spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 101: ลิ้นพังได้แม้แต่กระดูก
จางเทียไม่สนใจ สมิหลา และหันกลับมาถาม มิสกิลิ – “ มิสกิลิ คุณบอกผมได้มั้ยว่ากรรมการนั้นคือตัวแทนของเจ้าหน้าที่ในเมืองใช่รึเปล่า ? และคุณบอกผมได้มั้ยว่ากรรมการน่ะสามารถจัดการทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการฝึกนี้ได้มั้ย ? “
“ ได้ ตราบใดที่เกี่ยวข้องกับการฝึก กรรมการน่ะจะรับผิดชอบการจัดการทุกอย่าง อำนาจของกรรมการนั้นมีบันทึกไว้ในเมืองและบอกว่ากรรมการน่ะมีอำนาจที่จะจัดการทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่และมีสิทธิที่จะใช้กฎหมายได้ด้วย ! นอกซะจากว่าเราได้รับประกาศจากทางอเมืองมาซึ่งทำให้รายละเอียดเปลี่ยนไป งั้นสิทธิและอำนาจของกรรมการก็ไม่เปลี่ยนแปลง “ – มิสกิลิ ไม่รู้เลยว่า จางเทีย วางแผนอะไรไว้ เธอได้แต่ตอบความจริงต่อเขาไปก็เท่านั้น
“ ดี ! เพราะผมได้พิสูจน์แล้วว่าผมบริสุทธิ์และไม่ใช่โจร ผมจึงขอแจ้งความกลับกับกลุ่มการค้าสมิหลาด้วยความช่วยเหลือจากกรรมการ เพราะเหตุการณ์นี้ กลุ่มการค้าได้ปฏิบัติเหมือนผมเป็นโจรและยังได้รบกวนการฝึกของผม พวกเขาได้ไล่ตามผมในที่สาธารณะและได้เข้าโจมตีผมด้วยซึ่งมันส่งผลต่อชื่อเสียงของผมและยังอนาคตอีกด้วย จากข้อกฎหมายของเมืองนั้นจะปกป้องประชาชน ผมขอให้กลุ่มการค้าสมิหลาที่เข้าใจผิดเรื่องนี้และทำให้ผมสูญเสียต้องชดใช้ให้กับผม ! “ - จางเทีย พูดขึ้นมา
“ บัดซบ แกบ้ารึเปล่าเกี่ยวกับเรื่องทำเงินเนี้ย ? ครั้งนี้แกรอดไปได้ง่ายๆแต่แกยังต้องการที่จะได้ค่าชดเชยงั้นเหรอ ? แกฝันรึเปล่า ? “ – สมิหลา ตะโกนออกมาดังๆ เพราะเขาได้เสียกระเป๋าตังไปทำให้เขารู้สึกว่าหัวใจเขากำลังมีเลือดไหลอยู่แต่ในตอนที่ จางเทีย กล้าขอค่าชดเชย เขาก็รู้สึกราวกับว่ามีเกลือได้โรยมาที่แผลตรงกลางหัวใจเขา
“ แน่นอน ผมไม่ได้บ้า ถ้าสิ่งที่ผมขอนั้นผิดกับกฎหมายของเมือง งั้นก็บอกผมที หัวหน้าสมิหลา แน่นอนผมจะได้ปรับตัวเข้ากับมันและกลับคำพูดซะ ! “ – เหมือนกับว่าเขาอยากได้เงินอยู่แล้ว จางเทีย ได้มองไปที่ สมิหลา ด้วยรอยยิ้มกวนๆ
เมื่อได้ยินคำพูดของ จางเทีย สมิหลา ก็เงียบเพราะสิ่งที่ จางเทีย พูดน่ะมีในข้อกฎหมายของเมืองจริงๆ
จางเทีย มองไปที่เด็กที่อยู่ด้านนอกแล้วตะโกนขึ้น – “ ผมรู้ว่าเมืองเราตอนนี้กำลังเผชิญกับวิกฤตซึ่งแม้แต่เมืองเองก็อาจจะตายไปด้วยแต่ในสายตาของผมแล้วกฎหมายของเมืองนั้นยังคงศักดิ์สิทธิ์อยู่และมีสิทธิ์ขาด แต่ในตอนวิกฤตแบบนี้กลับมีคนที่ทำเหมือนกฎหมายของเมืองเป็นของเล่น ! “ – เมื่อได้ยินคำพูดของ จางเทีย พวกเด็กด้านนอกก็เริ่มกระซิบกันทีละคนๆ ลิซ ใช้เสียงแปลกๆตะโกนขึ้นมา – “ กลุ่มการค้าสมิหลาคิดจะทำลายกฎหมายของเมืองรึไง ? กลุ่มการค้าสมิหลาคิดจะไปร่วมมือกับเจ้าของคนใหม่รึไง ?” – เด็กเริ่มคุยกันมากขึ้นเรื่อยๆจนหน้าของ สมิหลา เริ่มซีด เนื่องจากมีคนมากมายอยู่ตรงนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้จะไปถึงหูของคนในเมืองรึเปล่า ?
“ แก...ไร้สาระ ! กลุ่มของเราไปเมินต่อกฎหมายของเมืองตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ! “ – สมิหลา ชี้ไปที่ จางเทีย และด่าออกมา
“ ผมพูดไร้สาระเหรอ ? ? “ - จางเทีย ที่พูดขึ้นพร้อมกับยิ้มนั้นได้เปลี่ยนท่าทีเป็นเคร่งขรึมและชี้ไปที่เด็กด้านนอก – “ นักเรียนคนอื่นต่างก็เคารพกฎหมายของเมืองและเคารพสิทธิกับการอยู่นอกห้อง คุณ หัวหน้าสมิหลา ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่ได้เป็นสมาชิกกรรมการในการสอบสวนนี้ คนนอก กลับอนุญาตให้มานั่งในห้องสอบสวนได้ด้วยเหรอ การเข้ามานั่งที่นี่และบ่มพำพำตามที่คุณต้องการน่ะไม่ใช่ว่ามันเป็นการรบกวนกรรมการหรอกเหรอ ? บอกผมที ที่คุณอยู่ที่นี่...คุณไม่ได้ฝืนกฎหมายของเมืองรึไง ? “
จางเทีย ชี้และตะโกนไปที่ สมิหลาราวกับมีแรงส่งตรงไปยัง สมิหลา ให้ผงะไปหลายก้าว เขาเข้ามา,นั่งลงและพูดขึ้นในตอนที่สอบสวนเพราะเขามี อาจารย์เอเบียน คอยหนุนหลัง ก็อย่างที่ จางเทีย พูดไว้ เทียบกับอาจารย์แล้ว เขาน่ะไม่ได้มีค่าอะไรมากกว่ากรรมการเลย ในสายตาของ สมิหลา แล้วนี่เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย เขาไม่คิดว่า จางเทีย จะหาช่องโหว่งของเรื่องเล็กๆนี้สร้างปัญหาให้กับเขาได้ ในเวลาปกติแล้วเรื่องนี้คงเป็นเรื่องตลกแต่ในเมืองตอนนี้อยู่ในวิกฤต ใครบางคนจะเปลี่ยนเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่ว่ายังไงก็ตาม กรรมการเองก็เป็นเหมือนตัวเทนเจ้าหน้าที่ของเมือง ส่วน สมิหลา น่ะก็แค่พ่อค้าที่ไม่ได้มีสิทธิทางการอะไรเลย เมื่อคิดถึงปัญหาที่จะตามมา สีหน้าของ สมิหลา ก็ซีดลงมาทันทีพร้อมกับมีเหงื่อชุ่มไปทั่วตัว อันที่จริง สมิหลา นั้นก็แค่คนไม่มีอำนนาจคนหนึ่งที่รู้อย่างชัดเจนว่าคนที่มีอำนาจคงไม่สนเรื่องให้ประโยชน์นิดหน่อยกับเขาและเขาจะอยู่ได้ถ้าพิสูจน์ได้ว่าตัวเองมีประโยชน์แต่ถ้าเขามีชื่อเสียงที่แย่แล้วงั้นคนที่มีอำนาจคงเลือกที่จะทิ้งเขา ถ้าเขาสร้างปัญหาให้พวกนั้น แน่นอนว่าพวกนั้นต้องขุดหลุมฝังเขาและไม่สงสารสักนิดแน่
คำพูดของ จางเทีย น่ะเหมือนขวานคมๆที่สับเข้ามาที่จุดอ่อนของ สมิหลา ที่ที่เขากลัวมากที่สุด
“ นอกจากนี้คุณรู้มั้ยว่าคุณทำตัว ยโสมากแค่ไหน ? การฝึกเอาตัวรอดสำหรับนักเรียนจากเมืองนั้นเป็นเรื่องที่ทางเมืองให้การปกป้องมาเสมอ ระหว่างการฝึกนักเรียนที่เข้าร่วมจะต้องอยู่ในกฎของกองทัพและมีการใช้กฎสงครามของพันธมิตรเข้ามาใช้ด้วย หุบเขานี้ก็เหมือนกับแคมป์กองทัพ แม้จะเป็นแบบนั้นแต่กลุ่มการค้าสมิหลาก็ยังกล้าที่จะเมินเฉยต่อกฎหมายและธรรมเนียมของพันมิตรอันดามัน คุณกล้าที่จะมายังหุบเขานี้และพยายามที่จะจับนักเรียนที่ซึ่งเข้าร่วมการฝึก คุณไม่ได้ฝ่าฝืนกฎหมายหรอกเหรอ ? คุณได้ทำว่ากฎสงครามของพันธมิตรเป็นของไร้ค่าหรอกเหรอ ? ผมเริ่มสงสัยแล้วว่าคุณน่ะคือสายลับของอาณาจักรนอแมนที่คิดจะมารบกวนการฝึกเอาตัวรอดโดยการใช้ข้ออ้างในการจับกุมผมเพื่อสร้างความมั่นใจว่าเมืองแบล็คฮ็อตและพันธมิตรนั้นกำลังมีปัญหา ... “
เมื่อพูดจบ จางเทีย ก็เดินไปข้างหน้าเข้าหา สมิหลา คนหลังเองก็ได้แต่เดินถอยหลังพร้อมกับเหงื่อที่ผุดขึ้นมาเพิ่มและหน้าซีดลงไปอีก แม้ว่า สมิหลา จะอ้าปากแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ สิ่งที่ จางเทีย เถียงออกมานั้นเป็นจริงหมด ไม่เหลือช่องว่างให้เขาเถียงได้เลย เมื่อได้ยินคำพูดของ จางเทีย แล้วเด็กๆทุกคนต่างก็คุยกันดังขึ้น มีหลายคนเริ่มด่าออกมาโดยใช้คำว่ากบฎและสายลับซึ่งไม่นานก็เริ่มพูดกันทั่ว พร้อมกันเองสมาชิกคนอื่นๆในองค์กรพี่น้อยทะยานฟันก็ทำไปด้วย บรรยากาศตรงนี้น่ะควบคุมไม่ได้แล้ว
ตอนแรกกรรมการนั้นกลั้นหัวเราะแต่เมื่อได้ยินคำพูดของ จางเทีย พวกเขาก็ตระหนักได้ว่า จางเทีย น่ะทำให้สถานการณ์มันแย่ขึ้นไปอีก ทุกคนต่างก็แสดงทีเคร่งขรึมออกมา
ตอนนั้น สมิหลา เริ่มรู้สึกผิดในใจขึ้นมาแล้ว * “ ทำไมฉันต้องมายุ่งกับ จางเทีย ด้วย ? “ – ตอนแรกเขารู้สึกว่า จางเทีย น่ะเป็นเหมือนงูพิษแต่ตอนนี้เขารู้สึกว่า จางเทีย น่ะคือสัตว์อสูรที่พร้อมจะกลืนกินเขา
“ แกพูดไร้สาระ...พวกเขา...พวกเขาไล่แกเพราะ...เพราะแกขโมยกระเป๋าตังไง ? “ - สมิหลา เถียงกลับ การอยู่มานานทำให้ สมิหลา ไหวพริบดี - “ จากกฎหมายของเมือง ในตอนที่คนเราพบคนที่มีส่วนร่วมกับอาชญากรรม พวกเขามีสิทธิที่จะหยุดเหตุการณ์โดยมีจุดประสงค์ที่จะปกป้องคนอื่นได้ สิทธินี้เหนือกว่าเสียงของคณะลูกขุนอีก นั่นแหละว่าทำไมการแจ้งความของแกน่ะถึงได้ตกไป ! ”
“ ฮาฮา.. “ - จางเทีย หัวเราะออกมา ในที่สุดเขาก็พา สมิหลา เข้ามาสู่กับดักของเขาได้ – “ คุณพูดถูก สิทธิที่จะหยุดเหตุการ์ที่เกิดขึ้นน่ะสูงกว่าสิทธิที่คณะลูกขุนมี ถ้าผมขโมยกระเป๋าตังไปจริง งั้นกฎหมายก็จะลงโทษผมและฉายาที่ว่าเป็นสายลับนั่นก็ไม่ได้ตกไปที่คุณแต่ปัญหาคือ...ผมไม่ได้ขโมยกระเป๋าตังไง ! “
“ ตอนนี้สิ่งที่ที่แกได้พิสูจน์ว่าไม่ได้ขโมยกระเป๋าไปก็ถูกแล้ว งั้นนี่ก็หมายความว่าเป้นแค่การเข้าใจผิดและแกน่ะบริสุทธิ์ แต่เรื่องเข้าใจผิดนี้แกจะมาโทษฉันไม่ได้ ! “- สมิหลา พูดขึ้นพร้อมกับบอกให้ตัวเองใจเย็นลง
“ แล้วถ้ามันไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดล่ะ ? แล้วถ้ามีใครอยากใส่ร้ายผมล่ะ ? ถ้าคุณพยายามสร้างปัญหาในการฝึกนี้โดยใส่ร้ายผม เล็งมาที่จุดอ่อนของสิทธิของเมืองในบรรดาเด็กนับพันที่ซึ่งจะได้กลายเป็นทหารของเมืองในอนาคตและทำให้เราผิดหวังเกี่ยวกับเมืองรึเปล่า ? ถ้าเป็นแบบนั้นงั้นคุณยังกล้าบอกอยู่มั้ยว่าคุณไม่ใช่สายลับของอาณาจักรนอแมน ? คุณยังกล้าบอกมั้ยว่าคุณไม่ใช่กบฎที่มาทำลายเมือง ? “ - ในตอนที่ จางเทีย พูดคำพวกนี้ออกไป ไม่ใช่แค่สีหน้าของ สมิหลา ที่เปลี่ยนไปเท่านั้นแต่สีหน้าของทหารในกลุ่มการค้าและกรรมการเองก็บิดเบี้ยวไปด้วยและพวกเด็กด้านนอกก็ยังต้องเงียบ
ก็อย่างที่เขาพูด จางเทีย ไม่ได้ให้โอกาส สมิหลา ที่ซึ่งหน้าตอนนี้ขาวสนิท เขามองไปที่ทหารที่ซึ่งหน้าซีดด้วยเหมือนกันและ แจ็กล่า คนที่โยนกระเป๋ามาใส่ตะกร้าของ จางเทีย เขายิ้มออกมา – “ คุณรู้มั้ยว่าเมืองและพันธมิตรนั้นจัดการกับพวกเขายังไงถ้าโดนจับได้ว่าเป็นกบฎรึสายลับ ? ทั้งครอบครัวจะโดนแขวนคอ ! “ - ตอนนั้นในสายตาของทหารแล้วรอยยิ้มของ จางเทีย น่ะดูน่ากลัวยิ่งกว่าปิศาจอีก –“ นี่ยังไม่พูดถึงเรื่องที่ว่าพวกเขาคงไม่ยอมปล่อยให้ตายง่ายๆด้วย ก่อนที่จะตายคุณจะโดนจัดการโดยมืออาชีพที่ซึ่งเก่งเรื่องการสอบสวนและไม่เหลือผิวหนังเลยสักนิ้วของครอบครัวคนไหนของคุณ ผมรู้ว่าพวกเขาจัดการกับสายลับยังไงโดยน่าจะรู้ดีกว่าพวกคุณด้วย... “
“ ไม่ๆๆๆ เราไม่ใช่สายลับรึกบฏ... “ – ทหารหลายคนหน้าซีดและเริ่มพูดขึ้นมา
“ ไม่ว่าคุณจะเป็นรึเปล่ามันไม่ใช่เรื่องที่คุณจะตัดสินได้แต่มันขึ้นอยู่กับเหตุผลที่คุณจงใจใส่ร้ายผมและมันขึ้นอยู่กับเรื่องที่คุณพยายามจะสร้างปัญหาในตอนฝึกโดยการจัดฉากผม สำหรับสายลับแล้วพวกเขาคงอดทนรอไม่ไหวที่จะเห็นคนในเมืองแบล็คฮ็อตนั้นลนลานกัน... “ – “ จางเทีย มองเข้าไปในตาของทหารก่อนจะมองไปที่ แจ็กล่า เพราะถูก จางเทีย มอง ขาของพวกเขาเริ่มสั่นและ จางเทีย ก็เห็นสิ่งนั้น เขาตะโกนออกมาทันที – “ หัวของคุณจะโดนตัดแต่คุณยังคิดที่จะเงียบอยู่อีกงั้นเหรอ ? คุณอยากให้ผมรายงานไปที่กองทัพมั้ย ? ไม่จำเป็นต้องใช้สัญญาเลือดเลยด้วยซ้ำ อำนาจของเมืองน่ะสามารถจัดการขังทั้งครอบครัวคุณได้อยู่แล้ว คุณจะพูดความจริงออกมารึเปล่าล่ะ ? ตอนนี้เมืองเราน่ะกำลังเผชิญกับอันตรายครั้งใหญ่ สำหรับค่าตอบแทนเล็กน้อยจากกลุ่มการค้าสมิหลาแล้วและสายลับของนอแมน การทรยศเมืองมันเป็นอะไรที่คุณคิดว่ามันคุ้มค่าซะจนต้องสละชีวิตครอบครัวของตัวเองทั้งหมดเพื่อเขางั้นเหรอ ? “
เมื่อได้ยินคำพูดปลุกใจของ จางเทีย แจ๊กล่า ก็คิดอะไรไม่ออกอีก ในเวลาเดียวกันเขาก็ชี้ไปที่ สมิหลา และอุทานออกมา – “ ฉันจะพูด ! ฉันจะบอกทุกอย่าง ! เขานั่นแหละ ! สมิหลา บอกให้ฉันโยนกระเป๋าเงินไปในตะกร้าของนาย เขาต้องการให้ฉันป้ายความผิดว่านายเป็นโจรและจับกุมนาย... “
แจ็กล่า เป็นคนได้รับผลกระทบเรื่องนี้มากที่สุดจึงทำให้จิตใจของเขาโดนทำลายไปในทันที ในเวลาเดียวกันรกรรมการทุกคนและเด็กข้างนอกห้องก็ช็อค หลังจากนั้นทุกอย่างก็กลับไปสู่ความวุ่นวายอีกครั้ง
“ ฉันจะพูด ฉันจะพูดด้วย ! สมิหลา บอกให้เราจับนายหลังจากที่ แจ็กล่า ทำท่าว่ากระเป๋าตังเขาโดนนายขโมยและ สมิหลา นี่แหละทีต้องการให้เราทำในที่สาธารณะด้วยเพื่อที่จะให้คนจำนวนมากรู้ให้มากที่สุด... “
“ สมิหลา สมิหลา เลยที่ต้องการรบกวนการฝึกนี้ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเราเลย เราก็แค่ทหารที่อยากหาเงินไปใช้ เราไม่ใช่สายลับรึกบฎของนอแมนเลย.... “
“ สมิหลา บอกเราว่าเขาจะให้รางวัลเราถ้าเราทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ เราไม่รู้จริงๆว่าเขาเป็นสายลับที่ต้องการมารบกวนการฝึก... “
ทหารต่างก็เริ่มตัวสั่นกันทีละคนๆกลัวว่าโอกาสที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองจะหมดไป
เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกอย่างตรงหน้าของ สมิหลา ก็ดำสนิทพร้อมกับที่เขาหมดสติไปแล้วหัวฟาดลงกับพื้น
สักพักหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ครั้งใหญ่นี้ขึ้น คนด้านในและด้านนอกต่างก็เงียบ ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและผลลัพธ์ที่ไม่น่าเชื่อนั้นทำให้ทุกคนคิดอะไรไม่ออก
ในตอนนั้น กัปตันเคอร์ลิน, เซรอม, มิสกิลิ และกรรมการทุกคนอีกทั้งยังเด็กด้านนอกต่างก็มองมาที่ จางเทีย ราวกับว่าเห็นผี ทุกคนเห็นว่าไอ้นักขุดเหมืองนี่ใช้ปากตัวเองทำสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นมาโดยเปิดโปงตัวตนของ สมิหลา ทีละนิดๆว่าเป็นสายลับของอาณาจักรนอแมน
นี่มันน่ากลัวเกินไป ! น่าตื่นเต้นเกินไป ! โคตรดราม่าเลย ! สำหรับหลายคนแล้วตั้งแต่ยังเด็ก พวกเขาไม่เคยเห็นเหตุกาณ์แบบนี้มาก่อน
เซรอม นั้นเป็นคนแรกที่ตอบโต้ขึ้นมา เซรอม กระโดดออกจากหลังโต๊ะและเดินไปหา สมิหลา โดยห่างแค่เพียงก้าวเดียว สมิหลา ที่เพิ่งตื่นกลับมาและสะบัดหัวอยู่นั้นได้หมดสติไปอีกรอบด้วยการเตะอันรุนแรงของ เซรอม
“ สถานการณ์ฉุกเฉิน ! สมิหลา อาจเป็นสายลับให้อาณาจักรนอแมน เพราะเราไม่รู้ว่ากลุ่มการค้านี้อันตรายแค่ไหน นักเรียนทั้งหลายฟังคำสั่ง ! เอาอาวุธและตามฉันมา ! เราจะไปปลดอาวุธคนในกลุ่มการค้าสมิหลา... “ - หลังจากที่พูดจบ เซรอม ก็ได้หันไปหา มิสกิลิ และพูดด้วยท่าทีเคร่งขรึม – “ มิสกิลิ โปรดรายงานเรื่องนี้ไปที่เมืองทันทีและเชิญผู้เชี่ยวชาญมาสอบสวน สมิหลา ด้วย “
หลังจากที่มองมายัง จางเทีย มิสกิลิ ดูเหมือนว่าจะรวบรวมสติดได้นิดหน่อย จากนั้นเธอจึงพยักหน้า – “ ฉันจะรายงานเรื่องนี้ไปยังเมืองเอง ! “
ตอนนั้นเด็กหลายคนที่ได้เห็นเหตุการณ์ก็เริ่มตะโกนขึ้นมา – “ สมิหลา ไอ้สายลับ ! “ , “ สมิหลา ไอ้คนทรยศ.. “ – เสียงตะโกนเหล่านี้ดังก้องจนสร้างความวุ่นวายไปทั่วปราสาท
เมื่อเห็นว่ามันลงเอยแบบนี้ทุกคนรู้ว่าแม้ สมิหลา จะมีชีวิตต่อได้แต่อนาคตของเขาน่ะโดนทำลายไปหมดแล้ว..