หน้าแรก > Castle of Black Iron
Chapter 88: หมัดเหล็กโลหิต

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

Chapter 88: หมัดเหล็กโลหิต

ยาที่ใช้รักษาแผลที่ขาของ จางเทีย นั้น กัปตันเคอร์ลิน เป็นคนเอามา ทุกๆสองวัน กัปตันเคอร์ลิน จะมาเยี่ยม จางเทีย และเอาห่อยาเล็กๆมาใส่ที่แผลของเขา ไม่รู้ว่ามันเป็นผลของยารึต้นไม้ใน Castle of Black Iron  จางเทีย พบว่าการฟื้นตัวของแผลที่ขานั้นเร็วอย่างมาก  ครั้งที่สองที่เขาทายานี่  จางเทีย ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ไม้เท้าเดินอีกต่อไป ในตอนที่เขาทายานี่เป็นครั้งที่สาม จางเทีย ก็สามารถวิ่งได้แล้ว

ในตอนที่ กัปตันเคอร์ลิน มาเยี่ยมครั้งที่สาม เมื่อเห็นชายตาเดียวพยักหน้าให้และนั่งยองๆเพื่อดูแผลของเขา จางเทีย ก็รู้ว่าเวลาวันหยุดที่เหลือในปราสาทนั้นน้อยลงไปแล้ว  ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ จางเทีย ตระหนักได้ว่าชายตาเดียวนั้นใจดีกับเขามาก  บางครั้งไอ้โหดยังมาคุยกับ จางเทีย ด้วยทำให้ จางเทีย รู้สึกอึ้งสุดๆ

“ หลังจากที่ทายาครั้งนี้แล้ว แกน่าจะสบายดีแล้วและออกปราสาทได้ในวันพรุ่งนี้  อย่าคิดทำท่าป่วยเพื่ออยู่ที่นี่ต่อ  แกน่าจะรู้ดี ถ้าแกสนใจและดูแลแผลดีๆงั้นมันจะเป็นแค่แผลเป็น ! “

“ อื้ม ผมรู้ ... “- จางเทีย มองอย่างจริงใจไปที่ไอ้โหด – “ กัปตันเคอร์ลิน ผมขอบคุณมากที่ดูแลผม มีคำพูดจีนบอกว่าถ้าคุณหยดน้ำทุกวันงั้นจะได้น้ำพุกลับมา   คุณได้ช่วยชีวิตผมไว้ แน่นอนว่าผมจะไม่มีวันลืมแน่ ! “

เมื่อได้ยินคำพูดของ จางเทีย ไอ้โหดก็อึ้งก่อนที่จะยิ้มออกมา – “ เด็กน้อย แกคิดจะช่วยฉันยังไงด้วยสภาพแบบนี้ ? นักสู้ระดับ 1 อย่างแกน่ะเข้าได้แค่กองปืนใหญ่ระดับต่ำสุดเท่านั้น ! “

“ แม้ว่าผมจะช่วยตอนนี้ไม่ได้แต่ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตจะทำไม่ได้  มนุษย์น่ะอยากพัฒนาตัวเองตลอด ! “ - จางเทีย อุทานออกมา

“ ดี แกมีความคิดที่ดี ! “ - กัปตันเคอร์ลิน ยกย่อง – “ การหนีที่แกเคยอธิบายในห้องนั้นทำให้ฉันประทับใจในตัวแก แต่ฉันไม่คิดว่าแกจะเก่งเรื่องหนีขนาดนี้ แต่ถึงยังไงแกคงหนีไปตลอดไม่ได้  มีหลายสถานการณ์ที่แกไม่มีตัวเลือกนอกจากต้องสู้  ในตอนที่เจอกับสถานการณ์ตอนนั้นแกจำเป็นต้องมีพลังและความสามารถในการต่อสู้เพื่อที่จะรอดไปได้  เมื่อต้องเจอกับหน่วยหอก ระดับ 4 ด้วยคำสั่งของผู้บัญชาการแล้วแกก็ต้องเข้าไปสู้  แกต้องทำตามคำสั่ง   ด้วยความสามารถของแกตอนนี้ ตัวเลือกเดียวของแกมีแต่พุ่งไปข้างหน้าในฐานะพลปืนใหญ่เพื่อซื้อเวลาให้ผู้บัญชาการของแกคิดแผน ตอนนั้นแกคิดว่าแกจะหนีได้เหรอ ?  “

จางเทีย เงียบสักพักก่อนที่จะปฏิเสธออกอมา – “ ไม่ ผมทำไม่ได้ ! “

 “ งั้นแม้ว่าแกจะหนีได้เป็นร้อยครั้งแต่ตราบใดที่เจอสถานการณ์แบบนั้นเข้า แน่นอนว่าแกต้องตายแน่  ในฐานะผู้ชาย, นักสู้ แกไม่ควรที่จะใช้ความสามารถในการหลบเลี่ยงศัตรู แกควรใช้ความสามารถของแกทำลายพวกนั้น ! ถ้าแกอยากมีประโยชน์ในอนาคต ความแข็งแกร่งตอนนี้ยังไม่พอ  แกต้องบ่มเพาะอีก.. “ - ตอนที่ กัปตันเคอร์ลิน พูดแบบนั้นเขาก็ดึงหนังสือออกมาจากเสื้อและโยนไปที่มือของ จางเทีย – “ ฉันได้หนังสือนี้มาจากสนามรบ  แม้ว่ามันจะไม่ได้มีค่ามาก แต่มันก็ไม่ใช่หนังสือธรรมดา  อย่างน้อยมันก็ดีกว่าทักษะต่อสู้ที่แกเรียนจากโรงเรียนมาและดีกว่าที่แกจะได้เรียนในกองทัพ  นี่คือของขวัญของฉันให้แก  มันจะขึ้นอยู่กับแกแล้วว่าแกจะเรียนรู้มันจนชำนาญได้รึเปล่า ! “

จางเทีย อึ้งเมื่ออ่านที่ปกหนังสือ < ทักษะหมัดเหล็กโลหิต > ดูเหมือนว่านี่จะเป็นทักษะที่ดี

จางเทีย กลืนน้ำลายตัวเอง ในเวลาเดียวกันเขาก็คิดถึงคนอื่นในองค์กร เขาถามขึ้นมา – “ กัปตันเคอร์ลิน ผมบอกเรื่องนี้...หนังสือนี้กับคนอื่นได้มั้ย ? “

“ ได้ แกทำได้ แต่แกไม่ควรให้คนรู้เกี่ยวกับมันเยอะเกินไป ! “

“ ทำไม ? หนังสือนี่มีความรู้ลึกลับเหรอ ? “

“ บอกตรงๆเลยนะหนังสือนี่คือความรู้ลึกลับระดับสูงแต่เพราะมีหลายคนฝึกมัน มันจึงกลายเป็นของธรรมดา ไปแต่เพราะบางเหตุผล  แม้ว่าทักษะนี้จะถูกเรียนรู้โดยหลายคนแต่แกควรที่จะไม่แพร่งพรายมัน ! “

“ ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ? “

“ ทักษะต่อสู้นี้คือทักษะที่จักรพรรดิ์ของอาณาจักรนอแมนเรียนรู้มาจากทวีปตะวันออกตอนที่เขาเดินทางไปที่นั่นตอนเด็กๆ  ในอดีตนั้นมีแค่คนระดับสูงในอาณาจักรนอแมนเท่านั้นที่มีสิทธิเรียนรู้มัน  จนกระทั่งสงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งที่สองระหว่างมนุษย์และสัตว์อสูรเกิดขึ้น ตอนนั้นทักษะนี้ได้กลายเป็นทักษะที่นักสู้ทุกคนของนอแมนนั้นฝึกกัน   หลังจากนั้นหลายร้อยปีก็ไม่ได้มีข้อห้ามอะไร  แม้แต่ในสมาคมแบล็คซันเองก็มีหลายคนฝึกทักษะนี้... “ – เมื่อพูดแบบนั้น กัปตันเคอร์ลิน ได้มองมาที่ จางเทีย  - “ นี่เป็นทักษะหมัดที่แปลกอย่างมาก บางคนสามารถชำนาญมันได้ บางคนไม่ได้อะไรจากมันเลย  นักสู้ระดับสูงเกือบทุกคนของกองทัพอาณาจักรนอแมนและคนระดับสูงนั้นต่างก็เก่งกับทักษะนี้ แต่มีไม่กี่คนในสมาคมแบล็คซันที่ชำนาญมัน   มีหลายคนที่ทำได้แค่ทำให้ร่างกายตัวเองแข็งแกร่งขึ้นและพัฒนาทักษะหมัดตัวเองมาได้เล็กน้อยโดยฝึกทักษะนี้   พวกเขาขึ้นไปถึงระดับต่ำสุดของทักษะนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ ! “

“ เป็นแบบนั้นได้ยังไง ? พวกเขาฝึกคนละแบบกันรึเปล่า ? “

“ แน่นอน หนังสือนี่น่ะเหมือนกันแต่พวกมันก็ต่างกันหลายอยน่าง ต่างคนผลลัพธ์ก็ต่างกัน .. “- ชายตาเดียวฝืนยิ้มออกมาและพูดต่อ – “ แกเคยได้ยินเรื่องพลังคีรึเปล่า ? “

“ ใช่ ผมเคยได้ยิน มันคือสัญลักษณ์ของนักสู้ระดับ 6 ขึ้นไป

“ งั้นแกว่าทักษะคีมาจากไหน ? “ – ชายตาเดียวถามต่อ

จางเทีย ส่ายหน้า

“เดี๋ยวแกก็รู้เรื่องนี้เองในอนาคต แต่ไม่เป็นไรหรอกที่ฉันจะบอกกับแกตอนนี้ อย่างที่แกรู้ร่างกายมนุษย์น่ะลึกลับมาก  มันบรรจุพลังทั้งเจ็ด --- พลังของคี, พลังของเลือด, พลังของตำแห่นง, พลังของช่องทาง, พลังของกระดูก, พลังของไขกระดูกและพลังวิญญาณ  ในตอนที่แกขึ้นไปถึงระดับ 4 ได้นอกจากจุดชีพจนแล้วแกก็จะปลุกจุดชีพจรอีก 3 จุดบนกระดูกสันหลัง ในเวลาเดียวกันพลังคี,พลังเลือดและพลังกระดูกก็จะทำงาน  หลังจากที่ฝึกฝนแรงทั้งสามนั้นจะรวบกันเกลายเป็นแรงที่ถูกซ่อนไว้อันใหม่ขึ้นมา  ในสายตาของผู้เชี่ยวชาญหลายคนแล้วนี่คือตอนที่คนเราจะถือว่ามีแรงต่อสู้จริงๆขึ้นมา  ในตอนที่ขึ้นไปถึงระดับ 5 พวกเขาจะเปิดการใช้งานพลังคี,พลังเลือด,พลังกระดูก  หลังจากที่ฝึกฝนพวกเขาจะสามารถรวมแรงทั้งหกเข้าด้วยกัน และพัฒนาแรงลับนั้นให้กลายเป็นแรงที่แท้จริงซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคนที่กลายมาเป็นนักสู้เต็มตัว  นั่นแหละหว่าทำไมทหารระดับ 5ถึงสามาถพัฒนามาเป็นนักสู้ได้... “

แม้ว่า กัปตันเคอร์ลิน จะบอกเขากับเรื่องที่ดูธรรรมดาสำหรับคนอื่นแต่มันก็เป็นหัวข้อที่น่าทึ่งสำหรับ จางเทีย ที่ซึ่งเพิ่งเคยได้ยินมันเป็นครั้งแรก  ตอนนี้เขาเพิ่งรู้ว่ามาตรฐานของการบ่มเพาะนั้นแบ่งเป็นแบบนี้ – “ นี่คุณจะบอกว่าพลังคีนั้นได้ผลิตนักสู้ที่รวมพลังของพลังวิญญาณให้เป็นพลังที่แท้จริงงั้นเหรอ ? “

“ ใช่ ถ้าแกต้องการที่จะก่อพลังคีขึ้นมา แกต้องรวมพลังทั้งเจ็ดในตัวของแก  นี่คือจุดก่อตั้ง  นอกจากการรวมแรงทั้งเจ็ดแล้วแกต้องใช้พลังคีที่แข็งแกร่งจำนวนที่พอเหมาะซึ่งจะรวมพลังทั้งเจ็ดเข้าด้วยกันก่อนที่แกจะก่อพลังคีขึ้นมาได้  ในตอนที่เพิ่มไประดับหนึ่ง  แรงนั้นจะปรากฏออกมาจากตัวของแกเรียกว่าทักษะคี  นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมหลายคนถึงพบกับช่วงเวลาที่ยากลำบากใหนการฝึกหมัดเหล็กโลหิต   คนส่วนมากที่ฝึกทักษะนี้จะไม่สามารถก่อทักษะคีออกมาได้ ดังนั้นแล้วทักษะนี้จึงไม่ได้มีภัยกับพวกนักสู้ระดับสูงเลยสักนิด  นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมีหลายคนยอมแพ้ในการฝึกทักษะนี้หลังจากที่ขึ้นมาอยู่ระดับ 6....”

“ แล้วแรงที่ถูกซ่อนกับแรงที่แท้จริงล่ะ ? มันยากที่จะก่อรูปร่างพวกนั้นขึ้นมาเหรอ ? “

“ แน่นอน ! “ -  กัปตันเคอร์ลิน พยักหน้า  - “ แรงเหล็กโลหิตที่ถูกต้องกับแรงเหล็กโลหิตที่แท้จริงนั้นมีสองขั้นที่แกต้องฝ่าไปให้ได้  นอกจากพวกระดับสูงของอาณาจักรนอแมนแล้ว มีแค่หนึ่งในร้อยคนเท่านั้นที่สามาถฝึกทักษะนี้แล้วสามารถก่อพลังเหล็กโลหิตลับออกมาได้ และมีแค่หนึ่งในสิบเท่านั้นที่สามารถก่อแรงที่แท้จริงของเหล็กโลหิตออกมาได้  จากหนึ่งในสิบนั้นมีอย่างมากก็หนึ่งในยี่สิบรึสามสิบคนที่สามารถเปลี่ยนแรงที่แท้จริงนั้นให้กลายมาเป็นทักษะคีได้.. “

จางเทีย ยังคงนิ่งอยู่ก่อนจะถามออกมา – “ งั้นคุณจะบอกว่า 1 ใน 20,000-30,000 คนที่ฝึกทักษะนี้ที่สามารถก่อทักษะคีขึ้นมาได้และกลายมาเป็นนักสู้ระดับสูงที่แท้จริงงั้นเหรอ ? “

กัปตันเคอร์ลิน ตาเบิกกว้างและตอบกลับ – “ แน่นอน ถ้าไม่ใช่เพราะความยากของมัน ทุกคนในโลกคงกลายเป็นนักสู้ระดับสูงไปแล้ว  ถ้ามันง่ายล่ะก็แม้ว่า 1 ใน 100 ของนักสู้ในระดับนอแมนคงสามารถก่อพลังคีออกมาได้ง งั้นพวกนั้นคงจัดการสมาคมแบล็คซันทิ้งไปแล้ว  อย่าคิดว่าทักษะนี้มันง่ายที่จะชำนาญมันได้  หมัดเหล็กโลหิตนั้นแข็งแกร่งเพราะพลังลับและแรงที่แท้จริงและทักษะคีนั้นสุดยอดมากกว่าแรงลับ,แรงที่แท้จริงและทักษะคีใดๆ   ผู้บ่มเพาะคนไหนที่ชำนาญทักษะนี้จะกลายเป็นคนสุดยอดของระดับนั้นๆ  ถ้าเราเอาสองคนที่สามารถก่อแรงลับขึ้นมาได้ คนที่ใช้ทักษะนี้จะแข็งแกร่งอย่างน้อย 5 เท่าของอีกฝ่าย “

“ ทรงพลังขนาดนั้นเลยเหรอ ? “ - จางเทีย อึ้งเล็กน้อยก่อนจะมีคำถามแว๊บขึ้นมาในหัว  - “ กัปตันเคอร์ลิน คุณฝึกมันไปได้ไกลแค่ไหน ? คุณก่อพลังคีของทักษะนี้มาได้รึยัง ? “

หลังจากถามแล้ว จางเทีย ก็รู้สึกผิดเล็กน้อย  ก็อย่างที่เขารู้ กัปตันเคอร์ลิน ไม่เคยแสดงทักษะหมัดให้คนอื่นดู งั้นเขาคงก่อมันขึ้นมาไม่ได้

แน่นอนว่าไอ้โหดได้ยินคำถามของ จางเทีย   หน้าของไอ้โหดแดงขึ้นเล็กน้อยและมองมาที่ จางเทีย และตอบด้วยท่าทีหงุดหงิด – “ ไม่ ฉันฝึกทักษะสิงโตคลั่ง ก่อนหน้านี้ฉันเกือบจะก่อแรงลับของเหล็กโลหิตมาได้แล้ว ถ้าฉันชำนาญทักษะหมัดเหล็กโลหิตและก่อทักษะคีของมันได้ งั้นพันธมิตรอันดามันคงเชิญฉันไปหาแล้ว  ตอนนี้ฉันแค่กัปตันธรรมดา  ถ้าฉันชำนาญทักษะนี้ ฉันคงถูกเลื่อนขั้นเป็นนายพล   แม้ว่าจะไม่ใช่ในพันธมิตรอันดามัน แม้แต่ในอาณาจักรนอแมนก็ยังมีคนรับฉันเข้าไปแน่   ตราบใดที่แกสามารถก่อแรงลับของทักษะนี้มาได้ งั้นแกก็จะถูกเลื่อนขั้นเป็นร้อยโทอันดับสอง  สำหรับคนที่อยากเลื่อนขั้นมาเป็นร้อยโทอันดับสองแล้วพวกเขาต้องอยู่อย่างน้อยก็ระดับ 6  ส่วนคนที่สามารถก่อแรงลับของทักษะเหล็กโลหิตขึ้นมาได้น่ะจะถูกเลื่อนชั้นเป็นร้อยโทอันดับสองตอนที่อยู่ในระดับ 4   นี่แหละคือวิธีปฏิบัติต่อคนที่ก่อพลังทักษะนี้ขึ้นมาได้ในกองทัพของอาณาจักรนอแมน   ถ้าแกไม่อยากฝึกมันก็เอามันคืนมา ฉันจะเอาไปให้คนอื่น  แม้ว่าทักษะนี้จะไม่สามารถก่อตัวขึ้นมาได้แต่ทักษะหมัดของมันก็ยังมีประโยชน์... “ - กัปตันเคอร์ลิน ทำท่าจะเอามันคืน

“ ไม่เอาสิ ... “ – เมื่อได้ยินคำพูดของ กัปตันเคอร์ลิน   จางเทีย ก็รีบซ้อนหนังสือในเสื้อทันที  เขายิ้มออกมาและทำท่าชมอีกฝ่าย – “ กัปตันเคอร์ลิน คุณต้องได้หนังสือนี่ช้าเกินไปแน่เลยพลาดโอกาสที่จะบ่มเพาะมันซึ่งทำให้คุณไม่สามารถก่อทักษะคีของเหล็กโลหิตได้   ในทางกลับกันคนในอาณาจักรนอแมนน่ะโชคดีเพราะเริ่มฝึกตั้งแต่ยังเด็ก  ถ้า กัปตันเคอร์ลิน เริ่มฝึกพร้อมกันนะ แน่นอนว่าคุณต้องทำมันได้แน่ “

เมื่อได้ยินคำชมของ จางเทีย   กัปตันเคอร์ลิน ก็ดีใจเล็กน้อย  หลังจากที่คุยกันอีกนิดหน่อย กัปตันเคอร์ลิน ก็ออกจากห้องไปแล้วปล่อยให้ จางเทีย ได้พักผ่อน

หลังจากที่ กัปตันเคอร์ลิน ออกไปแล้ว จางเทีย ก็เริ่มอ่านหนังสือหน้าแรกด้วยแสงจากตะเกียงที่อยู่ในห้องแต่มีคำพูดจีนตอนต้นของหนังสือทำให้ จางเทีย ต้องช็อค --- ทักษะหมัดที่แข็งแกร่ง ในตอนที่คนเราทุ่มแรงสุดตัว คนนั้นจะได้รับแก่นของทักษะไป !

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.