spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 86: ตื่น
เขารู้สึกคันที่หน้าแข้งตัวเองนิดๆ ในที่สุด จางเทีย ก็ได้ตื่นขึ้นมา เขาลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เขาได้เห็นคือหลังคาสีเขียว หลังจากที่คิดสักพักเขาก็จำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา
หมาป่า....หลุม....กลิ้งและการช็อคที่ทำให้เขาหมดสติไป
“ ฉันยังมีชีวิตอยู่เหรอ ? “ - จางเทีย หยิกหน้าตัวเองและรู้สึกเจ็บขึ้นมา เขาแตะไปทั่วตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าและพบว่าไม่มีอะไรหายไปแม้แต่ไอ้จ้อนก็ยังอยู่ดี มีแค่แผลซึ่งไม่ได้หนักหนาอะไร นับได้ว่าเขายังปกติดีอยู่
“ ฮาฮา.. “ – เขานั่งอยู่ที่เตียงแล้วหัวเราะออกมา
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของเขาแล้วประตูห้องก็ได้เปิดออกพร้อมกับมีชายกำยำเดินเข้ามา – “ ไอ้หัวโต แกฟื้นแล้ว !ดีจริงๆ ! ฮาฮา ! “
คนที่พุ่งเข้ามานั้นกด จางเทีย ลงที่เตียงและทำให้ จางเทีย รู้สึกเจ็บที่หน้าแข้ง – “ อ่า ! ไอ้ห่า ขาฉัน ! นายกดขาฉันอยู่...”
เมื่อได้ยินเสียงร้องยอง จางเทีย ดั๊ก ก็รีบออกจากตัว จางเทีย ทันทีและยืนอยู่ข้างๆ เขาเกาหน้าอย่างกับคนโง่และได้ขอโทษ – “ โทษๆ ฉันขอโทษ ฉันลืมไปว่าหน้าแข้งนายเจ็บ... “
ตอนนี้หน้าผากเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อและหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บ หลังจากสูดลมหายใจได้สองครั้ง เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาก – “ ฉันอยู่ไหน ? ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ ? “
“ พวกเราอยู่ด้านนอกปราสาท วันที่นายตกไปในหลุม กัปตันเคอร์ลิน กับ คุณเซรอม น่ะลงไปในหลุมในเย็นวันนั้นแล้วช่วยนายออกมา นายน่ะโชคดีจริงๆ ฉันได้ยินมากว่าลึกเกือบ 200 ม. ในตอนที่ กัปตันเคอร์ลิน กับ เซรอม ลงไปได้ 200 ม. พวกเขาก็เจอนาย ในตอนที่เจอก็พบว่านายมีแผลและอยู่ในช่วงโคม่า ดังนั้นเลยส่งนายมารับการรักษาที่นี่ มีแค่คนที่ได้รับบาดเจ็บหนักและไม่สามารถขยับได้เท่านั้นที่จะได้รับการรักษาแบบที่นายได้ตอนนี้.. “ - ดั๊ก บอกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อนออกมา
มีแต่พวกบาดเจ็บหนักที่ได้รับการรักษาแบบนี้ ? จางเทีย มองไปรอบๆและพบว่าห้องขนาดใหญ่นี้มีเตียงมากกว่า 10 เตียงไม่มีใครนอนอยู่ มันเหมือนกับโรงพยายบาล มีกลิ่นยาอยู่ในห้องด้วย ตัดสินจากที่เห็นแล้ว จางเทีย ตระหนักได้ว่ามันคือหน่วยปฐมพยาบาลจริงๆ คนที่มาอยู่ที่นี่ได้ก็คงเป็นคนบาดเจ็บ
“ ฉันโคม่านานเท่าไหร่ ? “
“ ถ้ารวมกับเย็นสองวันก่อนและเมื่อวานแล้วนายหลับไป 2 วัน !
“ ฉันโคม่าอยู่ 2 วันเลยเหรอ ? “ - จางเทีย แปลกใจในตอนที่ได้ยินคำตอบ – “ โอ้ แล้ว เซรอม นั่นใคร ? “
“ ใช่ นายโคม่ามาสองวัน เซรอม ก็คือคนที่รับผิดชอบของโรงเรียนแห่งที่สอง นายน่าจะประทับใจในตัวเขานสะ เขาเป็นคนผอมๆผิวซีดดูกวนๆ “ – ตอนที่ ดั๊ก พูด จางเทีย ก็เห็นคนที่อีกฝ่ายอธิบายเดินเข้ามาในห้อง
จางเทีย รีบให้สัญญาณ ดั๊ก ด้วยสายตาว่ามีคนเข้ามาในห้องและดึงเสื้อเพื่อให้สัญญาณด้วยแต่ ดั๊ก น่ะโง่ในช่วงวิกฤตแบบนี้ เขาไม่รู้เลยว่า จางเทีย ต้องการจะสื่ออะไร เขากลับถามขึ้นมาแทน
“ นายดึงฉันทำไม ? ฉันไม่ได้พูดอะไรผิด ฉันพูดจริงนิ เซรอม น่ะดูกวนและตอนเขายิ้มมันทำให้คนขนลุก ..”
“ ถ้าเป็นตอนอื่นนายบอกว่าฉันดูกวนงั้นฉันก็เข้าใจได้ว่านายน่ะอิจฉาหน้าหล่อๆของฉันแต่ตอนนี้ถ้าบอกว่าฉันกวนจริงๆงั้นฉันคงพอเข้าใจได้ว่านายน่ะกำลังด่ากรรมการอยู่นะ ! “ - เซรอม พูดขึ้นพร้อมเดินเข้ามาในห้อง
จางเทีย อดไม่ได้ที่จะทักขึ้นมา – “ คุณเซรอม ! “
เมื่อได้ยินแบบนั้น ดั๊ก ก็หน้าซีด หลังจากที่ส่งสายตาให้ จางเทีย แล้ว เขาก็หันกลับไปและพูดขึ้นแบบตะกุกตะกัก – “ คุณเซ---เซรอม ! “
“ แกคือ ดั๊ก ถูกมั้ย ? แกบอกฉันสิ...ตอนที่กฎสงครามทำงานแล้ว เด็กที่ด่ากรรมการจะถูกจัดการยังไง ? “ – เซรอม ยิ้มกวนๆออกมา
เมื่อได้ยินคำถามของ เซรอม ตัวของ ดั๊ก ก็สั่น ปากของเขาพะงาบๆไปมาจนฟันกระทบกัน ตอนที่กฎสงครามใช้งานนั้นคนที่ด่ากรรมกาจะโดนลงโทษโดยส่งเข้าคุก ที่แย่ที่สุดคือตาย
จางเทีย เองก็กลัวจนหน้าซีด – “ คุณเซรอม ดั๊ก เขา... “-
เขาเดินมาหาทั้งคู่และ เซรอม ก็ได้เตะเข้าที่ก้นของ ดั๊ก ทำให้กระเด็นออกไป – “ นี่คือการลงโทษ..... “
ดั๊ก ตอนนั้นโล่งใจขึ้นมาทันที หลังจากที่โดนเตะแล้วเขารีบวิ่งหนีไปที่ประตูแล้วหันหน้ามาหา จางเทีย พร้อมกับยิ้มก่อนจะหนีไปให้เร็วที่สุด
เซรอม นั้นไม่ใช่คนเลว นี่คือความประทับใจแรกที่ จางเทีย มีให้ โดยทั่วไปแล้วครูจะเตะก้นเด็กเป็นเรื่องหยอกๆไม่ใช่เรื่องแย่อะไร
“ ขอบคุณ คุณเซรอม ดั๊ก บอกผมเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ผมกำลังจะไปขอบคุณพอดี ! “ - จางเทีย พูดขึ้นพร้อมกับพยายามลุกขึ้นจากเตียง
“ ไม่เป็นไร นายไม่ต้องขยับหรอก นายยังต้องพักฟื้นให้ขาหายอีกสัก 2 วัน แล้วก็ไม่จำเป็นต้องขอบคุณฉัน ถ้ามีเด็กตายเยอะเกินระหว่างการฝึกครูเองก็เสียหน้าไปด้วย ! “ - เซรอม เอามือยื่นเข้ามาเพื่อห้ามไม่ให้ จางเทีย ลุก ก่อนที่จะนั่งอยู่ข้างๆเตียง – “ ถูกต้อง วันนั้นนายตัดสินใจว่าจะโดดลงไปในหลุมเพื่อเอาตัวรอดได้ยังไง ? ตอนนั้นตัวเลือกส่วนมากของคนน่ะจะเลือกวิธีที่ต่างจากนาย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องหลุมนั่นลึกแค่ไหน การจะกระโดดลงไปต้องใช้ความกล้าอย่างมากไม่น้อยกว่าการเผชิญหน้ากับหมาป่าด้วยตัวคนเดียวด้วย เพราะความไม่รู้นั้นทำให้คนเรากลัว หลุมนั้นน่ะน่ากลัวแม้แต่สำหรับคนที่แข็งแกร่งกว่านาย แม้แต่พวกนั้นก็ยังไม่กล้าโดดลงไป “
เมื่อได้ยินคำถามของ เซรอม จางเทีย ก็อายขึ้นมานิดๆและเกาหน้าตัวเองพร้อมกับบอกสิ่งที่เขาคิดในตอนนั้น – “ ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมแต่วันนั้นตอนผมเห็นหมาป่าพุ่งออกมา นั่นคือสิ่งที่ผมคิด ผมรู้ว่าความหวังเดียวที่จะรอดไปได้คือหลุมนั่น ผมรู้ว่าชีวิตผมขึ้นอยู่กับ 20 วินาทีนั้น ในตอนนี้นผมรู้ว่าถ้าวิ่งไปทิศทางอื่น ผมคงโดนฆ่า นั่นแหละคือที่ผมคิดและเหตุผลที่ผมทำแบบนั้น มีปัญหาอะไรรึเปล่า คุณเซรอม ? ”
“ ไม่ นายทำได้ค่อนข้างดีเลยและไม่มีใครทำได้ดีกว่านายในตอนนี้ .. “ - เซรอน หมดคำพูด เขายิ้มออกมาและพูดต่อ – “ ตอนแรกฉันแค่สงสัยว่านายคิดได้สุดยอดและแม่นยำขนาดนั้นได้ในระยะเวลาอันสั้น ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าดูเหมือนนายจะเป็นหนึ่งในพวกมีพรสวรรค์ คนที่ยังใจเย็นอยู่ได้และตัดสินใจได้ถูกต้องเมื่อเผชิญหน้ากับอันตราย... “
“ มันถือว่าเป็นพรสวรรค์ด้วยเหรอ ? “ - จางเทีย อายนิดๆ เขาเดาว่านี่คงเกี่ยวข้องกับต้นไม้ในใจเขา มิสไดน่า เคยบอกไว้ครั้งหนึ่งเรื่องความคิดของคนนันจะใช้พลังงานของร่างกาย ถ้าอย่างนั้นเขาสามารถใจเย็นลงได้และไม่ไขว้เขวเพราะความคิดไร้สาระต่างๆนั้นถูกต้นไม้นั้นดูดไป จางเทีย เองก็สงสัยเรื่องนี้แต่เขาไม่คิดว่านี่คือพรสวรรค์
แน่นอน เซรอม ไม่รู้ว่า จางเทีย คิดอะไรอยู่ เขาแค่ตอบคำถามของ จางเทีย ด้วยท่าทีจริงจัง – “ แน่นอน มากกว่า 99% ของคนในสถานการณ์ตอนนั้นจะไม่ใจเย็นเท่านาย พวกเขาจะไม่สามารถตัดสินใจได้แม่นยำเมื่อเจอกับอันตราย ตอนแรก เคอร์ลิน น่ะบอกว่านายเก่งเรื่องหนี ดูเหมือนว่านายจะเก่งเรื่องหนีจริงๆนะ ...”
เมื่อเจอกับคำชมแปลกๆ จางเทีย ทำได้แค่ฝืนยิ้มออกมา ในขณะเดียวกันเขายังจำได้ว่าคนที่รับหน้าที่ในการเช็คแร่ นี่ผู้ชายทุกคนจากโรงเรียนที่สองนี่เรียนรู้วิธีการพูดแปลกๆมาจาก เซรอม รึไง ?
“ โอ้ นายปลุดจุดชีพจรรึยัง ? “
“ ใช่ ผมปลุกมันเมื่อสามวันก่อน ! “
เนื่องจากสิ่งที่เขาทำกับหมาป่าลงไปนั้นเกินความสามารถของนักสู้ระดับ 0 ทีซึ่งคงไม่สามารถฆ่าหมาป่าสามตัวได้ มันจึงไม่ใช่ความลับอีกต่อไป ถ้าเขายังคงโกหกต่อ เขานี่แหละที่โง่ มีเด็กหลายคนที่โดดเด่นในการฝึกและแม้แต่สาวๆเองก็ปลุกจุดชีพจรได้แล้ว สำหรับ จางเทีย ที่เพิ่งบอกข่าวว่าตัวเองปลุกจุดชีพจรแล้วนั้นไม่ได้ดึงดูดความสนใจอะไรมาก
เมื่อได้ยินการตอบรับของ จางเทีย เซรอม ก็แสดงสีหน้าที่เหมือนคิดเอาไว้แล้ว เขาไม่ได้ถามอะไรมากมายอีก เขาแค่ให้กำลังใจให้ จางเทีย บ่มเพาะต่อไปก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่อง
“ หมาป่าน่ะเป็นสัตว์ที่ฉลาด หมาป่าตัวเดียวน่ะอาจจะเดินมาแถวนี้เพื่อล่าเหยื่อแต่การที่มาเป็นฝูงนั้นยากที่จะเห็นที่นี่ได้ มันอันตรายสำหรับพวกมันอย่างมากที่จะทำแบบนั้น มันเป็นไปได้ว่าการที่หมาป่ามาตัวเดียวนั้นมันอาจจะเป็นบ้าแต่มันเป็นไม่ได้ที่หลายตัวจะบ้าขึ้นมา ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาด้วยการกำจัดของทหารนั้น หมาป่าเป็นฝูงน่ะไม่ค่อยเห็นที่นี่นัก เหตุการณ์ที่นายได้เจอนั้นไม่มีหลักฐานอื่น ดังนั้นกรรมการจึงสรุปได้ว่าเป็นอุบัติเหตุแต่นายน่าจะเข้าใจว่าฉันอยากจะบอกอะไร ! “ - แม้ว่า เซรอม ไม่ได้บอกมันมาโดยตรงแต่ จางเทีย ก็พอเข้าใจความหมายของมันอยู่
“ ครู นี่ครูจะบอกว่ามีคนจัดฉากเรื่องนี้ ? “ - สีหน้าของ จางเทีย เปลี่ยนไปอีกครั้ง
“ นั่นไม่ใช่ที่ฉันพูด ฉันแค่บอกว่าการโจมตีนี้ไม่ปกติและอาจมีคนอยู่เบื้องหลัง ฉันชอบเด็กฉลาดและฉันประทับใจในตัวนาย ดังนั้นฉันเลยอยากเตือนนาย นายควรดูแลตัวเองและพยายามอย่าอยู่คนเดียวสำหรับเวลาที่เหลือ ! “ - เซรอม พูดตรงๆ
“ มีคนที่ควบคุมหมาป่าเป็นฝูงได้ด้วยเหรอ ? “ - จางเทีย แสดงสีหน้าทึ่งออกมา
เมื่อเห็นสีหน้าทึ่งของ จางเทีย เซรอม ก็ได้ยิ้มออกมาเล็กน้อย – “ มันไม่ได้ยากหรอกที่จะควบคุมทั้งฝูง ถ้านายเจอพวกคนเลี้ยงสัตว์รึหนึ่งในทหารของโรงเรียนผู้พิทักษ์พระเจ้าแล้ว นายจะรู้ว่ามันง่ายมากที่จะทำการควบคุมสัตว์ พวกนั้นน่ะคุมฝูงหมาป่าได้สบายๆเลยล่ะ ถ้าพวกเขาไปสั่งโจมตีที่ไหนคงไม่ใช่เรื่องธรรมดาในโลกนี้แน่ ... “
……
หลังจากที่ เซรอม ออกไปแล้ว จางเทีย ก็เริ่มคิดถึงเรื่องที่คุยกัน ว่าคำพูดสุดท้ายจะไม่ได้เกี่ยวอะไรแต่ จางเทีย ก็ตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายบอกให้เขาระวังตัวไว้ หลังจากที่คิดสักพักและด้วยความแค้นที่มีกับกลุ่ม เกรซ เขาก็คิดถึงคนอื่นไม่ได้ที่จะมาจัดฉากนี้ขึ้นมา
หลังจากที่ เซรอม จากไปแล้ว ดั๊ก ก็แอบเข้ามาอีกรอบ จากน้ำเสียงของ ดั๊กแล้ว จางเทีย ตระหนักได้ว่าหมาป่าสามตัวที่เขาฆ่าไปนั้นทำให้เขามีคุณค่าในสายตาคนอื่นเพิ่มขึ้นอย่างมาก...