spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 99: การป้องกันโดยคำพูด
ในถ้ำนั้นทุกคนต่างก็จับตามองไปที่ จางเทีย ....
เขายังคงยืนอยู่จุดเดิน จางเทีย ที่ซึ่งเพิ่งจัดการทหารไปนั้นไขว้มือไว้ด้านหลังและมองอย่างเย็นชาไปที่ทหารคนอื่นๆโดยไม่สนคำพูดของเด็กๆคนอื่น จางเทีย รู้สึกว่าท่าทางเขาตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับฮีโร่เลยแต่ในสายตาของคนที่รู้จักทักษะการต่อสู้แล้ว พวกเขาเข้าใจว่านี่คือท่าทักษะซ่อนมีดที่มักจะเห็นในการฝึกมีด ด้วยการที่เอามีดไว้ได้หลังจะทำให้คนไม่รู้ว่ามีดนั้นจะออกมาจากทางซ้ายรึขวา มีดนั้นสามารถออกมาจากข้างเอวซึ่งทำให้พวกเขากลัวและเพิ่มจำนวนการเคลื่อนที่ได้มากที่สุด นี่คือแก่นของท่านี้ บางครั้งมีดที่ซ่อนอยู่นั้นอาจจะน่ากลัวกว่ามีดที่ถูกชักออกมาให้เห็น
หลังจากที่สู้กับแล้ว จางเทีย ได้ยืนอยู่ด้วยท่าซ่อนมีดทำให้ทุกคนช็อค เมื่อเห็นท่าทีเท่ๆของ จางเทีย แล้วสายตาของเด็กๆต่างก็เป็นประกาย ตอนนี้แม้ว่าคนที่สงสัยในคำพูดของเขาตอนแรกก็เริ่มที่จะเชื่อเขาแล้ว เหตุผลก็ง่ายๆและนั่นเป็นเพราะพื้นที่พลังคีของ จางเทีย และท่าท่างที่เหมือนกับท่าซ่อนมีด แทนที่จะแสดงท่าทีบริสุทธ์ เขากลับใช้การเคลื่อนที่ที่แฝงความต้องการฆ่าออกมา ใครก็ตามที่เห็นท่าทีแบบนี้จะไม่เชื่อว่า จางเทีย เป็นโจร ยังไงซะพลังวิญญาณและพื้นที่พลังคีของคนก็จะสร้างความประทับใจให้กับคนอื่นและพวกเขาก็จะเชื่อในคำพูดของคนๆนั้น
“ งั้นนี่ก็เป็นท่าซ่อนมีดจริงๆ.. “ – เด็กบางคนที่มาดูด้วยพึมพำออกมาพร้อมกับแสดงดวงตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมและบูชา จางเทีย นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นคนที่ยังเรียนอยู่ซึ่งฝึกเอาตัวรอดนั้นได้ใช้ทักษะต่อสู้ออกมาอย่างเชี่ยวชาญ ตอนนี้เด็กๆต่างก็ตั้งชื่อให้ จางเทีย และทำให้สายตาของหลายคนเป็นประกาย มันราวกับว่าเขาได้เปิดประตูและทำให้ทุกคนได้เห็นโลกใหม่
เด็กทุกคนต่างก็อึ้ง ส่วนคนที่ขุดเหมืองนั้นได้ขยับเข้ามาใกล้เพื่อดูสิ่งที่เกิดขึ้นและต้องแปลกใจ แม้ว่าทุกคนที่ทำงานเป็นนักขุดเหมืองที่นี่จะรู้จัก จางเทียแต่ไม่มีใครเลยคิดว่าเขาจะเป็นนักรบที่ยอดเยี่ยมได้ขนาดนี้ เมื่อเห็นความาสามารถของ จางเทีย แล้ว นักขุดเหมืองบางคนเริ่มมั่นใจและยืดอกตัวเองขึ้น
ทหารของกลุ่มการค้าที่ซึ่งโดน จางเทีย จัดการเอารีบรวบรวมสติตัวเอง การโจมตีของ จางเทีย นั้นไม่ได้ทำให้เขาหมดแรงใจที่จะสู้ ด้วยการที่เห็นการต่อสู้นี้ทำให้ทหารทุกคนตระหนักได้ว่า จางเทีย น่ะเจ้าเล่ห์และคงต้องใช้แรงมากกว่าเดิมในการจัดการเขา
หลังจากที่มองหน้ากันแล้วทหารของกลุ่มการค้าก็ได้ตัดสินใจออกสุดท้ายออกมา
“ ไอ้เด็กน้อย เพราะแกกล้าตอบโต้ อย่าโทษเราละกัน ! “ – คำเตือนที่หนักแน่นดังขึ้นมาพร้อมกับมีทหารเดินเข้ามาหา จางเทีย
“ แม้แต่ตอนนี้แกยังโทษฉันอีกและยังพยายามทำลายอนาคตที่สดใสและชื่อเสียงของฉัน ทำไมพ่อคนนี้ถึงต้องปฏิบัติต่อแกแบบสุภาพด้วยล่ะ ? “ - จางเทีย มองอย่างเย็นชาไปที่พวกทหารที่ซึ่งอยากจะพุ่งเข้ามาหาเขา – “ ก่อนที่จะขยับ ฉันเสนอให้แกคิดดูอีกที แกคิดว่าเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงกับค่าตอบแทนเล็กน้อยที่ทำให้ครอบครัวอยู่ต่อไปอีกนิดมันคุ้มแล้วเหรอ ? ฉันอายุแค่ 15 แกคิดรึยังว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าแกสร้างความเป็นศัตรูกับฉันด้วยเงินเล็กน้อยแค่นั้น ? ฉันรู้ว่าพวกแกน่ะฉลาดและเราก็รู้ว่าทุกอย่างมันเป็นยังไง ใครที่กล้ามาใส่ร้ายว่าฉันเป็นโจรอีก พ่อคนนี้จะฆ่ามัน ฉันจะรอดูว่าใครจะโดนฆ่าก่อนกันแน่... “
คำพูดดุร้ายของ จางเทีย ยิ่งทำให้ท่าซ่อนมีดของเขาดูโหดร้ายขึ้นไปอีก เมื่อได้ยินคำเตือนของ จางเทีย แล้วทหารที่กำลังจะพุ่งไปข้างหน้าต่างก็หยุดและเหมือนกับโดนล้างสมอง เหมือนกับพวกเขาโดนแช่แข็งตั้งแต่หัวจรดเท้า ตอนนี้มันคุ้มแล้วเหรอที่จะสร้างความเป็นศัตรูกับไอ้เด็กนี่เพียงเพื่อค่าตอบแทนเล็กน้อย ? เมื่อจำได้ถึงการโจมตี, ท่ายืนในรูปแบบซ่อนมีดของเด็กคนนี้แล้ว ทหารทุกคนก็ตระหนักได้หนึ่งอย่าง --- แม้ว่าพวกเขาจะจัดการ จางเทีย ลงได้ตอนนี้แต่พวกเขาจะจัดการ จางเทีย ได้ในอนาคตรึเปล่า ? เพราะไอ้เด็กนี่ยังโหดทั้งๆที่ยังอายุได้ 15 นแน่นอนว่ามันต้องอยู่นอกเหนือการควบคุมของพวกเขาในอีกไม่กี่ปี ถ้าพวกเขาใส่ร้ายเด็กนี่แล้วเด็กนี่ตัดสินใจที่จะแก้แค้นคืน....ทหารทุกคนโดยเฉพาะคนที่โดน จางเทีย โจมตีเอาต่างก็ช็อคกับคำพูดของเขา ถ้าพวกเขาทำให้ จางเทีย โกรธจริง พวกเขาอาจจะไม่ได้กินดีอยู่ดีเลยก็ได้
มันไม่ได้มีอะไรพิเศษกับการจัดฉากนี้เพราะทุกอย่าง สมิหลา เป็นคนวางแผนแต่ถ้าเด็กนี่มันแค้นจนทำให้พวกเขานอนหลับไม่สนิทได้เมื่อคิดว่าเขาจะมาแก้แค้น งั้นทุกคนที่เกี่ยวข้องก็ต้องกลับไปทบทวนมันใหม่ แม้ว่าค่าตอบแทนเล็กๆน้อยๆจากกลุ่มการค้าจะบังคับให้พวกเขาลงมือได้แต่ถ้าพวกเขาเสี่ยงชีวิตกับอนาคตของตัวเอง งั้นเงินตอบแทนที่ได้มานี้มันคงไม่พอ
หลังจากที่มองหน้ากันแล้ว ทหารต่างก็รู้ความคิดของกันและกัน ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ในวันนี้นั้นจะไม่ได้เป็นไปตามที่ สมิหลา วางแผนเอาไว้ ตอนแรกไอ้เด็กนี่รู้ว่าเรื่องราวมันจะเป็นแบบไหนต่อไป คนแบบนี้น่ะมีความฉลาดและความแข็งแกร่งที่น่ากลัวและมันจะดีกว่าถ้าพวกเขาไม่ไปมีเรื่องด้วย พวกเขาไม่รู้จริงๆว่าทำไม สมิหลา ถึงได้บังคับให้พวกเขามาเป็นศัตรูกับคนน่ากลัวแบบนี้
“ ไม่ว่ายังไง ฉันตระหนักได้ว่ากระเป๋าตังฉันน่ะหายตอนที่นายวิ่ง เพราะนายน่ะน่าสงสัยมากที่สุด นั่นเป็นเหตุผลที่เราวิ่งไล่ตามนายยังไงล่ะ...”
“ แกงี่เง่ารึเปล่า ? “ - จางเทีย ด่าออกมา – “ แกไปที่สถานีของเมืองแล้วดูรอบๆสิ ทุกวันน่ะกระเป๋าตังโดนขโมยที่นั่น โจรคนไหนจะวิ่งหนีทันทีเมื่อได้ยินเสียงตะโกนจากเจ้าของ ? ถ้าพวกเขาทำแบบนั้นจริง พวกเขาจะทำแค่ยอมรับสิ่งที่ตัวเองทำ ถ้านายโง่นะ งั้นฉันจะยกโทษให้ที่นายด่าฉัน แต่นายไม่สามารถมาดูถูกสมองฉันได้ ! ถ้านายทำกระเป๋าตังหายจริง งั้นฉันจะดูว่าไอ้บัดซบคนไหนในพวกนายที่กล้ามาบอกเด็กคนอื่นว่าฉันเป็นขโมย ? คนไหนที่กล้าใส่ร้ายฉัน ? “
หลังจากโดน จางเทีย ด่า ทหารทุกคนก็มีท่าทีโกรธน้อยลงและไม่กล้าพูดแม้แต่คำเดียว กลับกันพวกเขากลับมองมาที่ จางเทีย ด้วยท่าทีเหมือนกัน ถ้า จางเทีย ไม่แสดงว่าตัวเองแข็งแกร่ง งั้นคำพูดที่เขาพูดไปก็คงทำให้เขากลายเป็นตัวตลก
แต่ความจริงคือ จางเทีย น่ะได้แสดงความแข็งแกร่งและความฉลาดอันสุดยอดของตัวเองออกมาแล้ว คิดจากสิ่งที่ จางเทีย พูดและทำมา ทหารของกลุ่มการค้านั้นหมดความกล้าที่จะเป็นศัตรูกับเขาไปแล้ว
……
“ เพื่อน นายบอกชื่อของคนนั้นได้มั้ย ? เขามาขุดเหมืองกับนายได้ยังไง ? “ – เด็กผู้ชายคนหนึ่งถามคนขุดเหมืองข้างๆเขา
“ เขาคือ จางเทีย เขาน่ะทำงานที่นี่กับเราได้ 20 วันแล้ว.. “ - ในตอนที่เขาพูด คนที่เป็นนักขุดเหมืองก็มองไปที่คนถามด้วยตาที่เต็มไปด้วยงความภูมิใจ เขาลดเสียงลงอีกและพูดขึ้น – “ การกระทำของเขาน่ะมีเหตุผลตั้งแต่ที่เขาได้ฆ่าหมาป่าไปสามตัวก่อนที่จะกระโดดลงหลุมดำที่ลึกกว่า 200 ม.เพื่อให้รอดมาได้ ! “
“ อะไรนะ ? ! นายจะบอกว่า...เขาคือคนที่โดนหมาป่าเจ็ดตัวไล่เอาและกระโดดลงไปในหลุมเพื่อให้รอดน่ะเหรอ ? ! “ – คนที่ถามช็อคกับสิ่งที่ได้ยิน กลับเป็นว่า จางเทีย น่ะไม่ใช่เด็กธรรมดาเลยสักนิด ! เขาน่ะได้กลายเป็นตำนานไปแล้ว
“ แน่นอน ! “
“ ถ้าเขาฉลาดจริงทำไมถึงได้มาขุดเหมืองล่ะ ? “
“ นั่นเป็นความลับสุดยอด ! “ - คนขุดเหมืองกรอกตา
“ สุดยอดอะไร ? “ – เด็กคนนั้นเริ่มตาเป็นประกาย
“ ความลับนี้ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะไปบอกคนอื่นง่ายๆหรอก ! “
เด็กคนนั้นกัดฟันและดึงเอาเนื้อแห้ง 100 กรัมโยนให้ หลังจากได้รับเนื้อแห้งแล้วคนขุดเหมืองก็กระซิบต่อ
“ อะไรนะ ? ! นายบอกว่าการขุดเหมืองคือการบ่มเพาะที่ดีที่สุดงั้นเหรอ ? นายบอกว่า จางเทีย รู้เรื่องนี้จากการขุดเหมืองงั้นเหรอ ? นายบอกว่า จางเทีย พัฒนาความแข็งแก่รงของตัวเองได้โดยการขุดเหมืองเหรอ ? “ – เมื่อได้ยินความลับนั้นเด็กนั่นก็ช็อค มันน่าแปลกใจเกินไปแล้ว
“ หือ เงียบๆ ความลับนี้น่ะ จางเทีย บังเอิญบอกมา อย่าไปให้คนอื่นรู้ ! “
……
เด็กคนนั้นรีบพยักหน้าพร้อมกับเด็กที่อยู่รอบๆนั้นคอยแอบฟังอยู่....
ตอนนั้นด้วยคบไฟที่มีในมือได้มีคนอีกกลุ่มเข้ามาในเหมือง เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาก็รีบเดินทางไปตรงนั้นทันที
นั่นคือพวกกรรมการและเด็กบางคนที่ทำหน้าที่ที่ปราสาท เมื่อเห็นพวกกรรมการมาถึง จางเทีย และทหารเหล่านั้นก็ถอนหายใจออกมา
……
ครึ่งชั่วโมงต่อมาที่ห้องของกรรมการ จางเทีย และทหารของกลุ่มการค้าได้ยืนอยู่ที่ใจกลางห้อง ส่วน กัปตันเคอร์ลิน, เซรอม และกรรมการคนอื่นๆนั้งอยู่ด้านหลังโต๊ะ นอกจากพวกเขาแล้วยังมี สมิหลา ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ตอนนั้นข้างนอกห้องมีนักเรียนที่มารอดูว่าเรื่องจะเป็นยังไงต่อ
มิสกิลิ ที่ซึ่งรับหน้าที่ในการสืบสวนได้เรียกทุกคนที่เห็นเหตุการณ์เข้ามา เมื่อเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของ เซรอม กัปตันเคอร์ลิน เองก็เริ่มเบาใจ
“ ตามที่นายบอกมา เรื่องราวได้เป็นไปดังนี้ แจ๊กล่า เดินไปรอบๆลานกว่าครึ่งชั่วโมงก่อนจะรู้ตัวว่ากระเป๋าตังเขาโดนขโมย ตอนนั้นเขาเห็น จางเทีย วิ่งหนี ดังนั้นเลยคิดว่า จางเทีย น่ะเป็นโจร นั่นใช่มั้ยที่นายถึงได้เรียกคนให้ไล่ตาม จางเทีย ? “
“ ใช่ ....เป็นแบบนั้นแหละ “ – ทหารจากกลุ่มการค้าที่ชื่อ แจ็กล่า ตอบโดยไม่มีท่าทีมั่นใจเลย
“ ฉันจะถามอีกครั้ง ในบรรดาพวกนาย มีใครเห็น แจ็กล่า ทำกระเป๋าตังหายมั้ย ? “ - มิสกิลิ ถามขึ้นมา ทุกคนยังคงเงียบ ในตอนที่ มิสกิลิ พูดดังขึ้นและถามอีกครั้งแต่ก็ไม่มีใครตอบอะไร ตอนนั้น จางเทีย ที่เงียบอยู่นานได้มองไปยัง สมิหลา และพบถึงรอยยิ้มอันเย็นชาที่มุมปากของ สมิหลา ในตอนที่ สมิหลา กำลังจะพูด จางเทีย ก็ได้ยกมือขึ้น – “ มิสกิลิ ผมมีคำขอ เพื่อที่จะหลบเลี่ยงการโดนคนอื่นใส่ร้าย ผมขอร้องให้กรรมการให้ผมกลับไปที่เมืองเพื่อเอาบางอย่างในเหตุการณ์นี้ไปตรวจเพื่อพิสูจน์ว่าผมเป็นโจร “