spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 100: ความสำเร็จที่สมบูรณ์แบบ
คำพูดของ จางเทีย ทำให้หลายคนช็อค ไม่มีใครรู้เหตุผลกับคำขอของ จางเทีย
“ แกต้องการอะไร ? แกจะยื้อเวลาอย่างนั้นเหรอ ? “ – ชายที่สวมหมวกไหมเริ่มตื่นตัวและถามออกมา
“ แน่นอว่าไม่ เพราะการเป็นผู้ศรัทธาของโรงเรียนผู้พิทักษ์พระเจ้า ผมเลยสมควรที่จะได้รับการปกป้องจากโรงเรียนผู้พิทักษ์พระเจ้าตอนผมโดนจัดฉากและใส่ร้าย ผมอยากถาม ย่าเทเรซ่า คนที่เป็นหนึ่งในวิญญาณและสัญญาสายเลือดของโรงเรียนนั้น สำหรับพวกนายถ้าอยากพิสูจน์ว่าฉันผิดก็เซ็นต์สัญญาและทำสัญญาเลือดซะ ถ้าคำพูดของนายเป็นจริง งั้นแน่นอนว่าไม่มีเหตุผลจะต้องกลัวและมันก็ไม่ได้ทำร้ายอะไรนายด้วย การใช้วิธีนี้ผมจะได้ไม่ถูกใส่ร้าย ผมพูดถูกมั้ย หัวหน้าสมิหลา ผู้มีตาสามเหลี่ยมอันน่ากลัวและหัวเหมือนงูพิษ ? “
“ พรืด ! “ - มิสกิลิ กลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว เมื่อเห็นท่าทีของเธอแย่ เธอจึงรีบกลับมาทำสีหน้าเคร่งขรึม กรรมการคนอื่นๆเองก็มีสีหน้าแปลกไปหมดราวกับว่ากำลังท้ากันเองให้กลั้นหัวเราะ ทุกคนหันไปมองชายที่สวมหมวกผ้าไหม ในเวลาเดียวกันสมาชิกคนอื่นๆในองค์กรพี่น้อยทยานฝันที่ซึ่งเพิ่งมาถึงนอกห้องก็เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆล้อเลียนตาของ สมิหลา
หน้าของ สมิหลา เริ่มม่วง เขายืนขึ้นและชี้ไปที่ จางเทีย – “ ไอ้เด็กน้อย แกจะขู่ใคร? ! แกไม่มีทางได้ทำสัญญาเลือดหรอก แกแค่อยากยื้อเวลาเท่านั้น ! “
“ ครอบครัวของผมขายเบียร์ข้าวมาหลายสิบปี ตอนที่ฉันอยู่ในเมือง ทุกอาทิตย์ฉันจะเอาอาหารไปให้เด็กกำพร้าที่ ย่าเทเรซ่า ดูแล ตอนแรกพ่อของผมเป็นคนเอาไปส่ง จากนั้นก็พี่ชายและตอนนี้ก็เป็นผมเองที่เป็นคนเอาไปส่ง สำหรับคนที่ศรัทธาและรู้สึกอยากช่วยคนอื่นแล้ว ผมคิดว่า ย่าเทเรซ่า และผู้พิทักษ์พระเจ้านั้นคงไม่อยากเห็นเราโดนคนอื่นใส่ร้าย ถ้าคุณ หัวหน้าสมิหลา อยากลองเห็นผลของสัญญาเลือดและไม่กลัวที่จะโดนกลืนกินเพราะคำโกหก งั้นก็ไปลองกับผมได้ ! “ - จางเทีย มองไปที่ สมิหลา แล้วถุยน้ำลายใส่
หน้าของ สมิหลา เริ่มเปลี่ยนสี ตอนนี้ สมิหลา น่ะได้ด่าถึงบรรพบุรุษของ เบอร์วิค แล้ว สมิหลา ตระหนักได้ว่าคำพูดง่ายๆของ เบอร์วิค ที่บอกว่า จางเทีย เป็นคนที่ตะโกนสร้างเรื่องให้กับเขานั้นแน่นอนว่าเป็นกับดักที่ทำให้เขาโดดลงไปเอง ถ้าเขารู้ว่า จางเทีย เจ้าเล่ห์แบบนี้ เขาไม่มีทางที่จะตัดสินใจทำแบบนี้แน่ ตอนนี้ สมิหลา รู้สึกผิดที่ทำแบบนี้ไป
ตอนแรก สมิหลา วางแผนที่จะบอกว่าเขาเห็น จางเทีย ขโมยกระเป๋าตังไปแต่เมื่อ จางเทีย พูดถึงเรื่องวิญญาณของโรงเรียนผู้พิทักษ์พระเจ้าและสัญญาเลือด เขาก็ตกใจ สัญญาเลือดและวิญญาณนั้นไม่ได้เป็นของโรงเรียนผู้พิทักษ์พระเจ้าเท่านั้น มีหลายโรงเรียนเองที่มีสัญญานี้ ผู้ศรัทธาจะกรีดนิ้วตัวเองและเขียนสัญญาเลือดลงไปพร้อมกับภาวนา จากที่ข้อจำกัดแล้วตราบใดที่ชื่อที่เซ็นต์บนสัญญานั้นถูก คุณจะถูกกลืนกินโดยแรงอันลึกลับในสัญญานั่นและคุณจะโดนกินไปถ้าพูดโกหก ในเมืองแบล็คฮ็อตแล้วมีแค่คดีใหญ่ๆเท่านั้นที่ใช้สัญญานี้เพื่อพิสูจน์คำให้การว่าจริงรึเปล่า สมิหลา ไม่คิดว่า จางเทีย จะหาของแบบนี้ได้ด้วย เขารู้จักชื่อของย่าที่ซึ่งเป็นผู้ศรัทธาจริงๆแต่เขาไม่คิดว่า จางเทีย น่ะจะสนิทกับ ย่าเทเรซ่า
แน่นอน สมิหลา ไม่กล้าที่จะเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงกับเรื่องนี้ หลังจากที่ด่าในใจอยู่หลายรอบ เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลับไปนั่งที่เก้าอี้ด้วยท่าทีเคร่งขรึม
เมื่อเห็น สมิหลา นั่งอยู่เงียบๆ จางเทีย ก็ถอนหายใจออกมา ตอนนี้เขาทำท่าเป็นมั่นใจ เขาแค่เคยได้ยินเรื่องนี้มาจากคนอื่นและไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าจะเอามันมาใช้ได้รึเปล่าแต่มันก็เหมือนกับที่ ดอนเดอร์ สอนเขามา ในตอนที่คนกล้าสองคนมาเจอกันในทางแคบๆคนที่กล้ากว่าจะชนะแต่ถ้าคนโกหกสองคนมาเจอกัน คนที่มีความมั่นใจน้อยกว่าต้องถอยกลับไป ก็อย่างที่คาดไว้ สมิหลา น่ะมั่นใจน้อยกว่าเขา เมื่อคิดถึงคำแนะนำของ ดอนเดอร์ แล้ว จางเทีย ก็แอบทำเสียงฮึดฮัดออกมาในใจ
“ ฉันจะพูดอีกครั้ง มีใครเห็นกระเป๋าตังของ แจ็กล่า หายไปมั้ย ? “ – มิสกิลิ ถามออกมาอีกรอบ หลังจากนั้นหลายวินาทีก็ยังไม่มีใครตอบ
“ งั้นความจริงก็ชัดเจนแล้ว แจ็กล่า ไม่มีใครเห็น จางเทีย ขโมยกระเป๋าตังของนายรึไม่มีหลักฐานเลย ตอนนั้นที่นายรู้ตัวว่ากระเป๋าตังหายไป นายเห็น จางเทีย วิ่งหนีแต่ตามที่ จางเทีย บอก เขาน่ะแค่....วิ่งไปเข้าห้องน้ำ.. “ - มิสกิลิไม่อยากพูดว่า ‘ ปลดทุกข์ ‘ ที่ จางเทีย อธิบายมา หลังจากลังเลอยู่สักพักเธอก็เปลี่ยนคำพูด – “ นั่นแหละว่าทำไมนายถึงได้คิดว่า จางเทีย น่ะขโมยกระเป๋าตังของนายไปและในที่สุดนายก็มาขอให้เราช่วย แต่เพราะไม่มีหลักฐานรึพยานใดๆ ฉันประกาศว่า จางเทีย บริสุทธิ์ ! “
เมื่อได้ยินผลลัพธ์แบบนั้น สมาชิกคนอื่นๆในองค์กรต่างก็ส่งเสียงร้องดีใจออกมาที่นอกห้อง
สมิหลา กรอกตาและยืนขึ้น – “ ฉันขอค้าน คำพูดของเธอน่ะฟังดูไม่เข้าท่าเลย มีห้องน้ำข้างนอกปราสาท แล้วทำไม จางเทีย ถึงไม่เลือกห้องน้ำนั่นซึ่งใกล้เขาที่สุดแต่กลับไปเลือกเหมืองที่อยู่ไกลออกไปแทน ? “
“ ง่ายๆ ผมทิ้งกระดาษไว้ที่ในเหมือง ถ้าผมอยากปลดทุกข์แน่นอนว่าต้องกลับไปที่เหมือง ถ้าผมขี้ในปราสาท ผมของให้คุณมาช่วยเช็ดก้นแทนได้มั้ย หัวหน้าสมิหลา ? กลุ่มการค้าของคุณมีบริการนั้นด้วยมั้ย ? คุณจะบอกว่านายไม่เคยเช็ดก้นหลังจากขี้เลยรึไง ? คุณจะบอกว่าคุณใช้นิ้วเช็ดก้นรึไม่ก็ไม่ทำอะไรเลยเหมือนคนเถื่อนอย่างนั้นเหรอ ? ขี้ผมน่ะยังสดๆและใช้เป็นหลักฐานได้ คุณอยากไปพิสูจน์ด้วยตัวเองมั้ยล่ะ หัวหน้าสมิหลา... “ - จางเทีย ฮึดฮัด
เมื่อได้ยินข้อโต้เถียงของ จางเทีย เด็กด้านนอกต่างก็หัวเราะออกมา ฮิสต้า เองก็ผิวปากให้ กรรมการต่างก็กลั้นหัวเราะไม่ไหว กัปตันเคอร์ลิน และ เซรอม นั้นหน้าแดงและยินดีอย่างมากจนแสดงสีหน้าแปลกๆออกมา ครูหลายคนเองกถึงกับเอาหน้ามุดโต๊ะพร้อมกับไหล่ที่สั่นไปมาอย่างแรง แม้แต่ มิสกิลิ ที่ซึ่งรับหน้าที่สอบสวนเองก็ยังหน้าบิดเบี้ยวไปมาด้วย
ก็อย่างที่คาด สมิหลา นั้นหงุดหงิดจนกระทืบพื้น เขาชี้มาที่ จางเทีย และด่าออกมา – “ บัดซบ ! ถ้าแกไม่ใช่โจรแล้วกระเป๋าตังไม่ได้อยู่กับแก งั้นทำไมแกไม่หยุดและอธิบายเมื่อมีคนจำนวนมากไล่ตามแก ? “
“ บัดซบ ...บัดซบ...บัดซบ....ไอ้ลูกหมา.....พี่น้องแกคงถูกยิงเข้าใส่กำแพงตอนพ่อแกช่วยตัวเองและได้แห้งตายไป แล้วทำไมแกยังมีชีวิตอยู่ได้ ? บัดซบ บอกฉันทีซิ ฉันด่าแกอยู่เนี้ย รีบยอมรับว่าแกเป็นไอ้บัดซบสิ แกจะรออะไร ? “ - จางเทีย หันไปด่า สมิหลา โดยตรง ผลก็คือ สมิหลา นั้นหน้าซีดและรีบกลับลงไปนั่ง ทุกคนทั้งคนข้างในและนอกห้องต่างก็จ้องมาที่ จางเทีย ด้วยตาที่เบิกกว้าง เพราะ สมิหลา ไม่เคยโดนคนอื่นด่ามาก่อนตั้งแต่ยังเด็ก เขาได้ชี้นิ้วสั่นๆไปที่ จางเทีย และพยายามเข้าใจสิ่งที่ จางเทีย พูดมา – “ แก....แก ... แกด่าฉันว่าอะไรนะ ? “
“ ผมด่าคุณว่าอะไร ? “ - จางเทีย ทำท่าชิ้ไปที่จมูกด้วยตาที่เบิกกว้างแล้วกระพริบตาแล้วถาม – “ ผมด่าคุณเหรอ ? ฉันแค่ด่าไอ้บัดซบที่พ่นน้ำใส่กำแพงตอนที่พ่อช่วยตัวเองและได้เสียสละชีวิตตัวเองไปเหลือแค่ตัวเองที่ยังมีชีวิตอยู่ นายจะบอกว่านายเป็นไอ้บัดซบนั่นเหรอ ? “
“ บัดซบเอ้ย แน่นอนว่าไม่ใช่ฉัน ! “ - สมิหลา ตอบกลับด้วยท่าทีหงุดหงิด
“ ถูกต้อง เพราะคุณไม่ใช่ไอ้บัดซบนั่น งั้นคำด่าฉันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับแกนิถูกมั้ย ? ไม่เห็นจำเป็นต้องแสดงท่าทีแบบนี้เลย ดูสิ มีคนตั้งเยอะในห้อง งั้นทำไมนายถึงได้เป็นคนเดียวที่ตื่นเต้นแล้วลุกขึ้นมาแบบนี้ นอกซะจากว่า...นายเป็นไอ้บัดซบนั่นเหรอ ? นั่นอธิบายท่าทางของนายได้เลยนะ ฉันได้พูดชื่อนายไปมั้ย ? “
“ ไร้สาระ ฉันไม่ได้ตื่นเต้นอะไรด้วยเลย ฉันไม่ได้มีท่าทีอะไรเลย ! “ – เมื่อรู้ว่า จางเทีย เป็นคนเจ้าเล่ห์ สมิหลา ก็กัดฟันแน่นแล้วนั่งลง พยายามทำตัวเงียบให้มากที่สุดพร้อมกับตาที่มองไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ
จางเทีย ฝืนยิ้มออกมา – “ งั้น หัวหน้าสมิหลา คุณเข้าใจมั้ยว่าทำไมผมถึงไม่หยุดวิ่งตอนที่คนไล่ตาม? เพราะผมไม่ใช่โจรยังไงล่ะ ไม่จำเป็นด้วยซ้ำที่ผมต้องหยุดและตอบพวกนั้นเพราะฉันคิดว่าพวกเขาไล่ตามคนอื่น ฉันไม่ได้ทำอะไรก็เพราะฉันน่ะบริสุทธิ์ ถ้าฉันมีท่าทีอะไร ฉันคงซวยไปแล้ว ! บัดซบ บัดซบ บัดซบ หัวหน้าสมิหลา ทำไมนายถึงไม่ตอบล่ะ ? แค่ตอบสิ เห็นมั้ย ? เพราะนายไม่ใช่ไอ้บัดซบ นายเลยไม่ตอบและไม่มีใครในห้องตอบเช่นกัน เข้าใจรึยัง ? ให้ฉันอธิบายอะไรอีก ? “
เมื่อได้ยินคำพูดของ จางเทีย หน้าของ สมิหลา ก็คล้ำอย่างกับหมึก เขามองมาที่ จางเทีย เขารู้ว่าครั้งนี้ จางเทีย ได้เอาคืนเขาและได้ตระหนักว่า จางเทีย เจ้าเล่ห์อย่างมาก เมื่อคิดถึงกระเป๋าตังตัวเองแล้ว สมิหลา ก็เจ็บจี๊ดขึ้นมาอีกครั้งเพราะมันมีเงินมากกว่า 20 ทอง ! เงินของฉัน ! จางเทีย ไอ้บัดซบเอ้ย ! รอก่อนเถอะ !
“ กลับ ! “ – ทหารและ สมิหลา ยืนขึ้นจากเก้าอี้และเตรียมที่จะกลับเพราะรู้สึกว่าไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ต่อ
“ เดี๋ยวก่อน หัวหน้าสมิหลา ? “- จางเทีย พูดขึ้นช้าๆ
“ แกก็ไม่ผิดแล้วไง ยังต้องการอะไรอีก ? “ – สมิหลา ตะโกนกลับดังๆ
“ ขอบคุณนะที่พูดซ้ำ เพราะ หัวหน้าสมิหลา บอกว่าฉันไม่ผิด งั้นต้องมีบางอย่างที่นายต้องทำหน่อยล่ะ ! “
……
“ แกหมายความว่าไง ? “ - เมื่อเห็นรอยยิ้มมั่นใจของ จางเทีย อยู่ๆ สมิหลา ก็รู้สึกว่าจะต้องมีเรื่องแย่ๆเกิดขึ้น...