spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 107: ความลับถูกเปิดโปง
ตกเย็นกลุ่มทหารที่ใส่เครื่องแบบธรรมดาและสวมผ้าคลุมดำก็ได้มาถึงปราสาท การมาถึงของพวกเขานั้นทำให้พวกนกนั้นต่างก็กระเจิงทำให้พวกมันบินหนีไป คืนนั้นเต็มไปด้วยเสียงคำรามและด่าของ สมิหลา ที่ซึ่งโดนจับขังเอาไว้คุกใต้ดินของปราสาทซึ่งอีกไม่นานก็กลายมาเป็นเสียงร้องไห้ !
…
ในตอนที่ฝันอยู่นั้น จางเทีย ได้หลับฝันดีมาตลอดคืนและยังยิ้มโง่ๆออกมาด้วย สำหรับงานเลี้ยงเมื่อคืนแล้วมันทำให้ จางเทีย มีความสุขอย่างมาก ในคืนนั้นเขาโดนสองสาวอกโตกอดเอาไว้และเดินไปอวดคนอื่นๆ เขายังโดนจูบและได้โอบสาวๆไปโชว์ด้วย นี่ทำให้เด็กผู้ชายคนอื่นนั้นต่างก็อิจฉาและยังทำให้สายตาของ มิสกิลิ นั้นเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ การทำแบบนี้มอันที่จริงมันโคตรจะเจ๋งเลย ! จางเทีย คิดกับตัวเองว่าเขาไม่เคยจะเจ๋งแบบนี้เลยตั้งแต่ที่เกิดมา
เมื่อผ่านงานเลี้ยงคืนนั้นมา จางเทีย เข้าใจอยู่สามอย่างรึเรื่องจริงสามข้อ
ความจริงข้อแรกคือสาวสวยคือแหล่งของความสุข
ความจริงข้อสองคือพลังหลักที่ทำให้ผู้ชายพัฒนาความแข็งแกร่งและความสามารถขึ้นมานั้นคืออยากได้ความสุขที่มากกว่าเดิม จางเทีย จำได้ว่าครูเคยบอกครั้งหนึ่งว่าก่อนเกิดภัยพิบัตินั้นคนดังๆนั้นมีแรงที่สามารถขับเคลื่อนความต้องการทางเพศได้ ตอนนั้น จางเทีย ไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่ายังไงแต่หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่ามมันคือความจริง เมื่อคืนนี้เขารู้สึกว่าเขาต้องการอนาคตที่มากกว่าเดิม เขามีความคิดเห็นเพิ่มเติมและความต้องการที่มากกว่าเดิมและแม้ว่า จางเทีย จะรู้สึกว่าเขาอยากได้อนาคตที่ดีขึ้นกว่าปัจจุบันแต่ว่าหลังจากเมื่อคืนนี้เขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่ต้องการนั้นมันยังไม่พอ ยกตัวอย่างเช่นเขาตระหนักได้ว่า Iron-Body Fruit นั้นเพิ่มความเร็วในการสุกมากกว่าเดิม
สำหรับความจริงข้อที่สามแล้ว จางเทีย ตระหนักได้ว่าเขายังคงเป็นคนธรรมดาอยู่ ในขณะที่ Castle of Black Iron นั้นมีต้นไม้เล็กๆที่ไม่ใช่แค่ทำให้เขายิ่งใหญ่ขึ้นรึแค่มีเกียรติขึ้นเท่านั้น เขาคงมาถึงจุดนี้ไม่ได้ถ้าไม่มีมัน ในตอนที่สาวๆมาอยู่รอบตัวให้เขาชื่นชม เขามักจะรู้สึกตื่นเต้นในใจในตอนที่โดนกดอดแขนเอาไว้ ตอนนั้นไอ้จ้อนและความคิดของเขาได้แข็งขึ้นมาเพราะความตื่นเต้น สิ่งพวกนี้น่ะไม่เคยได้รู้สึกมาก่อนเลย
……
ก็อย่างเช่นเคย นาฬิกาชีวภาพปลุกเขาตอน 6 โมงนิดๆ
เขาลุกขึ้นมาและรู้สึกคึกอย่างเต็มที่ หลังจากที่ใส่ชุดขุดเหมืองแล้ว จางเทีย ก็ปีนลงมาจากต้นไม้ ในช่วงกะที่สองของคืนนั้นคือกะของ ดั๊ก ที่ต้องเฝ้ายาม ดั๊ก ตอนนี้กำลังกอดผ้าห่มพร้อมกับนั่งยองๆในหลุมด้วยตาที่เกือบจะปิด เมื่อเห็น จางเทีย ตื่นเช้า ดั๊ก ที่คุ้นกับสไตรล์ของ จางเทีย ก็ยิ้มและส่งหน้าไม้ให้กับ จางเทีย ก่อนที่จะหาวและกลับขึ้นโพรงไปนอน จากนั้น จางเทีย ก็กอดหน้าไม้ไว้และลงไปนั่งยองๆในหลุมและเริ่มการบ้านอันแรกของเขา – ฝึกจำลองลูกคิดและคิดเลข นอกจากพัฒนาพลังความคิดในการคำนวนแล้วมันยังช่วยพัฒนาพลังวิญญาณขึ้นมาอีก ตอนนี้ความลับนี้มีแค่ จางเทีย ที่รู้ ถ้า ดอนเดอร์ ไม่บอกเขาว่าห้ามสอนเรื่องลูกคิดกับใคร จางเทีย คงสอนเรื่องนี้ให้คนอื่นในองค์กรไปแล้ว
หลังจากที่ฝึกมานานกว่าชั่วโมง แบร์ลี่ ก็ตื่นขึ้นมาและตามมาด้วยคนอื่นๆ เมื่อเห็นทุกคนตื่นแล้ว จางเทีย เลยเลิกทำการบ่มเพาะ หลังจากที่ทำความสะอาดตัวเองแล้วเขาก็หยิบเอาเนื้อแห้งออกมาก่อนที่จะแบกตะกร้าไปเริ่มทำงาน
ระหว่างทางนั้น จางเทีย คึกเต็มที่เพราะ Leakless Fruit จะสุกในวันนี้ หลังจากที่กินเข้าไปแล้วจุดชีพจรที่หลังของเขานั้นจะถูกปลุกขึ้นมาและทำให้เขากลายเป็นนักสู้ระดับ 2 หลังจากนั้นแน่นอนว่าเขาต้องถือว่าเป็นคนชั้นสูงในบรรดานักเรียนที่เข้าร่วมการฝึก ตั้งแต่ที่ปลุกจุดชีพจรตรงหลังได้ จุดที่ถูกปลุกขึ้นมาเพิ่มนั้นจะช่วยพัฒนาร่างกายโดยเฉพาะความแข็งแกร่ง ตามที่ จางเทีย ได้บอกมาว่านี่คือความแข็งแกร่งของเลือด,ช่องทาง,เส้นเลือด,กระดูกและไขสันหลังซึ่งจะทำให้เกิดการทำงานของพลังคี
จางเทีย ประมาณว่าหลังจากที่ปลุกจุดชีพจรได้แล้ว ความแข็งแกร่งของเขานั้นจะน้อยกว่า เกรซ เล็กน้อย ความต่างเล็กนี้อยู่ที่ร่างกายของ เกรซ แต่ถ้าเขาต้องสู้กับ เกรซ จริงๆ งั้น จางเทีย ก็รู้สึกว่าเขาคงไม่จำเป็นที่จะแพ้ให้กับ เกรซ แม้ว่า เกรซ จะได้เปรียบเรื่องความแข็งแกร่งแต่อีกฝ่ายคงเทียบความเร็วและประสบการณ์ต่อสู้กับ จางเทีย ไม่ได้ จางเทีย ไม่เชื่อว่า เกรซ น่ะจะมี Trouble-Reappearance Fruit ให้กินซึ่งนี่คือการจำลองการสู้กับประสบการณ์เฉียดตายหลายๆรอบในพื้นที่ลึกลับ
อีกอย่างจากความเร็วของ Leakless Fruit ที่ช่วยปลุกจุดชีพจรแล้ว จางเทีย ประมาณว่าเขาสามารถปลุกจุดชีพจรอีกสองจุดก่อนที่จะจบการฝึกได้ ไม่ว่ายังไงความเร็วในการบ่มเพาะของเขานั้นเขาคิดว่าน่าจะตาม เกรซ ได้ทัน เกรซ น่ะไม่ได้นำหน้าเขานานนักหรอก ในระยะเวลาสั้นๆเขาจะก้าวผ่าน เกรซ ในทุกด้านให้ได้
แล้วการที่แข็งแกร่งขึ้นมาแล้วจะได้อะไร ? ฮี่ฮี่...แน่นอนว่ายิ่งต้องมีความสุขเพิ่มขึ้น เมื่อคิดถึงเรื่องสองสาว อลิซ และ เบเวอร์รี่ และหน้าอกโตๆของทั้งคู่แล้ว จางเทีย ก็ยิ้มออกมา เมื่อคืนนี้เขาทำเรื่อง ‘ น่ากลัวและน่ารังเกียจ ‘ กับสองสาวในความคิดของเขาไปหลายครั้ง หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน จางเทีย พบว่าจริงๆแล้วประสาทสัมผัสที่แข็งแกร่งที่เขามีนั้นจะส่งผลอย่างมากเมื่อต้องมาเจอกับสาวๆโดยเฉพาะคนสวยๆ แม้ว่าความต้องการของเขาจะยังไม่ถึงจุดสูงสุดแต่มันก็ยังแข็งแก่งอยู่ดี ถ้าพูดถึงความต้องการ แน่นอนว่าเขาน่ะคงโดนคนอื่นด่าเอาแน่ๆ
จางเทีย รู้สึกว่าชีวิตที่เขาต้องการคือนอนอยู่บนกองเงินกองทองที่มีสาวๆรายล้อมรอบตัวนั้นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ !
‘ มาเลย ! ‘ - จางเทีย กระตุ้นตัวเองพร้อมกับเดินหน้าต่อ ...
……
แต่ก่อนที่เขาจะไปถึงเมือง จางเทีย ก็นักเรียนทหาร พวกเจ้าหน้าที่ของเมืองนั้นได้มาถึงที่ปราสาทเมื่อเช้านี้ พวกเขาได้ขอให้ จางเทีย ให้ความร่วมมือกับการสืบสวน ยังไงซะ จางเทีย ก็คือคนที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์นี้อยู่แล้ว
“... นายจะบอกว่านายรู้สึกว่าบางอย่างตกลงไปในตะกร้าของนายซึ่ง แจ็กล่า นันแอบโยนกระเป๋าลงในตะกร้าของนายเหรอ ? “ - ในห้องมืดๆ จางเทีย ได้ให้ความร่วมมือกับการสืบสวนกับคนที่สวมผ้าคลุมสีดำ ในตอนที่ทำการสืบสวนนั้นคนแปลกๆหลายคนได้ยืนอยู่ที่ทางเดินนอกห้องไม่ให้ใครเข้ามาใกล้รึได้ยิน เทียบกับการที่กรรมการสืบสวนเมื่อวานแล้ว คนพวกนี้น่ะเข้มงวดกว่ามาก
“ ใช่ ประสาทสัมผัสผมน่ะค่อนข้างเฉียบคมดังนั้นเลยรูตัวตอนที่เขาโยนมันลงมาในตะกร้าในตอนที่ตะกร้าว่างด้วย พวกเขาอาจไม่คิดว่าผมรู้ตัวแต่ผมน่ะรู้ตัว ! “
“ แล้วตะกร้านายอยู่ไหน ? นายเอามาด้วยมั้ย ? “
“ ใช่ ข้างนอกทางเดินน่ะ...”
เมื่อได้ยินคำพูดของ จางเทีย พวกเขาก็ของให้ จางเทีย ไปเอาตะกร้าเข้ามา หนึ่งในนั้นได้ลองยกมันดูและแสดงความสงสัยออกมา – “ พลัวและคบไฟอยู่ในตะกร้าตอนนายอยู่ในลานเมื่อวานรึเปล่า ? “
“ ใช่ ! “
“ ด้วยการมีของพวกนี้ในตะกร้า มันจะหนักมากกว่า 10 กก. นายรู้สึกรึไงตอนที่มีคนแอบเอากระเป๋ามาใส่ ? “ - คนสอบสวนนั้นทึ่งและมองมาที่สีหน้าของ จางเทีย
“ ใช่ ! “ - จางเทีย ตอบกลับอย่างใจเย็น
“ แล้วกระเป๋าอยู่ไหน ? “
“ ตอนที่หนีไปที่เหมือง เพื่อไม่ให้โดนป้ายความผิดก็เลยโยนทิ้ง หลังจากนั้นตอนกลับมาหาก็โชคร้ายหน่อย ผมหามันไม่เจอ ! “ - จางเทีย โกหกแบบมีเหตุผล ตอนนั้นไม่ใช่ข้างในเหมืองมันมีหลุมมากมายแต่ยังมีหลายคนเข้าไปด้วย จางเทีย ไม่เชื่อว่าคนพวกนี้จะสืบสวนทุกคนและหาว่าใครเอากระเป๋าไป นอกซะจากว่าพวกนี้เป็นพวกงี่เง่า ถ้ามีคนเก็บกระเป๋าตังไป คงไม่มีใครเอามันมาส่งคืนแน่ ถ้าเป็น จางเทีย เขาก็คงไม่เอามาคืนเช่นกัน ดังนั้นมันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะหากระเป๋าตังเจอ
หลังจากที่สอบปากคำ จางเทีย เกี่ยวกับรายละเอียดแล้ว พวกนั้นก็เดินเข้าไปหากันและกระซิบบางอย่างก่อนจะพูดกับ จางเทีย – “ สิ่งที่นายบอกเรานั้นเกือบเหมือนกับที่เรารู้มากับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานแต่ฉันมีอีกคำถาม นายรู้ตัวได้ยังไงว่ามีคนพยายามจะป้ายความผิดให้นายตอนได้ยินคนตะโกนว่ากระเป๋าตังหายและบอกให้คนอื่นจับโจร ? “
“ ถ้ามีคนโยนบางอย่างใส่ตะกร้าตอนที่เดินผ่านก่อนจะตะโกนออกมาว่าของเขาหาย งั้นแน่นอนว่ามันต้องเป็นกับดัก ในเหตุการณ์นั้นนอกซะจากว่าเป็นคนโง่ ใครจะมาอยู่ให้โดนป้ายความผิด ? “ - จางเทีย มองไปที่ผู้สอบปากคำพร้อมกับทำตาโตและทำให้พวกนั้นอายนิดๆ
“ ดี เอาตะกร้าไป นายออกไปได้แล้ว ! “
เขาถือตะกร้าเขาขึ้นอีกครั้ง ชายคนนึ่งพา จางเทีย ไปที่ประตู ในตอนที่มาถึงประตู จางเทีย ก็หันกลับมาและมองไปที่คนสอบปากคำ – “ ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างอยู่ในตะกร้า ! “ - เขาหยุดเดิน จางเทีย เอาตะกร้าลงไปและเปิดมันออก เขาไม่รู้เลยว่ามีกระเป๋าตังอยู่ข้างในและหยิบมันออกมาส่งให้กับคนที่ทำท่าจะพาเขาไปที่ประตู – “ ผมไปได้รึยัง ? “
ชายคนนั้นมองไปที่คนสอบปากคำพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย – “ เราแค่ต้องการทดสอบประสาทสัมผัสนาย นายไม่ได้พูดโกหก นายไปได้แล้ว ! “
จางเทียแบกตะกร้าขึ้นมาอีกครั้งและออกจากห้องไป
……
หลังจากที่ จางเทีย ออกไปแล้ว คนสอบปากคำก็ได้ปิดประตูและกระซิบกันอีกครั้ง
“ มีปัญหาอะไรกับเด็กที่ชื่อ จางเทีย นี่รึเปล่า ? “
“ ไม่มีปัญหาอะไร เมื่อคืนเราได้ตรวจบันทึกเขาดูแล้ว ครอบครัวของเขาน่ะไม่มีคดีอะไร พ่อและแม่ก็เป็นคนธรรมดาและเขาน่ะมีพี่ชายสองคน คนแรกตายและอีกคนทำงานเป็นทหารของเมือง เขาอายุ 15และยังไม่ได้ออกจากเมืองเนื่องจากเขาเกิด...”
“ งั้น สมิหลา คงซวยเองสินะ ! “
“ ไม่มีใครถามเขาเรื่องจัดฉากนักเรียนด้วยท่าทีแบบนี้ สำหรับปัญหาใหญ่แบบนี้ เรา กระทรวงกิจการภายในคงไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อตามเช็ดก้นให้มันหรอก ! “
“ เราล้วนรู้ดีว่า สมิหลา อาจจะไม่ใช่สายลับก็ได้ ! “
“ นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมีคนอย่างน้อย 1-2 พันคนที่เชื่อว่า สมิหลา น่ะเป็นสายลับ หลังจากที่พวกเขากลับเมืองไปแล้ว พวกเขาต้องบอกข่าวนี้ให้คนอื่นได้ฟังทำให้ยิ่งมีคนมากกว่าเดิมที่เชื่อว่า สมิหลา น่ะเป็นสายลับของอาณาจักรนอแมน ! “
“ สมิหลา นี่มันโง่จริงๆ มันจัดการเด็กธรรมดาไม่ได้ด้วยซ้ำ ฉันล่ะสับสนจริงๆว่าทำไมคนโง่แบบนี้ถึงได้รับความช่วยเหลือจาก อาจารย์เอเบียน ได้ ! “
“ เด็กที่ชื่อ จางเทีย น่ะเจ้าเล่ห์มาก ! “
“ คนจีนก็มักจะเจ้าเล่ห์แบบนี้แหละ..”
“ รายงานความจริงไปให้หัวหน้า ให้คนตำแหน่งสูงตัดสินชะตาของ สมิหลา เราน่ะได้ทำสิ่งที่ควรจะทำแล้ว ! “
“ นั่นคงเป็นการดีที่สุดละ เรายังไม่รู้เลยว่าเมืองแบล็คฮ็อตและพันธมิตรอันดามันนั้นจะถูกรวมไปยังแผนที่ใหม่ของอาณาจักรนอแมนรึเปล่า เราควรทำงานให้หนักเข้าไว้ในช่วงนี้...” – ชายคนหนึ่งพูดพร้อมกับถอนหายใจออกมา
……
จางเทีย ไม่สนสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องหลังจากที่ออกมาแล้ว สำหรับเขาผลลัพธ์นี้ทำให้เขามีความสุข สมิหลา นั้นต้องการที่จะทำลายชื่อเสียงและอานาคตของเขาโดยการป้ายความผิดแต่กลับกันชื่อเสียงของมันกลับโดนทำลายแทน เขาไม่สนชีวิตของ สมิหลา ว่าจะเป็นยังไง แม้ว่า สมิหลา จะโดนลงโทษจนตาย จางเทีย ก็ไม่ได้รู้สึกผิดอะไร เขาคิดว่า สมิหลา สมควรโดนแล้ว
หลังจากเดินรอบปราสาทสักพัก จางเทีย ก็เดินลงมาจากภูเขาเดินหน้าไปที่เหมืองที่เขาใช้ไว้ทำงาน เมื่อมาถึงเขาก็ต้องแปลกใจ ปกติแล้วที่นี่จะสงบแต่ตอนนี้ปากทางเข้าเหมืองนั้นมีคนอย่างน้อย 50-60 คนแม้ว่านี่จะยังเช้าอยู่ก็ตาม พวกนี้ต่างก็แบกตะกร้าและมารวมตัวกันตรงหน้าทางเข้า เมื่อเห็นฉากที่วุ่นวายตรงหน้า จางเทีย ก็ช็อคอย่างมาก
ทำไมถึงได้มีคนมาเหมืองเยอะขนาดนี้ ?
เมื่อเห็น จางเทีย กลุ่มคนที่เอะอะกันก็เงียบลงไปทันที ! หลังจากที่มองหน้ากันแล้วพวกเขาก็มองมาที่หน้า จางเทีย ทำให้หัวใจ จางเทีย ต้องเต้นรัว - ‘ นี่เป็นพวกแฟนคลับของ อลิซ กับ เบเวอร์รี่ รึเปล่า ? พวกนี้มาอัดฉันรึเปล่า ? ไม่ ดูไม่น่าจะเป็นแบบนั้น ! แม้ว่าพวกนี้จะมาอัดฉัน พวกนี้ก็ไม่น่าจะแต่งตัวเป็นคนขุดเหมืองสิ พวกนี้อยากเข้าเหมืองไปกับฉันแล้วค่อยอัดฉันงั้นเหรอ ? ‘
จางเทีย คิดไปต่างๆนาๆ อยู่ๆก็ได้มีคนหนึ่งในกลุ่มนั้นโดนผลักออกมา
“ เพราะคนอื่นไม่พูด ฉันจะพูดเอง ! “ - ในตอนที่เขาพูด วู๊ด ก็ได้เดินเข้ามาหา จางเทีย เขาตบไปที่ไหล่ จางเทีย และพูดขึ้นมา – “ เพื่อน เราน่ะรู้ความลับนาย... “ – เมื่อได้ยินคำพูดของ วู๊ด สีหน้าของ จางเทีย ก็เปลี่ยนไปทันที เขาเข้าใจผิดคิดว่า Castle of Black Iron ของเขานั้นโดนเปิดโปงแล้ว
“ ความลับของฉัน ? ความลับอะไร ? “ - จางเทีย ทำท่าใจเย็นอยู่
“ ฮาฮา เพื่อน ไม่จำเป็นต้องปิดบังตหรอก .. “ - วู๊ด หัวเราะออกมา – “ เรารู้เรื่องที่ขุดเหมืองน่ะคือวิธีบ่มเพาะที่ยอดเยี่ยมและยังเป็นความรู้ลึกลับในบรรดาคนจีนถูกมั้ย ? “
เมื่อเห็นตาของ จางเทีย เบิกกว้าง วู๊ด ก็รู้สึกดีใจแต่ก็ยังทำท่าเคร่งขรึมอยู่ – “ เรามาที่นี่เพื่อติดตามนาย นายตกลงมั้ย? เราน่ะรู้ว่าความรู้ลึกลับและการบ่มเพาะนั้นมีค่าอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่มีใครคิดอยากทิ้งโอกาสที่จะเรียนรู้มัน เพราะเราเป็นเพื่อนกัน ถ้านายรู้สึกไม่ดีที่จะสอนเรา นายก็แค่พูดออกมานิดๆก็ได้ ถ้านายทำแบบนั้นเราจะซาบซึ้งอย่างมาก ! “
……
เมื่อเห็นสายตาพวกหื่นนี้ จางเทีย ก็มีความคิดเป็นร้อยๆอย่างแว๊บขึ้นมาในหัว