หน้าแรก > Castle of Black Iron
Chapter 85: การเอาตัวรอดจากการโจมตีของหมาป่า

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

Chapter 85: การเอาตัวรอดจากการโจมตีของหมาป่า

เซรอม เดินผ่านนักเรียนเข้าไปหาครูที่ซึ่งเป็นกรรมการ เพราะมีคนตายทุกปีระหว่างการฝึก กรรมการที่แม้ว่าจะเป็นคนจัดการแต่ก็ไม่ได้มีหน้าที่รับผิดชอบถ้ามีคนตายขึ้นมาแต่พวกเขาอยากได้คำอธิบายที่ฟังดูมีเหตุผลให้กับโรงเรียนและพ่อแม่ของเด็กที่ตายไป ครูทั้งเจ็ดคนที่เป็นกรรมการอยากได้คำอธิบายกับสิ่งที่เกิดขึ้น  แม้ว่ารายงานนั้นจะดูไร้สาระแต่มันคือของจำเป็นอย่างมาก  ยังไงซะมันก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตคน  แม้ว่าครูและโค้ชนั้นจะไม่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้แต่อย่างน้อยก็น่าจะอธิบายให้พ่อแม่ฟังว่าเด็กนั้นตายยังไง

หลังจากได้รับข่าว จางเทีย ที่ปราสาท  กัปตันเคอร์ลิน, เซรอมและครูอีกห้าคนได้มาถึงสถานที่ที่ จางเทีย โดนโจมตี  พวกเขาได้มาที่นี่เพื่อสอบสวนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

เซรอม นั้นคือคนที่ได้เบาะแสมากที่สุดจากร่องรอยต่างๆ  เขาเดินไปตามทางที่ซึ่ง จางเทีย ทิ้งตะกร้าเอาไว้และมองไปที่หลุมนั้นสองครั้ง  เขาก้มตัวลงตามพุ่มหญ้าและสถานที่ที่หมาป่าซุ่มโจมตี ไม่นานเขาก็กลับมาหาครูคนอื่นๆด้วยสีหน้าแปลกๆ

“ เป็นไงบ้าง เซรอม ? “ - สีหน้าของ กัปตันเคอร์ลิน หม่นลงเล็กน้อย เขาจำได้ว่า จางเทีย คือหนึ่งในนักเรียนที่หายากที่ซึ่งทำให้เขาประทับใจได้  เขาไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้กับ จางเทีย  นี่ทำให้เขาผิดหวังเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับ จางเทีย นั้นทำให้เขานึกถึงเพื่อร่วมรบที่ตายไปในระหว่างการต่อสู้

“ นี่มันน่ากลัว น่ากลัวจริงๆ... “ - เซรอม ทำหน้าตาเคร่งขรึม

“ แน่นอน สำหรับคนที่เจอเรื่องแบบนี้มันคงน่ากลัวจริงๆ  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้เกิดในระยะห่างจากปราสาทกว่า 5 ปีมามากกว่า 10 ปี เพราะมีทหารคอยจัดการพื้นที่โดยรอบ หมาป่ามันกลัวที่จะเข้าใกล้  ไม่มีใครรู้ว่าทำไมหมาป่าจึงโผล่มาเข้าใกล้ปราสาทแบบนี้ “ - เมื่อเห็นศพของหมาป่าสองตัวที่พื้น ครูผู้หญิงก็ส่ายหน้าและถอนหายใจออกมา – “ น่าสงสารจริงๆ ! ดูจากแผลบนตัวหมาป่าแล้วและที่เด็กคนอื่นเห็นตอนที่เด็กนั่นสู้ได้บอกมา เด็กที่ชื่อ จางเทีย น่ะน่าจะมีแววเลยถ้าเขาไม่ตาย จากความกล้า,การติดสินใจและความฉลาดที่เขามี จางเทีย น่าจะเป็นคนที่ดีที่สุดในรุ่นนี้.... “

“ ฉันไม่ได้หมายความว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันน่ากลัว ฉันหมายถึงเด็กที่ชื่อ จางเทีย น่ะน่ากลัว .. “ - เซรอม ส่ายหน้า เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ครูคนอื่นๆต่างก็มองมาที่ เซรอม

“ นายหมายความว่าไงที่ว่าเด็กนั่นน่ากลัว ? “ – หนึ่งในครูได้ถามขึ้นมา

เซรอม ยิ้มตอบเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ได้หันกลับไปคุยกับ กัปตันเคอร์ ลิน- “ ที่โรงเรียนเด็กนั่นมีความสามารถยังไง ? เขาคือคนที่ได้รับการแนะนำจากโรงเรียนของนายรึเปล่า ? “

“ ที่โรงเรียนเขาก็ค่อนข้างธรรมดาไม่ได้โดเด่นอะไร เขาแค่ฉลาดเล็กน้อยและควบคุมอารมณ์ได้ดี... “ - กัปตันเคอร์ลิน คิ้วขมวดเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะไม่ชอบวิธีที่ เซรอม พูดแต่เขาก็ยังตอบความจริงไปและยังพูดขึ้นมากอีก -  “ โอ้ เกือบลืมแน่ะ  เด็กนี่เก่งเรื่องหนีและหาผลประโยชน์เข้าหาตัวได้  สำหรับนักเรียนที่ได้รับการแนะนำทุกคนในโรงเรียนน่ะประทับใจในตัว เกรซ กับ เบอร์วิค  ตอนนี้ จางเทีย ยังไม่มีสิทธิได้รับการแนะนำหรอกนะ  เซรอม ทำไมนายถึงถามถึงเรื่องนี้ ? นายหมายความว่าไงที่ว่า จางเทีย น่ะน่ากลัว ? “

“ เขาไม่คู่ควรพอได้รับการแนะนำจากนาย ? “ - เซรอม แปลกใจและยิ้มขึ้น – “ นักเรียนที่ยอดเยี่ยมแบบนี้แต่กลับทำให้นายประทับใจไม่ได้ ? หลังจากที่ดูตามเส้นทางและพุ่มหญ้าอีกทั้งยังหลุมดำนั้นแล้ว ได้ข้อสรุปบางอย่างมา พวกนายคิดว่าฉันเจออะไร ? “

“ อะไร ? “

“ เพื่อที่จะรอด เด็กนั่นได้ตัดสินใจที่จะโดดลงหลุมนี้ในตอนที่เห็นหมาป่าพุ่งออกมาจากหญ้า “

“ มันพิเศษมากเหรอ ? “ – ครูถามอย่างสงสัย – “ ฉันไม่เห็นอะไรเลย ถ้าเขารู้ว่าเขาอ่อนแอ ไม่ใช่ว่าต้องวิ่งหนีจากหมาป่าหรอกเหรอ ? “

“ แน่นอนว่ามันแปลก.. “ - เซรอม ตอบกลับด้วยท่าทีเคร่งขรึม – “ มันจริงที่ว่ามนุษย์น่ะจะต้องหนีเมื่อเจอกับอันตราย แต่ที่ทำให้เรื่องนี้มันน่ากลัวก็คือวิธีที่หนีต่างหาก  หลุมนี่น่ะห่างจากที่ที่เราพบหมาป่าไปประมาณ 200 ม.และมันยังเป็นที่เดียวในพื้นที่นี้ที่เขามีโอกาสที่จะหนีจากหมาป่าไปได้ ส่วนมากแล้วคนเราเลือกที่จะหนีไปที่ปราสาทรึไม่ก็หนีไปที่ที่มีคนเยอะๆแต่เด็กนี่เลือกหนีมาที่รู้นี้ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่เขาจะรอดไปได้  นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงบอกว่าเขาน่ากลัว  ในตอนที่เขาเริ่มหนี เขาได้คำนวนอัตราการรอดต่างๆที่เขามีก่อนที่จะโดนหมาป่าไล่ตามทันและยังระยะทางที่เขาวิ่งได้ในระยะเวลานั้นด้วย.... “

เมื่อเห็นกรรมการคนอื่นยังคงงงอยู่กับสิ่งที่เขาพูด เซรอม ก็ได้เริ่มใช้กิ่งไม้วาดจุดที่พื้น – “ เอาจุดนี้คือที่ที่ จางเทีย เจอกับหมาป่า.. “ – รอบๆจุดนั้น เซรอม ได้วาดวงกลมขึ้นมา – “ วงกลมนี้แทนระยะไกลสุดที่เขาหนีได้ก่อนที่จะโดนหมาป่าไล่ตามทัน  มันเกือบ  200 ม.”  - หลังจากที่วาดวงกลมเสร็จ เซรอม ก็ได้ทำเครื่องหมายที่ขอบของวงกลม – “ และนี่คือตำแหน่งของหลุมซึ่งก็คือที่เราอยู่ตอนนี้  ที่เดียวที่เขาสามารถหนีไปได้คือจุดนี้  ถ้าเป็นจุดอื่นเด็กนั่นคงโดนฉีกเป็นชิ้นๆ นั่นแหละที่ฉันบอกว่า จางเทีย น่ะน่ากลัว  สำหรับเขาแล้วการเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดในการหนีจากเส้นทางนับพันก่อนที่จะถูกไล่ตามนั้น ---- มันน่ากลัวจริงๆ ! “

ครั้งนี้ทุกคนเข้าใจ เมื่อมองไปที่จุดสองจุดที่พื้น ทุกคนก็ช็อคขึ้นมาเล็กน้อย ก็เหมือนกับ เซรอม พูดไว้  เริ่มจากจุดตรงกลาง มีหลายที่ที่คนเราสามารถวิ่งหนีไปได้  ต้องขอบคุณเส้นทางที่ จางเทีย เลือกนั้นเป็นเส้นทางเดียวที่ทำให้มีหวังขึ้นเล็กน้อย

“ แล้วถ้า...ถ้ามันบังเอิญล่ะ ? “ – ครูที่สงสัยคนหนึ่งถามออกมาหลังจากที่ลังเล  เพื่อที่จะได้ตัดสินใจได้แม่นยำในตอนวิกฤตนั้น นักเรียนรึแม้แต่ครูเองก็อาจจะทำไม่ได้

“ อย่าลืมว่าเด็กคนนั้นได้เอาพลั่วไปกับตัวด้วยตอนที่หนี ... “

“ มันพิเศษเหรอ ? ไม่ใช่ว่าเขาเอาไปตามสัญชาตญาณรึไงตอนโดนไล่ ? “

“ อาวุธของเขาเป็นมีด ไม่ใช่พลั่ว  การใช้พลั่วก็ทำให้ตกลงช้าลงกว่าเดิม ดังนั้นเหตุผลที่เอาพลั่วไปคือเขาหาโอกาสที่จะใช้พลั่วตอนที่โดดลงไปในหลุม  เนื่องจากรู้นี้งูกินทองได้ขุดขึ้นมา พวกมันจึงไม่ได้ตรงดิ่งลงไปที่พื้น เมื่อเขาเห็นว่าความชันมันมากขึ้น เขาก็จะสามารถใช้พลั่วลดความเร็วในการตกไปได้... “

“ งั้นนายจะบอกว่า จางเทีย อาจจะยังมีชีวิตอยู่ ? “ - กัปตันเคอร์ลิน อ้าปากถามออกมาอย่างสงสัยและมองไปที่หลุมนั่นก่อนจะหันกลับมาหา เซรอม

“ ในความคิดฉันนะ คนอย่างเขาน่ะยากที่จะฆ่าได้และอึดยิ่งกว่าแมลงสาบอีก ! “

“ ฉันอยากเข้าไปข้างใน ! “ - กัปตันเคอร์ลิน พูดขึ้นมา

“ ฉันจะไปกับนายด้วยตอนเราได้เชือกจากปราสาทมาแล้ว ... “- เซรอม เอามือถูกคางและเริ่มสงสัยในตัวคนที่ชื่อ จางเทีย มันยากที่จะเห็นเด็กคนหนึ่งสงบได้ถึงตัดสินใจได้แม่นยำในช่วงวิกฤตแบบนี้

เด็กนักเรียนกว่า 20 คนได้แบกเชือกจากปราสาทมาที่นี่  เชือกนี้เป็นเชือกธรรมดาที่หาซื้อได้ตามกองทัพของเมือง พวกมันหนาพอๆกับนิ้วโป้งของผู้ใหญ่และมีการยึดที่ดี  มันไม่ได้มีปัญหาเลยในการใช้เชือกนี้ยกของหนักกว่า 2 ตัน  หลังจากที่ผูกเชือกเข้าด้วยกันแล้วมันก็ยาวกว่า 400 ม.

“ นี่คือเชือกที่ยาวที่สุดที่หาซื้อได้ในปราสาทแต่ไม่มีใครรู้ว่ารูนี่จะลึกเท่าไหร่ ถ้าเราหาตัวเขาไม่เจอหลังจากใช้เชือกทั้งหมดแล้วเราคงต้องยอมแพ้ ! “ - เซรอม มองมาที่ กัปตันเคอร์ลิน

กัปตันเคอร์ลิน พยักหน้า – “ ถ้าเป็นแบบที่นายพูด เราคงโทษได้แค่ดวง  เราจะลองหาตัวเขาดู  ถ้าเราไม่เข้าไป มันคงไม่ใช่เรื่องดีกับเราเช่นกัน “

หลังจากที่ผูกเชือกกับก้อนหินที่สูงพอๆกับคนและห่างจากรูไปประมาณ 20 ม.  กัปตันเคอร์ลิน และ  เซรอม ก็ผูกเชือกมัดตัวตัวเองไว้และเอาแท่งหลอดไฟสีเขียวกระโดดลงไปในหลุมทีละคน

เมื่อเจอกับรูที่ไม่มีก้นซึ่งงูกินท้องได้ทำขึ้นมา แม้แต่ กัปตันเคอร์ลิน และ เซรอน ก็ไม่กล้าประมาท

เมื่อเห็นสองคนนั้นกระโดดลงไป เด็กที่ดูอยู่ต่างก็อุทานออกมา.....

ในตอนที่เข้ามาลึกได้ 20 ม. พวกเขาก็ใช้หลอดไฟที่มี  เซรอม มองไปที่กำแพงที่อยู่ด้านใน ในจุดเลี้ยวจุดแรก เซรอม เริ่มชี้ไปที่รอยที่อยู่บนกำแพง  รอยที่สร้างขึ้นมาโดยพลั่วนั้นสามารถสังเกตได้ง่าย

“ นี่คือที่ที่เขาใช้พลั่ว ดูสิ รอยพวกนี้เกิดจากการตกลงมาที่นี่ เด็กที่ชื่อ จางเทีย ใช้พลั่วในการหนีจริงๆด้วย  เขาฉลาดจริงๆ... “ – หลังจากได้ยินยันข้อสมมติฐานแล้ว ตาของ เซรอม ก็เป็นประกายและเริ่มสนใจในตัว จางเทีย มากขึ้น

กัปตันเคอร์ลิน เองก็ตื่นเต้นอย่างมาก  เขาไม่คิดว่า จางเทีย จะเก่งแค่วิธีพูดแต่ยังเก่งเรื่องการหนีอีกด้วย

เมื่อเห็นรอยที่ จางเทีย ใช้พลั่วทำไว้ ทั้งสองคนก็ลงมาต่อ  ระหว่างทางได้เห็นรอยที่ จางเทีย ทำไว้หลายรอย บางรอยลึกบางรอยตื่นแต่พวกนี้ล้วนแต่แสดงให้เห็นถึงเส้นทางที่เขาใช้  แม้ว่าจะมีทางแยกในรูแต่พวกเขาก็ยังเดาทางได้ถูกเมื่อดูจากรอยพวกนี้ ....

คนที่อยู่ตรงปากหลุมนั้นมองเห็นไม่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในบ้าง พวกเขาเห็นแค่เชือกนั้นหายไปราวกับเส้นบะหมี่ลงไปในหลุมดำเรื่อยๆ  20 ม., 30 ม., 50 ม., 100 ม., 120 ม., 150ม.,.....

ในตอนที่เชือกลงไป คนที่อยู่ปากหลุมนั้นก็เริ่มกังวลเรื่องชีวิตของ จางเทีย มากขึ้นๆ เพราะเขาได้ตกลงไปลึกขนาดนี้

ต้องขอบคุณที่เชือกได้หยุดลงเมื่อลงไปถึง 190 ม. หลังจากนั้นหลายนาที กัปตันเคอร์ลิน และ เซรอม ก็กระตุกเชือกสามครั้งติดต่อกัน เมื่อเห็นแบบนั้นคนที่อยู่ปากหลุมก็ถึงเชือกขึ้นมา  พวกเขาขึ้นมาได้เร็วกว่าเดิมเพราะมีนักสู้ระดับสูงอย่าง กัปตันเคอร์ลิน และ เซรอม ซึ่งสามารถปีนขึ้นมาได้ง่ายๆ....

หลายนาทีต่อมาก่อนที่อีกด้านของเชือกจะถูกดึงขึ้นมา ก็ได้มีเสียงดังขึ้นมาจากในหลุมตามมาด้วย กัปตันเคอร์ลิน และ เซรอม ที่พุ่งออกมาอย่างกับนก  ในตอนที่ กัปตันเคอร์ลิน ลงมาที่พื้นได้ ทุกคนก็มองมาที่ร่างที่มัดไว้บนหลังของ กัปตันเคอร์ลิน

“ จางเทีย ยังมีชีวิตอยู่  เขาแค่หมดสติไป... “

เมื่อได้ยินคำอุทานอันน่ากลัวของ กัปตันเคอร์ลิน สมาชิกในองค์กรต่างก็กระโดดขึ้นด้วยความดีใจ สำหรับทุกคนที่อยู่ที่นั่นมันคือปาฏิหาริย์  ถ้าพวกเขาไม่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาคงไม่มีทางเชื่อว่าคนที่โดดลงไปในรูนั้นจะมีชีวิตอยู่ได้ ชายคนนี้มันตายยากยิ่งกว่าแมลงสาบจริงๆ....

“ ปึก ! “ - เซรอม โยนศพของหมาป่าและพลั่วของ จางเทีย ลงที่พื้น  เมื่อเห็นพวกมันแล้วคนที่มุงอยู่ต่างก็ช็อค  ไม่ใช่แค่ตายยากแต่เขาดูเหมือนจะแข็งแกร่งด้วย  เขาน่ะสามารถฆ่าหมาป่าได้ถึง 3 ตัว ....

เมื่อเห็นหมาป่าที่ตายไป เซรอม ก็เอามือถูคางตัวเองและตระหนักได้ว่า จางเทีย นั้นฉลาดกว่าที่เขาคิด  ไม่ใช่แค่ใช้พลั่วเพื่อทำให้ตัวเองตกช้าลงแต่ยังใช้ศพหมาป่ามาเป็นตัวรับแรงกระแทก   ถ้าไม่ใช่เพราะศพหมาป่านี้ จางเทีย ต้องกระดูกหักไปแล้วแน่  ตอนนี้ด้วยรอยแผลเล็กๆน้อยๆและแผลที่หน้าแข้ง ส่วนอื่นๆนั้นไม่ได้บาดเจ็บอะไรเลย แน่นอนว่ามันคือปาฏิหาริย์ที่จะเห็นได้จากเด็กพวกนี้....

ในตอนที่ทุกคนต่างดีใจ หน้าของคนสองคนที่ปลายๆฝูงคนนั้นกลับซีด พวกเขารีบหนีเมื่อได้ยินว่า จางเทีย ไม่เป็นอะไร

เพราะ จางเทีย ยังได้แผลและยังไม่ได้สติ กัปตันเคอร์ลิน ตัดสินใจที่จะพา จางเทีย กลับไปที่ปราสาท

ทุกอย่างที่ กัปตันเคอร์ลิน เห็นในรูนั้นทำให้เขาประดับใจในตัว จางเทีย  เขาตระหนักได้ว่าถ้าเขาต้องโดดลงไปที่หลุมนั้นตอนอายุเท่า จางเทีย แน่นอนว่าเขาต้องตายแน่  ต้องขอบคุณที่เด็กนี่เอาพลั่วไปด้วยในตอนที่หนี  ถ้าไม่ใช่เพราะพลั่วซึ่งช่วยทำให้ตกช้าลง งั้นความลึก 100 ม.นี้กระดูกเขาคงแตกเป็นเสี่ยงๆ

ในตอนที่พา จางเทีย ขึ้นมาจากหลุมและประกาศว่าเขายังมีชีวิต   เซรอม ก็มองไปที่คนที่มุงอยู่ ในที่สุดตอนที่นักเรียนคนอื่นๆร้องออกมาด้วยความดีใจ เขาได้เห็นสองคนที่แอบหนีออกไป เขาหรี่ตาลงและจดจำหน้าตาของสองคนนั้นไว้ในหัว....

……

ครึ่งชั่วโมงต่อมาห่างจากที่เกิดเหตุ  กลุ่มของเ เกรซ นั้นนั่งอยู่ตรงหน้าถ้ำตัวเอง เมื่อได้ยินที่ ซูแฮร์ กับการ์นเนอร์ บอก ทุกคนต่างก็ตัวแข็งทื่อไปอย่างกับหิน

“ นายบอกว่า จางเทีย ยังมีชีวิตอยู่เหรอ  ?  เป็นไปได้ยังไง ? ! แม้ว่าหมาป่าจะไม่ได้ฆ่าเขาแต่แน่นอนว่าเขาต้องตายหลังจากที่กระโดดไปในรูนั่นที่ลึกเป็นร้อยเมตร ! ตัวมันทำจากเหล็กรึไง ? มันจะรอดมาได้ยังไง ? “ - ชาร์รอน พูดขึ้นมา

“ ทุกคนเห็น กัปตันเคอร์ลิน กับ เซรอม พา จางเทีย กลับขึ้นมาและวางเขาลงที่พื้น  พวกนั้นลงไปกว่า 200 ม.ก่อนที่จะเจอ จางเทีย และพามันกลับมาได้.. “  - ในตอนที่เขาพูด แม้แต่ ซูแฮร์ ก็ต้องถอนหายใจออกมา – “ ไอ้บ้านั่นโชคดีเกินไปแล้ว มันจะรอดได้ยังไงถ้าตกลึกขนาดนั้น ? “

“ เหี้ย ! “ – เมื่อคิดถึงความพยายามที่ได้ทำลงไปแต่ จางเทีย กลับมีชีวิตอยู่  เกรซ ก็หงุดหงิดขึ้นมา – “ ซูแฮร์ บอกฉันที ฉันควรทำยังไงดี ? มีวิธีอื่นที่จะฆ่ามันอีกมั้ย ? “

เมื่อได้ยินคำพูดของ เกรซ แล้ว ซูแฮร์ ได้หน้าซีดลงเล็กน้อย -  “ เรื่องนี้ทำให้กรรมกาสนใจ ถ้าเรื่องที่เราทำคนอื่นรู้เข้า เราโดนลงโทษแน่ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงฉันรู้สึกเหมือน เซรอม ที่รับผิดชอบการสืบสวนน่ะเห็นบางอย่างผิดปกติ  ถ้าเรายังคงไปจัดการ จางเทีย อีก ฉันกลัวว่ามันคงเสี่ยงเกินไป.. “

“ นายจะบอกว่าเราควรจบแค่นี้ ? “ - เกรซ มองมาด้วยตาที่เบิกกว้าง  เมื่อไหร่ก็ตามที่ เกรซ คิดเรื่องที่โดน จางเทีย จัดการ เขามักจะรู้สึกว่านี่คือจุดด่างพร้อยในชีวิต

“ เราแค่ยกเลิกไปชั่วคราว  ตอนนี้คนสนใจ จางเทีย มากเกินไป  เราก็ให้บทเรียนมันแล้ว  ตอนที่นายถึงระดับ 3 และได้รับการแนะนำจากโรงเรียนได้  มันก็คงไม่สายเกินไป   เราจะคิดเรื่องจัดการมันตอนกลับไปที่เมือง  ถ้าเรายังฝืนทำต่อ เราคงเอาตัวเองไปเสี่ยงอย่างมาก ! “

ไม่ว่า เกรซ จะหงุดหงิดแค่ไหนแต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเห็นด้วยกับ ซูแฮร์  - “ ได้ ให้มันมีชีวิตอยู่ต่ออีกสักหน่อย ตอนเรากลับเมือง เราค่อยคิดหาทางอื่นจัดการมัน... “

เมื่อตระหนักได้ว่าการจัดการ จางเทีย ไม่ใช่เรื่องง่ายแบบที่เขาคิด เกรซ ก็เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ

“ ต้องขอบคุณ  จางเทีย น่ะเทียบความแข็งแกร่งของฉันไม่ได้ “ - เกรซ ปลอบใจตัวเอง – “ พ่อพูดถูก ในโลกแบบนี้คนเรามักจะให้ความเคารพความแข็งแกร่งกับหมัด  ถ้าฉันแข็งแกร่งกว่า ฉันก็สามารถอัดมันจนมันตายห่าไปได้  ฉันจัดการมันยังไงก็ได้ในอนาคต “

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.