แบบนี้  ถ้าเขาทำเรื่องนี้ได้งั้นเขาคงเป็นอัจฉริยะไปแล้ว !

อยู่ๆ จางเทีย ก็ตระหนักได้ว่าเขามีพรสวรรค์ที่จะเป็นนักบวชได้เลยเพราะเขาเองก็เกือบเชื่อในสิ่งที่ตัวเองพูด

ตอนนั้น วู๊ด ที่ซึ่งใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะความตื่นเต้นได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะก้าวออกมาพร้อมยอมสละโอกาสตัวเองเพื่อที่จะเห็นทักษะการอวยพร

“ ฉันจะยอมเสียสละโอกาสของฉัน ! “

อีกคนได้เดินออกมา....

“ ฉันเองก็ด้วย ! “

คนที่สามตามมา...

“ ฉันเองก็ยอม ! “

และคนที่สี่….

 “ ฉันก็ยอมด้วย  ! “

เมื่อเห็นสี่คนแสดงสีหน้าเหมือนกับ พอตเตอร์  จางเทีย ก็คิดถึงคำพูดของ ดอนเดอร์ ที่เคยพูดไว้เกี่ยวกับพวกเด็ก --- ง่ายๆ,ใสซื่อ, เลือดร้อนและกระตุ้นง่าย

เมื่อเห็นตัวเองในตัวพวกนี้ จางเทีย ก็รู้สึกว่าเขาน่ะจำเป็นต้องทำแบบนี้ต่อไปจนจบไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

“ คนทีเสียสละทุกคนจะได้รับการอวยพรสูงสุดและเป็นผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุด  คนที่ยอมเสียสละโอกาสนั้นจะเป็นผู้พิทักษ์ของพวกเราและเป็นกุญแจสู่ประตูศักดิ์สิทธิ์  พวกนายคือคนกล้าอย่างแท้จริง  ด้วยความไม่เห็นแก่ตัวนี้พวกนายได้แสดงว่าตัวเองคู่ควรและนั่นจะทำให้ฝันของพี่น้องพวกนายเป็นจริง ! “ – เมื่อได้ยิน จางเทีย ชม  สี่คนนั้นก็แสดงสีหน้าซับซ้อนออกมา  จางเทีย มองไปยังสี่คนนั้น – “ ก่อนที่พวกนายจะได้เป็นผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุด โปรดพูดชื่อตัวเองออกมาดังๆต่อหน้าเพื่อนตัวเองให้พวกเขาได้จดจำกับสิ่งที่พวกนายได้ทำให้พวกเขา ! “

“ ฉัน  ฮาเร็น วู๊ด.. “ - วู๊ด เดินออกมาหนึ่งก้าวพร้อมกับตะโกนชื่อเต็มของตัวเองออกมา

“ ฉัน แจ็ค โจน... “  - คนที่สองเชิดหน้าและตะโกนออกมา

“ ฉัน นาดิลี แกรนด์ฮี ... “- คนที่สามตะโกนออกมา

“ ฉัน ลูกชายของคนสวนในเมือง  ฟรานซิศ แฟรนก้า ! “ – คนที่สี่แนะนำตัวพิเศษนิดหน่อยจน จางเทีย หันไปมอง

“ อ่า พวกนายคือคนกล้าที่ยอมสละตัวเอง สำหรับการเสียสละของพวกนายเพื่อพี่น้องแล้วนั่นถือว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้อง...” - จางเทีย พึมพำต่อ – “ ชื่อของเจ้านั้นจะถูกสลักไว้ที่ประตูศักดิ์สิทธิ์ตลอดกาล ในตอนที่เจ้าปฏิบัติต่อพี่น้องเหมือนกับตัวเอง เจ้าจะได้ไปถึงระดับความรู้ที่แท้จริง  แม้ว่าเวลาจะหยุดเดิน ทะเลจะเหือดแห้งและภูเขาจะถล่ม ชื่อของเจ้าก็ไม่จากหาย  การสละตัวเองของเจ้านั้นจะทำให้เจ้าเป็นอมตะ  สักวันตอนที่เราไปรวมตัวกันที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ทุกอย่างที่เจ้าได้ทำเพื่อพี่น้องจะได้รับการตอบแทน  พี่น้องของเจ้าจะไม่ทิ้งเจ้าไว้  เจ้าควรรู้ว่าแสงนั้นคือร่างกายของเจ้าและทุกอย่างที่เจ้าได้สร้างมาจะอยู่กับเจ้าเหมือนกับความศักดิ์สิทธิ์ที่มี “

เมื่อได้ยินคำพูดของ จางเทีย ซึ่งช็อคยิ่งกว่าตอนที่ได้ยินนักบวชพูด ทั้งสี่คนนั้นก็รู้สึกไร้ความกลัว  พวกเขาซึ้งจนตาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงและเริ่มสะอื้น  ในที่สุดพวกเขาก็อดที่จะร้องไห้ออกมาไม่ได้  สี่คนนั้นรู้สึกได้ว่าราวกับวิญญาณและทุกอย่างที่ได้ทำให้คนอื่นไปนั้นมีค่าอย่างมาก

เมื่อเห็นพวกนั้นร้องไห้อีก จางเทีย ก็ต้องแอบถอนหายใจ !

“ วู๊ด , โจน, แกรนด์ฮี, แฟรนก้า ในฐานะผู้พิทักษ์แล้วโปรดบอกทุกคนก่อนที่พวกนายจะร่วงหล่น นายจะไม่ยอมให้คนอื่นมารบกวนพิธีศักดิ์สิทธิ์นี่ “ - จางเทีย บอกทั้งสี่คน  จากนั้น จางเทีย ก็รู้สึกได้ว่าเขาน่ะควบคุมวิธีคิดของคนพวกนี้ได้แล้วซึ่งเหมือนกับที่พวกนักบวชทำกันเลย

“ เราสัญญา ! ก่อนที่เราจะร่วงหล่นจะไม่มีใครผ่านเข้าถ้ำมาได้ ! “ – หลังจากเช็ดน้ำตาแล้ว พวกเขาได้ชูดหมัดและอกขึ้นอย่างภูมิใจพร้อมกับสาบาน

จางเทีย หันกลับมามองคนที่เหลือด้วยท่าทีเคร่งขรึมอยากขู่ให้พวกนั้นกลัวอีกรอบ – “ ก่อนที่จะเป็นผู้พิทักษ์ที่แข็งแก่รงซึ่งยอมสละโอกาสตัวเองที่จะได้เห็นการอวยพรและไปยืนอยู่ตรงทางเข้า พวกนายมีโอกาสสุดท้ายที่จะออกไป เมื่อพิธีเริ่มหลังจากที่นายสาบานแล้วและได้ความรู้ลึกลับของการอวยพรไป พวกนายจะต้องรับผิดชอบต่อความรู้ลึกลับนี้  ถ้าทำไม่ได้งั้นก็จ่ายมาด้วยชีวิต  ลองคิดดู พวกนายพร้อมที่จะรับมันรึยัง ? “

ทุกคนแสดงสายตาอันมุ่งมั่นและส่ายหน้า  ไม่มีใครอยากออกไป ตอนนี้แม้ว่า จางเทีย จะใช้ไม้มาไล่แต่พวกเขาก็ไม่ไป

“ เพราะทุกคนได้ตัดสินใจแล้ว งั้น...วู๊ด, โจน, แกรนด์ฮี, แฟรนก้า ถ้ำนี้ฝากไว้กับพวกนาย  ตอนที่พิธีเริ่ม โปรดอย่างให้ใครผ่านทางเข้ามาได้ ! “ - จางเทีย สั่งทั้งสี่คน

เมื่อได้ยินคำสั่งของ จางเทีย พวกนั้นก็ก้มหัวให้เขา  หลังจากนั้นแต่ละคนก็ถือคบไฟของตัวเองและดึงมีดของตัวเองออกมาจากเอว  พวกเขายืนเป็นแถวหน้ากระดานที่ทางเข้าแสดงสีหน้าเด็ดเดี่ยวกันตรงทางเข้าเอาไว้

“ คนที่เหลือตามฉันมา ..  “- เขาหยิบคบไฟขึ้นมาและเดินไปยังพื้นที่มืดๆของเหมือง ทุกคนเองก็ตามเขามาด้วย

หลังจากที่เดินมาได้ไม่ถึง 3 นาที  จางเทีย ก็ได้พาทุกคนเข้าไปในพื้นที่ที่ถือว่าค่อนข้างลับแต่ยังไม่ได้ล้ำค่าเท่าไหร่

“ ทุกคน หาที่ใส่คบไฟและมายืนต่อหน้าฉัน ! “ - จางเทีย สั่ง  เมื่อได้ยินคำสั่งนั้นเด็กหลายคนรีบหาที่เสีบคบไฟทันที  เนื่องจากมีหินมากมายในเหมือง พวกเขาจึงหาที่เสียบคบไฟที่กำแพงได้ง่ายๆรึไม่ก็เสียบไว้กับพื้นแล้วเอาหินสองก้อนมาดันเอาไว้  หลังจากนั้นไม่กี่นาทีตอนที่พวกเขาวางคบไฟแล้ว พวกเขาก็กลับมายืนอยู่ตรงหน้า จางเทีย

ภายใต้แสงสว่างรอบๆจากคบไฟในที่มืดมิดแบบนี้ สีหน้าจริงจังของเด็กนั้นดูสมจริงมากกว่าแต่ก่อน  หลังจากที่ผ่านสองเหตุการณ์กับ พอตเตอร์ และวู๊ด มา ทุกคนต่างก็มีความรู้สึกว่ามันศักดิ์สิทธิ์  ตอนนี้ จางเทีย ดูตัวใหญ่และสง่ายิ่งกว่าเดิมในสายตาพวกเขา โดยเฉพาะ พอตเตอร์ และคนขุดหมืองคนอื่นที่ซึ่งได้นำทางเด็กคนที่เหลือเข้ามา  ตาของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความเคารพและชื่นชม  ตราบใดที่ จางเทีย มองมาที่พวกเขา  จางเทีย จะรู้สึกได้ว่าหน้าของเขาร้อนขึ้นมา  จางเทีย พยายามจะมองไปที่พวกนั้นอีกครั้งแต่ความคิดของ จางเทีย ตอนนี่ทำให้หลายคนคิด่วาเขาน่ะลึกลับ

ในตอนที่การใช้ชีวิตแบบคนเถื่อนนี้ดำเนินการต่อไป จางเทีย ก็รู้สึกว่าทุกอย่างนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น

  “ การอวยพรนั้นมีมานานกว่า 5,000 ปีก่อนที่จะเกิดภัยพิบัติ  มันคือความรู้ลึกลับในหมู่คนจีนและฉันได้ใช้เวลาไปมากมายกว่าจะได้ทักษะนี้มา  ในฐานะคนที่ส่งต่อความรู้ให้กับพวกนาย จากนี้พวกนายเรียกฉันัได้ว่าผู้ชี้ทาง  มีแค่ผู้ชี้ทางเท่านั้นที่มีสิทธิ์ที่จะสืบทอดทักษะนี้ได้อย่างสมบูรณ์... “ – หลังจากที่พูดชื่อ พอตเตอร์ กับคนถือคบไฟคนอื่นและ วู๊ด กับคนขุดแร่คนอื่นๆในฐานะผู้เสียสละเพื่อที่จะทำให้เกมส์นี้ศักดิ์สิทธิ์มากกว่าเดิมเหมือนกับที่เขาบอกพวกนี้เอาไว้   จางเทีย คิดว่าเขาควรที่จะได้รับฉายามา  ก็อย่างที่คำพูดจีนบอกเอาไว้ – “ ถ้าไม่มีฉายางั้นก็คงไม่เป็นที่ยอมรับในที่สาธารณะ “ - ดังนั้นแล้ว จางเทีย จึงตัดสินใจที่จะตั้งฉายาให้ตัวเอง   ด้วยฉายานี้คำพูดของเขาจะน่าเชื่อถือมากขึ้น หลังจากที่คิดสักพัก จางเทีย ก็ตัดสินใจใช้คำว่าผู้ชี้ทางเป็นคำเรียกตัวเอง

เมื่อได้ยิน จางเทีย แนะนำตัว  ทุกคนก็ช็อค ไม่มีใคคิด่วาทักษะการอวยพรนี้จะมีเรื่องยิ่งใหญ่แบบนี้และแม้แต่ฉายาของ จางเทีย เองก็ทำให้รู้สึกเคารพมากกว่าเดิม

“ ตอนนี้ก็เอามีดออกมากรีดนิ้วตัวเองแล้วหยดเลือดลงในหลุมหินตรงหน้าฉัน ผสมเลือดกับพี่น้องตัวเอง  ในตอนที่ผสมกันแล้วจะคือเครื่องหมายของพวกนายตั้งแต่นี้ พวกนายจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวและแยกจากกันเพราะเลือดได้หลอมรวมกันเป็นหนึ่ง ! “ - หลังจากที่พูดจบ  จางเทีย ได้หยิบมีดออกมาและกัดฟันแล้วกรีดที่นิ้วชี้ข้างซ้ายของตัวเองแล้วหยดเลือดลงในบ่อหิน

มีดนั้นคือของจำเป็นสำหรับเด็กทุกคนที่เข้าร่วมการฝึกเอาตัวรอดเพื่อใช้ปกป้องตัวเอง  เมื่อเห็น จางเทีย ทำแบบนั้น เด็กทุกคนก็เริ่มตื่นเต้น หลังจากเห็นการกระทำของ จางเทีย แล้วก็ไม่มีใครลังเล พวกเขาได้หยิบมีดขึ้นมาแล้วกรีดนิ้วตัวเอง  เมื่อเห็นว่าพวกนี้กรีดนิ้วตัวเอง จางเทีย ก็ต้องคิ้วขมวด ‘ เหี้ยเอ้ย พวกแกไม่น่ากรีดนิ้วเลย พวกแกคงสร้างปัญหาให้ฉันในอนาคตแน่ๆ ‘ เด็กทุกคนต่างก็กรีดนิ้วและมายืนเรียงแถวต่อหน้า จางเทีย พร้อมกับหยดเลือดลงในบ่อหิน

“ ในตอนที่จะผสมเลือดกับพี่น้องนั้นโปรดปลดปล่อยวิญญาณออกมา เลือดสดๆที่ไหลออกมาจากตัว นี่คือช่วงเวลาสำคัญ ในตอนที่พวกนายอู่ด้วยกันในฐานะพี่น้อง ปลดปล่อยอารมณ์ไปกับมัน พวกนายไม่จำเป็นต้องรู้สึกตื่นกลัวเพราะอยู่ในสายตาของเหล่าพี่น้อง พวกนายน่ะไม่ต้องไล่ตามความสมบูรณ์แบบเพราะความเป็นพี่น้องน่ะคือความสมบูรณ์แบบ ก็เหมือกับหยดน้ำที่ไหลลงไปมหาสมุทร มันจะกลายเป็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงและเป็นการหาตัวตนที่แท้จริง   พี่น้องของนายจะอุ้มชูพวกนาย ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็คือของนายและการมีอยู่ของพวกเขาก็คือการมีอยู่ของนาย  จากนี้เราจะรวมเป็นหนึ่งและไม่มีวันรู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป... “

เมื่อได้ยินคำพูดของ จางเทีย  เด็กทุกคนก็น้ำตาไหลออกมา....

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.