หน้าแรก > Castle of Black Iron
Chapter 96: ความเห็นแก่ตัวของคนไม่มีอำนาจ

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

Chapter 96: ความเห็นแก่ตัวของคนไม่มีอำนาจ

บนยอดของปราสาท นอกจากธงสีฟ้าแล้วยังมีอีกธงที่ชูขึ้นมานั่นคือธงสีแดงซึ่งหมายความว่ามีข่าวสำคัญได้ถูกปล่อยออกมา  แม้ว่าจะอยู่ห่างจากปราสาทไปหลายกิโลเมตรแต่ก็ยังเห็นธงสีแดงนี้ได้

ในตอนเย็นตอนที่ จางเทีย ไปส่ง แพนโดร่า และสาวๆที่ซึ่งมากินข้าวกับพวกเขาที่ปราสาท จางเทีย ก็รู้เนื้อหาของประกาศนั้น

เทียบกับสีหน้าตกใจของสมาชิกคนอื่นๆ จางเทีย ได้เตรียมใจกับข่าวนี้แล้ว  ในตอนที่หุบเขานั้นเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองแต่ไม่มีเลยสักคนที่รู้ว่า จางเทีย นี่แหละที่เป็นทำให้เรื่องนี้รู้กันไปทั่วทั้งเมือง  เหตุการณ์นี้คือหัวข้อที่พูดคุยกันมากที่สุดทั้งในหุบเขาหมาป่าและเมืองแบล็คฮ็อต  สำหรับตัวตนที่ส่งจดหมายนี้ไปแล้วยังไม่มีใครสามารถรู้ได้แต่รัฐบาลนั้นพยายามที่จะหาตัวคนๆนั้นอยู่แต่สุดท้ายแล้วก็หาตัวไม่ได้เพราะคนที่ว่าได้ส่งจดหมายที่กล่องจดหมายตรงลานของเมือง  มันกลับเป็นความลับที่ไม่มีวันรู้  มีแค่เมื่อเหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นมาถึงได้ทำให้ทุกคนรู้ว่าโจรผ้าพันคอแดงนั้นเตรียมการเป็นอย่างดีกับกลุ่มการค้านิวเมียนเพื่อที่จะยึดครองเมืองแบล็คฮ็อตทั้งภายในและภายนอกซึ่งตอนนี้ได้แอบซ่อนอยู่ในตำแหน่งที่ห่างจากเมืองไป 150 กม.  ในตอนที่กลุ่มการค้านิวเมียนได้จัดการกองทัพของเมืองแบล็คฮ็อตและได้ถูกเปิดโปง โจรผ้าพันคอแดงได้ล่าถอยกลับไปที่จุดซ่อนตัวแล้วไปอยู่กระจุกกันอย่างกับฝูงหมาป่าและเมื่อมันปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง พวกมันได้สร้างภัยพิบัติที่เมืองแลนซ์และมีส่วนเกี่ยวข้องกับราชวงศ์อาทิตย์และนำไปสู่การเผชิญหน้ากันกับพันธมิตรอันดามัน

“ ผู้ส่งคำเตือนที่ลึกลับ “ – นี่คือชื่อเล่นที่ จางเทีย ได้รับมาตอนที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น บางคนบอกว่าคนๆนี้คือคนที่เริ่มเหตุการณ์ในเมืองแบล็คฮ็อตซึ่งเป็นโจรที่เป็นส่วนหนึ่งของโจรผ้าพันคอแดง  บางคนบอกว่าเขาคือนักสู้ระดับท็อปที่ซึ่งใช้ชีวิตเก็บตัวอยู่ในเมือง  บางคนบอกว่าเขาคือศัตรูการเมืองของ มาแชลหลินชางเจี๋ยง แม่ทัพของกองทัพฝ่ายเหนือของนอแมน ....มีคำพูดมากมายแต่จริงๆแล้วเขาก็เป็นแค่เด็กผู้ชายธรรมดาในเมืองแบล็คฮ็อตที่ซึ่งตอนนี้กำลังฝึกเอาตัวรอดอยู่ในหุบเขาหมาป่า  ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาเพิ่งทำลายบุคคลที่ซึ่งได้มาปลุกปั่นเด็กๆในการทำยาฟื้นฟูด้วย

บางครั้งข่าวลือก็มีหลักฐานยืนยันด้วยเหตุผลที่หนักแน่นและก็ยังมีโอกาสเป็นไปได้มากายและดูเหมือนว่ามันจะเป็นจริงแต่ความจริงน่ะเป็นสิ่งที่ดราม่าสุดๆ  ชีวิตประจำวันของคนเราะไม่ได้เปิดโอกาสให้มาอ้างอิงเหตุผลมากเท่าไหร่ นี่คือเรื่องที่โด่งดังซึ่งส่งผลกระทบไปทั่ว 

จางเทียเรียนรู้ทฤษฎีเรื่องการส่งผลกระทบจากโรงเรียนมา เมื่อเขาได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในเมือง จางเทีย ก็ตระหนักได้ว่าเขาน่ะทำสิ่งที่ถูกแล้ว หลังจากเดินไปชนเข้ากับ ฮัค ที่ซึ่งโดนเขาฆ่า  เขาได้เปลี่ยนแปลงหลายสิ่งไปอย่างมากมาย

แค่สิ่งเล็กๆก็เปลี่ยนรายละเอียดและทำให้การเดินหน้าของแผนต่างๆช้าขึ้นแต่อาณาจักรนอแมนและราชวงศ์อาทิตย์นั้นได้เดินหน้าเข้ามาหาพันธมิตรอันดามันและเมืองแบล็คฮ็อตแล้ว  มันเหมือนกับกงล้อขนาดใหญ่ที่ไม่อาจหยุดได้  แค่เพียงเริ่มต้นมันก็ได้สร้างผลกระทบอันใหญ่หลวงกับหุบเขาแห่งนี้แล้ว

หลายคนที่นี่ต้องไปรับใช้กองทัพหลังจากที่เรียนจบซึ่งหมายความว่าพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับกองกำลังทั้งสองฝ่าย อาณาจักรนอแมนและราชวงศ์อาทิตย์  และบางทีพวกเขาอาจจะต้องสู้กับกองทัพของทั้งสองประเทศในสนามรบ  ดังนั้นนักเรียนทุกคนที่เข้าร่วมการฝึกนี้ก็เหมือนกับแบกภาระไว้บนโชคชะตาของพวกเขา  การเผชิญหน้ากับสิ่งที่เข้ามาและอนาคตที่ไม่แน่นอนมันทำให้หลายคนรู้สึกสับสนและกลัว

คืนนี้นอกจาก จางเทีย แล้วทุกคนในองค์กรต่างก็พยายามบ่มเพาะทักษะหมัดเหล็กโลหิต  พวกเขายังคงฝึกต่อไปจนกว่าพวกเขาจะหมดแรง

อันที่จริง จางเทีย น่ะคิดเรื่องนี้มาสักพักแล้วแต่ในตอนที่เขาเห็น แบกแดด ที่จ้องมาที่เขาพร้อมกับฝึกท่าพยัคฆ์นอนพร้อมกับมีเส้นเลือดที่หน้าผากปูดออกมา  จางเทีย ก็ได้แค่ทำท่าหมดแรงก่อนที่จะนอนลงที่พื้น  สิบวินาทีหลังจากที่ จางเทีย ‘ ยอมแพ้  แบกแดด ที่ซึ่งทนไม่ไหวอีกต่อไปก็ต้องถอนหายใจออกมาและเลิกฝึก  สำหรับ แบกแดด แล้ว ถ้าเขาไม่สามารถเป็นนักสู้ที่เก่งที่สุดในองค์กรได้ งั้นมันก็จะเป็นการหยามเกียรติของเขามาก

พระจันทร์สองดวงนั้นสาดแสงอยู่บนท้องฟ้า --- หนึ่งคือพระจันทร์เสี้ยวสีเงิน อีกอันนั้นคือพระจันทร์เต็มดวงสีฟ้าซีด  อันหนึ่งใหญ่ ส่วนอีกอันเล็ก แสงจันทร์ที่สาดลงมานั้นครอบคลุมไปทั่วทั้งหุบเขาเป็นชั้นๆที่สวยงาม  นอกจากพระจันทร์แล้วยังมีดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้าที่ส่องประกาย เสียงหมาป่าเห่าหอนนั้นดังไปทั่วทั้งหุบเขาซึ่งมันทำให้หุบเขาแห่งนี้ดูน่ากลัวขึ้นมา

สมาชิกในองค์กรนั้นนอนอยู่ที่พื้นและมองไปยังท้องฟ้านานกว่าสิบนาที

“ ถ้าฉันโดนฆ่าในสนามรบ บางคนที่ยังมีชีวิตอยู่ต้องจำไว้ว่าอย่าลืมเอาเงินบำนาญฉันส่งให้ครอบครัวเพราะมันจะทำให้น้องชายอยู่สบายขึ้น  ! “ -ชอร์วิน เปิดปากพูดขึ้นมา   ชอร์วิน น่ะดีแทบทุกด้านยกเว้นแค่เขาขี้กังวลเกินไป

“ นายน่าจะมีชีวิตอยู่ ถ้านายตายเราก็แค่ใช้เงินเก็บของนายไปนอนกับผู้หญิงและให้พ่อบัดซบและน้องชายของนายไปลงนรก ! “ - ฮิสต้า ด่าออกมา

“ บ้าเอ้ย ! “- ชอร์วิน ด่ากลับก่อนจะหัวเราะออกมา

“ ฉันได้ยินมาว่ากองทัพเขาเหล็กของ หลินชางเจี๋ยง และขนพฤกษาของราชวงศ์อาทิตย์น่ะบ้าคลั่ง  นายคิดว่าเราจะต้องเจอกับพวกนั้นมั้ย ? “ – ดั๊ก พูดขึ้นมาแบบสลด

“ อย่าตื่นตูมไป เราไม่น่าจะโชคร้ายที่จะต้องสู้กับกองทัพของอาณาจักรนอแมนรึราชวงศ์อาทิตย์  สำหรับกองทัพของพันธมิตรแล้ว กองทัพสองอันก่อนหน้าน่ะสุดยอด ไม่ว่าฝ่ายไหนก็แข็งแกร่งกว่าพันธมิตร เพราะความต่างที่ยิ่งใหญ่นี้ ถ้ามีการต่อสู้จริงๆ พันธมิตรน่ะแพ้อย่างแน่นอน  เนื่องจากพวกรวยๆที่มีอำนาจน่ะกลัวตายกว่าเรา ฉันคิดว่าสงครามคงไม่เกิดแน่  สำหรับพันธมิตรแล้วนี่คือสงครามที่นำไปสู่ความพ่ายแพ้และพวกเขาคงไม่กล้าเสี่ยงชีวิตตัวเอง  เด็กสองคนที่มีความแข็งแกร่งเท่ากันจะต่อสู้กันเพื่อแย่งลูกอมแต่ผู้ชายที่แข็งแกร่งจะไม่ต่อสู้กับเด็ก  นี่ยังไม่ต้องคิดถึงเรื่องชายสองคนที่มารุมเด็กหรอก .. “ – ลิซ ที่นอนอยู่กับพื้นพูดขึ้นมา

“ หืม ฉันรู้สึกว่าคำพูดของ ลิซ น่ะมีเหตุผล  เราไม่จำเป็นต้องรู้สึกเครียดเลย !  “ - แบร์ลี่ พูดขึ้นมาเพิ่ม

“ แม้ว่าสงครามจะไม่ได้เกิดแต่พันธมิตรนั้นก็ไม่ได้มีอนาคตที่สดใส  ในประวัติศาสตร์สมาคมแบล็คซอนแล้วมันประกอบด้วย 70 เมืองแต่จำนวนนั้นได้ลดลงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายแล้วทุกเมืองก็มองเห็นแค่หนึ่งในสองผลลัพธ์เท่านั้น อย่างแรกคือการโผล่มาของคนที่มีพรสวรรค์ที่ซึ่งสามารถรวมทุกเมืองเป็นประเทศเดียว  อีกอย่างคือเมืองต่างๆแตกออกจากกัน  สำหรับพันธมิตรแล้วคงไม่มีคนที่มีพรสวรรค์โผล่ขึ้นมาและในสายตาของพวกเขาแล้วอาณาจักรนอแมนและราชวงศ์อาทิตย์คงไม่ปล่อยให้รวมประเทศได้ ดังนั้นผลลัพธ์สุดท้ายสำหรับพันธมิตรและเมืองแบล็คฮ็อตก็คงต้องรวมกับอาณาจักรนอแมนไม่ก็ราชวงศ์อาทิตย์  เมื่อรวมกันแล้วเขตนี้จะต้องเจอกับการกดขี่ไปอีกหลายสิบปี  ถ้าเรื่องนี้จัดการด้วยสันติไม่ได้ งั้นถ้าเราไม่ตายในสนามรบงั้นเราก็คงไม่ได้มีชีวิตที่ดีเช่นกัน.. “- ชอร์วิน พูดต่อในแง่ร้าย

เมื่อได้ยินคำพูดของ ชอร์วิน  ทุกคนก็เงียบลงไปอีกครั้ง   ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาเพราะรู้ว่า ชอร์วิน น่ะพูดได้น่าเชื่อถือและปฏิเสธไม่ได้

“ งั้นนายจะบอกว่าถ้าเราไม่ใช่พลปืนใหญ่ในสนามรบ งั้นเราคงเป็นทาสหลังจากที่ประเทศของเราตาย  หืม แม้ว่าพันธมิตรและเมืองแบล็คฮ็อตจะไม่ได้ถือว่าเป็นประแทศแต่มันก็เกือบเหมือน ! “ - ฮิสต้า พูดขึ้นด้วยท่าทีสลด

“ สำหรับเรื่องนั้น ฉันรู้สึกว่า..มันคงต้องจัดการแบบสันติ ! “ - แบร์ลี่ พูดขึ้นด้วยท่าทีไม่มั่นใจและมีเสียงเบา

“ แต่ ฉันรู้สึกเสมอว่ามีอะไรแปลกๆ  พันธมิตร,ราชวงศ์อาทิตย์และอาณาจักรนอแมนน่ะสงบสุขมานานกว่าครึ่งศตรวรรษ ดังนั้นทำไมถึงได้มาก่อเรื่องเอาในเวลาเดียวกันด้วย ? “- ดั๊ก พูดตรงประเด็น

เมื่อไม่รู้เหตุผล ตอนที่เขาได้ยินคำพูดของ ดั๊ก   อยู่ๆ จางเทีย ก็คิดถึงกระรอกที่กำลังยุ่งอยู่กับการเก็บถั่วในต้นไม้เพื่อให้รอดในหน้าหนาว

“ ไม่ว่าเหตุผลอะไร ถ้ามันไม่ได้เกี่ยวกับเรา เราจะรู้เองในไม่ช้า นั่นแหละว่าทำไมเราถึงไม่จำเป็นต้องคิดให้เปลืองสมอง.. “ - แบกแดด พูดออกมาอย่างกระอักกระอ่วน – “ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเราตอนนี้คือพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเอง อย่างที่พวกนายรู้ในยุคนี้น่ะคนที่ไม่มีความแข็งแกร่งก็ไม่ได้มีอิสระ  ถ้าเรามีความแข็งแกร่งพอที่จะควบคุมชะตาตัวเองได้ ถ้าเราฝึกทักษะหมัดเหล็กโลหิตนี่ดีๆ งั้นทำไมเราต้องกังวลเรื่องคำถามน่าเบื่อพวกนั้นด้วย ? “

“ ไอ้หัวโต  ทำไมนายถึงเงียบจัง  ? นายไม่กังวลเหรอ ... “ - แบร์ลี่ ที่นอนอยู่ที่พื้นหันหน้ากลับมาถาม จางเทีย

“ ฉันคิดว่านายพูดถูกแต่บอกจริงๆเลยนะ ฉันไม่สนเกี่ยวกันอนาคตของเมืองรึพันธมิตร  ฉันไม่ได้มีความรับผิดชอบอะไรกับโชคชะตาของพันธมิตรและเมือง  ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่อยากให้ครอบครัวฉันต้องเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อพวกมันและฉันเองก็จะไม่เสียสละด้วย   ฉันมีความต้องการไม่กี่อย่างในชีวิต  ตราบใดที่คนรักของฉันอยู่ดี ฉันมีเงินพอและอยู่กับผู้หญิงที่ฉันรัก แค่นั้นฉันก็พอใจแล้ว..” - เขามองไปที่ดาวบนฟ้า จางเทีย ฝืนยิ้มออกมา  สิ่งที่เกิดขึ้นกับเมืองและพันธมิตรนั้นทำให้เขาช็อคอย่างมาก  แม้ว่าเขาจะเปลี่ยนความเร็วในการเกิดมันได้แต่เขาก็ตระหนักได้ว่าไม่ได้เปลี่ยนผลลัพธ์สุดท้ายของมัน  อย่างน้อยๆโชคชะตาของคนรักเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด  นี่เป็นความรู้สึกของความหงุดหงิดและไร้พลังที่คนไม่มีอำนาจจะรู้สึกได้

คำพูดของ แบกแดด น่ะจริง  แทนที่จะมาหวังว่าโลกจะเป็นแบบที่ตัวเองคิด มันจะดีกว่าที่ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นเพราะนั่นคือความแข็งแกร่งที่แท้จริง  ในทางกลับกันเรื่องอื่นๆน่ะไร้สาระ   สำหรับ จางเทีย เองแล้วถ้าเขาต้องการที่จะแข็งแกร่ง เขาแค่พึ่ง Castle of Black Iron และต้นไม้เล็กๆข้างใน

แม้ว่า จางเทีย จะไม่เคยคิดว่าตัวเองเห็นแก่ตัว  แต่ Castle of Black Iron และต้นไม้เล็กๆนั้นทำให้เขารู้สึกได้ถึงความเห็นแก่ตัว  ถ้ามองยุคนี้เป็นล้อที่กลิ้งไปข้างหน้า  จางเทีย รู้สึกว่านอกจากตัวเขาเองแล้วคนอื่นที่สามารถกระโดดออกจากเส้นทางและอยู่ในโลกของตัวเองได้น่ะจะโดนกงล้อนั้นไล่ตาม   โลกที่ จางเทีย อยู่นั้นเองก็มีกงล้อซึ่งเป็นของ จางเทีย เท่านั้น แม้ว่ามันจะเล็กเอามากๆแต่ จางเทีย ก็พอใจที่จะผลักมันไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่มากกว่าของคนอื่น  ไม่นานคนอื่นก็คงถูกเขาทิ้งไว้ข้างหลัง  จางเทีย รู้สึกว่าเขาไร้หัวใจนิดๆ  แม้ว่าคนอื่นจะกังวลเรื่องอนาคตของเมืองและพันธมิตรแต่เขาน่ะแค่คิดเรื่องตะกร้าตัวเองที่ทำการเติมแร่แล้วเอาเข้าไปใส่ Castle of Black Iron เพื่อที่จะเพิ่มพลังงานให้กับมัน  ตอนที่คนอื่นกังวลว่าจะกลายเป็นทาส    จางเทีย คิดเรื่องเงื่อนไขที่เขาจะจบการฝึกนี้ไปให้ได้ – “ บ้าเอ้ย ! มันรู้สึกไม่ดีเลยที่จะซิงอยู่ในกลุ่มพวกนี้  “ – อันที่จริง จางเทีย น่ะไม่คิดว่าโชคชะตาของพันธมิตรและเมืองนั้นสำคัญไปกว่าการขลิบของเขา  - “ นี่ฉันเห็นแก่ตัวเหรอ ? ถ้านี่ถือว่าเป็นการเห็นแก่ตัว งั้นฉันเลือกที่จะเห็นแก่ตัว  ใครจะมาตัดสินอนาคตของพันธมิตรกับเมืองและอนาคตของฉันอันไหนมันสำคัญกว่ากัน ? ใครมาตัดสินเรื่องการเป็นอยู่มาสำคัญกว่าความสุขทางเซ็กส์ของฉัน ? ใครมาตัดสินว่าคนตัวเล็กๆอย่างฉันต้องมาคิดเรื่องยากๆเหมือนพวกมีอำนาจแต่ไม่มีความสุข ? เหี้ย ฉันจะทำสิ่งที่ฉันต้องการและฉันจะมีความสุขกับตัวฉันเอง แล้วไงวะ ? ! “

ในสถานการณ์ตอนนี้มันราวกับว่ามีคนโป๊มากมายที่พยายามดิ้นรนวิ่งเข้าไปในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยหิมะเพื่อที่จะรอดจากพายุหิมะที่ไล่ตามพวกเขา  ในทางกลับกัน จางเทีย น่ะนั่งอยู่ข้างในรถไฟและกินสุกี้อยู่ ปล่อยให้คนอื่นด้านหลังทิ้งไว้แล้วขับรถไฟออกไปเรื่อยๆ  นี่เองก็เป็นการใช้ชีวิตอีกแบบที่ซึ่งสร้างขึ้นมาได้เพราะ Castle of Black Iron และต้นไม้เล็กๆนั่น   ถ้าเขาไม่มี Castle of Black Iron งั้น จางเทีย ก็คงเป็นเหมือนคนอื่น  เขาคงเป็นคนที่วิ่งไปกับคนอื่นเพื่อหนีสิ่งที่ไล่ตามมา โชคดีที่เขามี Castle of Black Iron ซึ่งทำให้เขานั่งอยู่บนรถไฟและกินสุกี้ต่อไปได้อย่างสบายใจ  ถ้าเขาสามารถสนุกกับมันได้ งั้นทำไมถึงไม่สนุกกับมันล่ะ ? ใครก็ตามที่มีสมองปกติก็คงทำกันแบบนี้หมด !

……

ในวันนี้คือตาของ จางเทีย ที่ต้องมานั่งเฝ้ายามกะแรกในตอนเย็น  เขานั่งพิงอยู่ในหลุมบนต้นไม้  จางเทีย มองและฟังสิ่งรอบข้าง ในตอนที่คิดภาพลูกคิดขึ้นมาในหัวและฝึกคำนวณในใจ เขาก็ฝึกการกระบวนการต่างๆในการคำนวณ  เขายังทำการลบเลขจาก 1-1000  เขาทำการคูณเลขสองหลักกับเลขสามหลักและยังมีเลขสองหลักกับเลขสี่หลัก  เขาได้ทำทั้งการหารด้วย  กว่าหลายวันที่ผ่านมา จางเทีย ไม่ได้เลิกฝึกการคิดเลขเลยและผลก็คือเขาสามารถพัฒนาทักษะการคำนวณของตัวเองขึ้นไปได้เรื่อยๆ ตอนนี้แค่มองเขาก็ได้คำตอบขอการบวกรึลบเลขสามหลักได้เลย และการคูณรึหารระหว่างเลขสองตัวก็ไม่ใช่ปัญหา อีกอย่างประโยชน์ของการฝึกยังทำให้เขากระตุ้นตัวเองได้,พลังวิญญาณของเขาเองก็เพิ่มขึ้น เทียบกับพลังวิญญาณที่เขามีก่อนที่จะเข้ามาฝึกเอาตัวรอดแล้ว ตอนนี้มันเพิ่มขึ้นมาได้ 2%

ในตอนที่ แบร์ลี่ จะมาเปลี่ยนกะกับเขาในกะที่สอง จางเทีย ก็ปีนกลับลงมาไปที่โพรงของตัวเองเพื่อกลับไปนอน  เมื่อเห็น จางเทีย แล้ว แบร์ลี่ สงสัยอย่างมาก  ในตอนที่คนอื่นดูเหนื่อยในตอนเช้าหลังจากเฝ้ายามแล้วแต่ชายคนนี้กลับกระปรี้กระเปร่าได้ยังไง ? เป็นไปได้มั้ยว่าเขาปรับตัวกับชีวิตกลางคืนได้แล้ว ?

หลังจากที่ฝึกคิดเลขในใจเสร็จ จางเทีย ก็นอนลงกับพื้นแต่เขายังไม่นอน เขากลับเพิ่มพลังวิญญาณของตัวเองไปยัง Trouble-Reappearance Fruit เพื่อพาเขาไปสู่โลกจำลองอีกครั้ง...

……

นี่ก็เป็นเย็นวันเดียวกัน,ที่หุบเขาเดียวกัน,เส้นทางเดียวกันและทุ่งหญ้าเดียวกันที่หมาป่านั้นจะพุ่งออกมาใส่เขา จางเทีย โบกมีดไปมาใส่พวกมัน...

หลายนาทีต่อมา หมาป่าทั้งสามตัวได้กลายเป็นศพอีกรอบ เมื่อมองไปที่บาดแผลที่มือของเขาที่ถูกเขี้ยวของหมาป่าตัวหนึ่งทิ้งเอาไว้ จางเทีย ก็ต้องส่ายหน้า...

ตูม...

ทุกอย่างกลับกลายเป็นเศษเสี้ยวอีกครั้ง

……

1 นาทีต่อมาหลังจากที่ จางเทีย เพิ่มพลังวิญญาณเข้าไปใน Trouble-Reappearance Fruit เพื่อใช้งานฉากนั้นอีกรอบ  จางเทีย ก็ได้เข้าไปในฉากนั้นเป็นรอบที่สองของคืน

นี่ก็เป็นเย็นวันเดียวกัน,ที่หุบเขาเดียวกัน,เส้นทางเดียวกันและทุ่งหญ้าเดียวกัน......

ครั้งนี้ จางเทีย ได้เปลี่ยนกลยุทธ์ ก่อนที่หมาป่านั้นจะพุ่งออกมา จางเทีย ได้พุ่งเข้าไปสู้กับพวกมันแทนแต่หลังจากที่ลองแล้ว จางเทีย ก็ตระหนักได้ว่าหญ้ามันต้านการเคลื่อนที่ของคนมากกว่าหมาป่า  อันที่จริงหมาป่าน่าจะได้เปรียบเมื่ออยู่ในหญ้า ผลก็คือการต่อสู้นี้ จางเทีย ก็ต้องกลัวความตายและความเจ็บปวด....

……

จางเทีย ตื่นเต้นกับฉากที่ได้เห็นและรีบเข้าไปอีกรอบ,....

จางเทีย ทำแบบเดิมซ้ำจนพลังวิญญาณเขาหมดลง  ในตอนที่เขาใช้ Trouble-Reappearance Fruit ไม่ได้อีก เขาก็นอนหลับลงไป

……

สมาชิกคนอื่นในองค์กรนั้นไม่รู้ว่าชายที่นอนอยู่ข้างๆนั้นพบกับประสบการณ์เฉียดตายมาแล้วกว่า 8 รอบซึ่งเวลานั้นผ่านไปแค่ 30 นาทีตั้งแต่ที่เขาแลกมา  ในการต่อสู้หลายครั้งนั้น จางเทีย ได้รับบาดแผลน้อยลงกว่าแต่ก่อนและหมาป่าสามตัวได้ตายลงเร็วยิ่งกว่าเดิม...

ก่อนที่เขาจะหลับ หนึ่งสิ่งที่ปรากฏมาในหัวของเขา --- บางทีฉันควรจะโดดเข้าหลุมดำอีกรอบในวันพรุ่งนี้และดูว่ามันจะรู้สึกแบบไหนกัน.....

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.