spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 97: ใส่ร้าย
วันนี้ข่าวที่ว่า เบอร์วิค นำกลุ่มสิงโตของเขาซึ่งได้เข้ากล่อมกลุ่มเด็กผู้ชายของโรงเรียนแห่งที่เจ็ดให้ร่วมมือกับกลุ่มการค้าสมิหลาจากเมืองแบล็คฮ็อตได้กลายเป็นข่าวใหญ่ที่สุดในปราสาทหมาป่าขึ้นมา พวกเขายังเดินหน้าไปยังทุ่งหญ้าพระจันทร์เสี้ยวเพื่อล่าหมาป่าทองและยังไปเก็บหญ้าคอห่านอีกด้วย
เพื่อสนับสนุนพวกนั้น กลุ่มการค้าสมิหลาได้ให้อาหารมากมายและยังอาวุธ,เกราะและอุปกรณ์ต่างๆในการล่าหมาป่า ด้วยอุปกรณ์พวกนี้แล้ว เบอร์วิค และลูกน้องได้โดดเด่นขึ้นมาอย่างมาก หลังจากที่ทำสัญญากันแล้ว เบอร์วิค ที่เหมือนกับแม่ทัพก็ได้พากลุ่มสิงโตกว่า 200 คนเดินหน้าไปยังทุ่งหญ้าพระจันทร์เสี้ยว
เกือบหนึ่งในห้าของนักเรียนที่เข้าร่วมการฝึกของโรงเรียนแห่งที่เจ็ดนั้นตาม เบอร์วิค ไปเพื่อเตรียมเดินหน้าไปยังทุ่งหญ้าพระจันทร์เสี้ยวด้วย
เพราะคำสัญญาที่ให้ไว้ ในลานสาวๆหลายคนต่างก็กรีดร้องชื่อของ เบอร์วิค และมองไปที่รอยยิ้มอันวิเศษของเขาอีกทั้งยังผมสีบรอนด์ ตอนนี้ เบอร์วิค นั้นเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักเรียนที่เข้าร่วมการฝึกเอาตัวรอดว่าเป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่สุด
เพราะฉากที่วิเศษตรงหน้า มีเด็กผู้ชายหลายคนก็พลอยคึกตามไปด้วย บางคนฝันที่จะเป็นให้ได้แบบ เบอร์วิค บางคนก็อยากได้ยินเสียงเชียร์จากสาวๆ ข่าวของ เบอร์วิค นั้นได้รู้กันไปทั่วเพราะการประกาศของกลุ่มการค้าสมิหลาที่บอกว่าพวกนี้เป็นดั่งฮีโร่ เขาบอกว่า เบอร์วิค นั้นคือฮีโร่และคือคนที่วิเศษที่สุดในการฝึกนี้ในสายตาของสาวๆหลายคน
ในตอนที่ เบอร์วิค คือดวงดาวในสายตาของนักเรียนคนอื่นๆ จางเทีย ที่ซึ่งเป็นนักขุดเหมืองนั้นมองความวิเศษของ เบอร์วิค เอาไว้พร้อมกับยืนอยู่อีกข้างของลาน เขาสวมชุดขุดเหมืองชุดเดิมสามวันติดแล้ว การขุดเหมืองนั้นเป็นเรื่องยากที่จะรักษาชุดให้สะอาดและเพราะแบบนั้นเสื้อผ้าของ จางเทีย จึงเปรอะไปด้วยดิน หลังจากที่ทำงานหนักมาทั้งเช้าเหงื่อก็ชุ่มเต็มหน้าผากของเขาและยังมีรอยโคลนบนหน้าของเขาด้วย ถ้ามาอยู่ใกล้ๆเขา สาวๆต้องได้กลิ่นเหงื่อของเขาแน่ๆ เทียบกับนายพลอย่าง เบอร์วิค แล้ว จางเทีย เป็นไอ้กระจอกไปเลยซึ่งมันเป็นสิ่งที่ต่างกันอย่างมาก
จางเทีย มองไปที่พวกกลุ่มสิงโตด้วยสายตาที่เหมือนจะสงสารพร้อมกับด่าในใจ –
งี่เง่า !
ความคิดและความไร้ปราณีของ เบอร์วิค นั้นทำให้ จางเทีย ช็อคและทำให้เขาตื่นตัวไปด้วย เพราะหมาป่าระดับ 2 นั้น แม้แต่ เบอร์วิค ที่เป็นทหารระดับ 1 เองก็ควรที่จะรู้ว่าไม่ว่ากลุ่มของเขาจะร่วมมือกันได้ดีแค่ไหนแต่ถ้าพวกเขาต้องการไขกระดูกของมัน งั้นพวกเขาอาจะโดนหมาป่าทองพวกนั้นล้อมเข้าก่อนที่จะได้ล่าพวกมัน ถ้ากลุ่มทหารระดับ 0 ทำแบบนี้แน่นอนว่าต้องเป็นการฆ่าตัวตาย แม้จะเป็นแบบนั้นแต่ เบอร์วิค ก็ยังเตรียมที่จะใช้ชื่อเสียงและความไว้ใจที่คนอื่นมีพาคนไปกับเขาด้วย นี่หมายความว่าคนอื่นคือหินที่มันเหยียบซึ่งมันพร้อมที่จะสละทิ้งได้ทุกเวลา ถ้า เกรซ เป็นหมาป่าที่ดุร้ายที่ซึ่งพร้อมจะพุ่งเข้าโจมตี งั้น เบอร์วิค คงเป็นหมาป่าในคราบหนังแกะ เบอร์วิค น่ะเจ้าเล่ห์และน่ากลัวมากกว่าเพราะเขาซ่อนความต้องการและความไร้ปราณีของตัวเองเอาไว้ ทำท่าว่าไม่มีพิษมีภัย ดังนั้นชายคนนี้จึงอันตรายมากกว่าและสามารถหลอกคนอื่นได้
จางเทีย ไม่ได้ตั้งใจที่จะเข้าไปยุ่งด้วยรึไม่ได้คิดจะไปส่งข้อความแห่งความถูกต้องอีก เขารู้สึกว่าถ้าเขาพูดอีก มันคงไม่ได้ผลแล้วเพราะพวกนี้ต่างก็พากันคึกไปแล้ว ใครก็ตามที่สามารถจับหมาป่าทองรึเก็บหญ้าคอห่านได้จะได้รางวัลอย่างงามเป็นดาบสงคราม แม้ว่าค่าตอบแทนที่กลุ่มการค้าสมิหลาให้มานั้นจะน้อยอย่างมากแต่สำหรับเด็กหลายคนแล้วมันยังคงทำให้พวกเขาตาลุกวาวได้ การแลกชีวิตกับอาวุธแล้วอาจจะต้องทำให้คนอื่นเสียชีวิตไปอีกก็ได้ จางเทีย ไม่เห็นค่าการตอบแทนแบบนั้นและรู้สึกได้ว่ามันคือผลลัพธ์ของความฉลาดที่เขามีแต่เมื่อเจอกับการตอบแทนแบบนั้นแล้วเด็กหลายคนดูเหมือนจะตื่นเต้นตามซึ่งทำให้ จางเทีย หมดคำที่จะพูด บางทีเด็กพวกนี้อาจจะฝันว่าได้ไปทำงานเกี่ยวข้องกับ อาจารย์เอเบียน โดยผ่านทางกลุ่มการค้าสมิหลาถ้าหากว่าพวกเขาสามารถทำมันออกมาได้ดี บางทีอาจได้เลื่อนขั้นจนได้เป็นผู้ช่วยของ อาจารย์เอเบียน เลยก็ได้ การเป็นผู้ช่วยนั้นเป็นอะไรที่หายากอย่างมากซึ่งไม่ต่างอะไรกับการไปอยู่บนสวรรค์ ไม่มีใครไม่ต้องการที่จะเป็น หลี่ชิเซ็น คนต่อไปหรอกแต่เพราะคำสัญญานี้ให้ไว้โดยชายหมวกไหมพรมที่ชื่อ สมิหลา จางเทีย จึงคดว่ามันตอแหล แต่อย่างน้อยก็ยังมีคนเชื่อคำพูดนี้อยู่ พวกนนั้นไม่รู้ด้วยซำว่าแม้ว่า สมิหลา จะพูดจริงแต่ เบอร์วิค น่ะคือคนที่จะต้องได้รับโอกาสนั้นไม่ใช่พวกนั้น ความจริงที่ว่าหลังจากสงครามแล้วยังไงก็ต้องมีศพกองกันเป็นภูเขาแต่สุดท้ายก็มีแค่คนเดียวที่ได้รับชื่อเสียงนั้นไปก็คือแม่ทัพ !
ในสายตาของ จางเทีย แล้วนี่คือกับดักซึ่งใช้ความอ่อนแอของคน กับดักนี่คือหลุมขนาดใหญ่ซึ่งขุดขึ้นมาโดยใช้ความเชื่อใจและความโลภ การล้างสมองคนจะสามารถเห็นได้ตั้งแต่แรกเห็นแต่มักจะมีคนที่ซึ่งพร้อมโดดเข้าไปใส่มันและ จางเทีย คงหยุดพวกนั้นไม่ได้ คนอื่นตัดสินใจยังไงก็เป็นตัวเลือกของพวกนั้น ตอนนี้เขาคงไม่ไปขวางโดยเอาตัวเองไปเสียสละเพื่อความปลอดภัยของคนอื่นเป็นแน่
“ นอกจากตัวเองแล้ว ไม่มีใครรับผิดชอบชีวิตพวกนายได้ นักเรียน ฉันหวังว่าพวกเธอจะเข้าใจคำขวัญของเรียนเรียนเรา --- ยินดีต้อนรับสู่ยุคเหล็กดำ ‘ หลังจากที่อยู่โรงเรียนมาสามปี ดูเหมือนว่านายจะยังไม่เข้าใจความหมายของมัน ดูเหมือนว่าเหมือนกับที่ ดอนเดอร์ ได้บอกเอาไว้เลย ในยุคนี้สิ่งที่ดำมืดและแข็งมากที่สุดคือหัวใจคน “ - จางเทีย พึมพำขึ้นมาในใจ
……
ที่สุดในลานทำสัญญา เบอร์วิค ได้ยืนโดดเด่นอยู่ที่นั่นฝืนยิ้มออกมาและพูดด้วยท่าทีมีพลังล้นหลามมองกลับไปมาหลายครั้ง ในตอนที่เขาตระหนักได้ว่าไม่มีกรรมการสักคนที่อยู่ตรงนั้นและไม่ได้มาดูความสามารถของพวกเขา เบอร์วิค ก็ต้องผิดหวังเล็กน้อย
“ ไม่จำเป็นต้องผิดหวังไป คำแนะนำจากโรงเรียนน่ะไม่ได้มีค่าเท่ากับการรู้จักกับ อาจารย์เอเบียน หรอก.. “ – ดูเหมือนว่าจะเห็นท่าทีผิดหวังของ เบอร์วิค จึงทำให้ สมิหลา พูดขึ้นมาเบาๆที่มีแต่ เบอร์วิค เท่านั้นที่ได้ยิน โรงเรียนของทัพของพันธมิตรจะคงอยู่ต่อไปรึเปล่านั้นก็ยังเป็นเรื่องไม่แน่นอนแต่ไม่ว่าใครจะมาเป็นคนดูแลเมือง อาจารย์เอเบียน ก็สามารถที่จะได้ความเคารพจากพวกนั้นได้ เพราะความฉลาดที่นายมี นายน่าจะเข้าใจที่ฉันพูด ! “
“ ฉันรู้ว่าต้องทำอะไร ! “ – เบอร์วิค ตอบกลับเบาๆ
“ โชคดีล่ะงั้น ฉันเกือบลืมบอกไปแน่ะ มีเด็กจากโรงเรียนนายที่ชื่อ เกรซ ที่ติดต่อมาหาฉันเพราะเขาเองก็อยากได้โอกาสนี้ด้วย สำหรับว่าใครใหญ่กว่ากันในโรงเรียนนายฉันก็ไม่รู้หรอกนะ นี่แหละว่าทำไมนายเลยจำเป็นต้องทำงานหนักเข้าไว้ มีแค่คนที่ดีที่สุดเท่านั้นที่จะได้รับโอกาสนี้ไป ! “ - สมิหลา พูดขึ้นมา
“ ฉันจะพยายาม ! “ – เมื่อได้ยินคำพูดของ สมิหลา สีหน้าของ เบอร์วิค ก็บิดเบี้ยวไปเล็กน้อยก่อนจะมองไปที่ จางเทีย ที่เป็นคนไม่ได้สะดุดตา แม้ว่า จางเทีย จะดูไม่ได้โดดเด่นเพราะมีตะกร้าที่อยู่บนหลังแต่เขากลับตื่นเต้น เขาหันไปบอก สมิหลา พร้อมกับรอยยิ้ม – “ หืม ฉันเกือบลืมบอกแน่ะ คนที่สร้างปัญหาให้นายเมื่อวันก่อนคือ จางเทีย เด็กผมดำที่แบกตะกร้านั่น ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นทหารระดับ 1 แล้วและกัปตันเคอร์ลิน และ เซรอม เองก็น่าจะคาดหวังในตัวเขาด้วย ! “
หางตาของ สมิหลา เบี้ยวไปหลายครั้ง แม้แต่ตอนนี้ สมิหลา ก็ยังรู้สึกว่ามีบางคนในฝูงคนด่าเขาอยู่ สมิหลา มองไปที่ จางเทีย ที่ซึ่งอยู่ไกลพร้อมกับฝืนยิ้มออกมา – “ ดี ฉันรู้ว่าฉันต้องทำอะไร ! “
“ จงเป็นการทำงานที่ดี ! “
“ จงเป็นการทำงานที่ดี ! “
……
หลังนั้น เบอร์วิค และลูกน้องก็ได้ออกจากลานไปด้วยท่าทีอย่างกับฮีโร่ ผลก็คือเสียงเอะอะเริ่มสงบลง ในตอนที่ทีมของ เบอร์วิค จากไป พวกกรรมการได้ปล่อยประกาศออกมาว่ามีปาร์ตี้รอบกองไฟในคืนนี้ ตามประกาศสาวๆต้องร้องเพลงรึเต้นรอบกองไฟ เมื่อได้ยินข่าวเด็กผู้ชายหลายคนต่างก็ตื่นเต้น ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อเห็นประกาศนี้แล้ว จางเทีย รู้ว่านี่คือเป้าหมายของพวกกรรมการ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่อยากให้นักเรียนต้องเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงที่ทุ่งหญ้านั่น
ลานนั้นคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่อ่านประกาศแล้วพวกเด็กที่รวมถึง จางเทีย ด้วยก็กำลังจะเดินออกไป ในตอนนั้นก็มีคนเดินมาชนไหล่เขา ด้วยพลังวิญญาณที่เพิ่มขึ้นมาเจ็ดเท่านั้นประสาทสัมผัสของ จางเทีย ก็เฉียบคมขึ้นด้วย เขารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างในตะกร้าของเขาในตอนที่โดนชน ถ้าเขาเป็นเหมือนเมื่อก่อน เขาคงไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในตะกร้าเพราะตะกร้าเองมันก็หนักเพราะมีพลั่วอยู่แล้วด้วย
เหี้ย ทำไมพวกมันถึงได้น่าเบื่อแบบนี้ ? ใครจะมาเล่นเป็นเด็กที่มาโยนของใส่ตะกร้า ? ฉันหยุดเล่นแบบนี้ตั้งแต่ 8 ขวบละ ในตอนที่ จางเทีย หันกับมาดูว่าไอ้บัดซบนั่นเป็นใคร เขาก็ได้ยินเสียงหลายคนตะโกนขึ้นมาด้านหลังเขา
“ กระเป๋าตังข้า ! กระเป๋าตังข้าหายไปไหน ? ตะกี้มันยังอยู่เลย แล้วมันหายไปแบบนี้ได้ยังไง ? “
“ โจร ! มันต้องโดนขโมยไปแน่.. “
เหี้ย ! เขาคิดออกใน 0.1 วินาที เหี้ย ฉันโดนจัดฉาก ! เหี้ย ไอ้บัดซบนั่นต้องการจะหาเรื่องให้ฉัน เพราะนี่คือตะกร้าของฉัน แม้ว่าฉันจะแก้ตัวยังไงก็ไม่อาจที่จะอธิบายได้ว่าบริสุทธิ์ เมื่อเขาโดนจับได้ มันคงยากที่ จางเทีย จะอธิบายตัวเอง ดังนั้นเขาจึงได้ออกไปทันที จากนั้นเขาก็จะเปิดฉากการต่อสู้นี้ก่อนได้..
ทันใดนั้นสัญญาญาณในการหนีของ จางเทีย ก็ลดลงไปอีกครั้ง เขาไม่ได้หันหลังกลับ จางเทีย น่ะเดินไปข้างหน้าที่และวิ่งไปที่ตีนภูเขาด้วยความเร็วสูง
หลังจากที่ชายคนนั้นตะโกนแล้ว เขารู้สึกได้ว่าความสนใจมาอยู่รอบตัวเขา ในตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นมา เขาก็รู้สึกได้ว่าผู้ชายตรงหน้าเขาได้หายไป ในเวลาเดียวกันได้มีคนอื่นที่ควรเข้ามาล้อม จางเทีย และจับเขาไว้แต่นั่นก็ทำให้พวกนั้นอึ้ง – “ ไอ้บ้านั่นมันอะไรกัน ? ทำไมมันถึงหนีได้ ? ไม่ใช่ว่าเราต้องรอตรงนี้แล้วจับเขาพร้อมกับกระเป๋าตังในตะกร้าหรอกเหรอ ? แล้วทำไมถึงไม่เป็นแบบนั้น ? นี่ไม่เข้าท่าเอาซะเลย ! “
“ กระเป๋าตัง ข้า ..” – ครั้งนี้ชายคนนั้นร้องเสียงสูง ในที่สุดก็มีคนเห็น จางเทีย ตอนนี้เขาอยู่ห่างไปกว่าหนึ่งร้อยเมตรได้และกำลังวิ่งลงจากเขาไป
“ ไอ้นั่นมันเป็นโจร ! เร็วเข้า จับมันไว้ ! จับโจรให้ได้ ….. “ – ที่ลานเริ่มเอะอะกันขึ้นมาและมีคนจำนวนมากได้วิ่งเข้าไปหา จางเทีย...
สมิหลา ที่ยืนอยู่ไกลทำตาบิดเบี้ยว เขาไม่คิดเลยว่าจะเจออะไรแบบนี้ซึ่งทั้งๆที่มันควรจะสำเร็จ สำหรับคนธรรมดาอย่าง จางเทีย แล้ว ถ้าเขารู้ว่าเขาไม่ได้เป็นโจร การเจอกับเรื่องแบบนี้น่ะเขาจะไม่หนีและหันกลับมาดูด้วยความสงสัยหรอกเหรอ ? แต่ทำไมไอ้นั่นถึงหนีไปเร็วยิ่งกว่ากระต่ายอีกตอนที่ได้ยินเสียงตะโกน ? รึว่านี่คือสิ่งที่คนธรรมดาจะตอบโต้ ? นี่ไอ้เด็กนี่มันเป็นเด็กแบบไหนกัน ?
“ กระเป๋าตัง กระเป๋าตังข้า.. “ – ในตอนที่คิดถึงกระเป๋าตัง สมิหลา ก็ต้องสะดุ้ง – “ บัดซบ นั่นมันกระเป๋าตังของข้า .. “