spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 82: เกินขีดจำกัดร่างกาย
แร่ที่เก็บไว้ภายในศูนย์กลางปราสาทนั้นมาจากตีนหุบเขาทางใต้ของปราสาท มีรางรถที่ยาวกว่า 100 ม.ยาวจากหุบเขานั้นจนมาถึงคลังเก็บ อีกด้านของรางรถนั้นคือพื้นที่แร่ดิบของโรงหลอมในปราสาท เครื่องจักรไอ้น้ำนั้นมีเครื่องยนต์ที่มีล้อ ซึ่งให้พลังงานได้เพียงพอที่จะดึงรถที่เต็มไปด้วยแร่เหล็กจากอีกฝั่งกลับมาโดยใช้สายเคเบิลที่หนาพอๆกับแขนเด็ก ต้องของคุณรางนั้นและเครื่องจักรไอน้ำ แร่เหล็กนั้นสามารถขนส่งเข้ามาในปราสาทได้ง่ายๆ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกมันแล้ว จางเทีย ล่ะสงสัยจริงๆว่าจะมีใครที่ยอมไปขุดเหมืองแล้วต้องเดินกลับมากว่า 1.5 กม.พร้อมกับแบกแร่มากว่าจะมาถึงที่นี้ได้ เพื่อที่จะมาที่นี่แล้วเขาต้องเดินขึ้นทางชันและอาจจะเหนื่อยจนตายเลยก็ได้
แม้ว่าจะมีบางคนที่ทำเรื่องแบบนี้ได้แต่คนอื่นนั้นยากที่จะทำมันได้
ตอนบ่ายหลังจากที่ฝนตกในตอนเช้า ในที่สุดพระอาทิตย์ก็โผล่ขึ้นมาและตอนนี้ก็เริ่มกลับมาร้อนอีกครั้ง เพราะฝนที่ตกลงมาทำให้หุบเขานั้นค่อนข้างชื้นแต่ด้วยแสงจากดวงอาทิตย์แล้ว น้ำก็เริ่มที่จะระเหยขึ้นมาจากพื้น ในเวลาสั้นๆทั้งหุบเขาก็กลายเป็นคุกไอน้ำที่ทำให้คนแทบหายใจไม่ออก
ภายใต้อุณหภูมิที่สูงนั้นมันคือเป็นการทดสอบครั้งใหญ่ว่า จางเทีย จะสามารถเดินทางได้ 1.5 กม.พร้อมกับแบกแร่หนักกว่า 100 กก.ได้รึเปล่า ในระหว่างทางนั้น จางเทีย ได้กัดฟันพร้อมกับมีเหงื่อชุ่มทั่วทั้งตัวและรู้สึกราวกับว่าไหล่ของเขานั้นกำลังไหม้เพราะไหล่ของเขาถูไปมากับสายตะกร้า โดยเฉลี่ยแล้วเขาจะต้องพักทุกๆ 200-300 ม. ในที่สุดเมื่อมาถึงที่หมายตอนที่วางตะกล้าลง มันก็มีเสียงดังเกิดขึ้นเมื่อตะกร้าตกลงถึงพื้นจนทำให้เด็กหลายคนมองมาที่เขาและเห็นตัวเลขที่น่าทึ่งบนตาชั่ง
118 กก. !
“ เพื่อน ทำงานได้ดีนิ นายนี่เป็นคนแรกที่แบกกว่า 100 กก.มาในทีเดียว ดูเหมือนว่านายเกิดมาเพื่อมันเลยนะ ! “ - เมื่อได้ยินคำพูดนี้ จางเทีย ไม่ได้รู้สึกชอบคำพูดนี้เลยสักนิด เขาแค่กรอกตาใส่ ตอนนี้เขาเหนื่อยอย่างมากและอยากพักสักครึ่งชั่วโมง จางเทีย ไม่ได้มีแรงพอที่จะมาคิดว่าชายคนนี้ชมรึประชดเขากันแน่ ในเวลาเดียวกันเด็กผู้ชายคนอื่นต่างก็หยิบเอาสมุดขึ้นมา หลังจากที่มองมายังตัวเลขที่แสดงบนตาชั่งและเช็คคุณภาพแร่ที่ จางเทีย เอามาแล้ว เด็กนั่นก็เริ่มจดตัวเลขลงในสมุด
“ ด้วยของที่มีในตะกร้า....ฉันได้แบกแร่กี่ กก. มาในวันนี้ ? “ – หลังจากที่หอบสักพัก จางเทีย ก็ได้ถามขึ้นมา
“ ถ้ารวมครั้งนี้แล้วนะ ให้ฉันเช็คก่อน ... “- เขาหยิบสมุดขึ้นมาดูและก้มหน้าลงไปเช็คบันทึก – “ นายใช่ จางเทีย ถูกมั้ย ? นายเอามา 76 กก.ในครั้งแรก, 78 กก.ในครั้งสองและ 69 กก.ในครั้งสาม ครั้งนี้นายเอามา 118 กก. ให้ฉันคิดก่อนนะ...”
“ 341 กก....” - ตอนที่เด็กนั่นบอกตัวเลขแต่ละค่ามา จางเทีย ได้จำลองลูกคิดเจ็ดแถวขึ้นมาในหัวซึ่งได้บอกผลลัพธ์สุดท้ายให้กับเขา
หลังจากคำนวณด้วยปากกาแล้วเด็กนั่นก็ได้ผลลัพธ์เหมือนกับที่ จางเทีย ได้ เขาทึ่งเล็กน้อยพร้อมกับมองมาที่ จางเทีย แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับมันมาก
“ ใช่ 341 กก. นี่คือสูงที่สุดที่เอาเข้ามา เนื่องจากนายไม่ได้มาเมื่อสองวันก่อน นายเลยทำได้แค่ส่งครบของจำนวน 3 วัน.. “
“ มีรางวัลสำหรับสถิตินี้มั้ย ? “- จางเทีย ถามออกมา
“ มีสิ ! “
“ อะไร ? “
“ นายจะได้รับการแนะนำสำหรับอาชีพนี้... “
เมื่อได้ยินคำนั้นสีหน้าของ จางเทีย หม่นลงเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มหัวเราะออกมา เขาไม่คิดว่าชายคนนี้พูดเล่นเลย
เมื่อเห็นว่ามันถูกเทลงไปในรถราง จางเทีย ก็เลิกสนใจมันและออกไปพักผ่อน จากน้ำหนักของแร่ที่เขาเอามาแล้ว จางเทีย จะได้รับอาหาร 0.35 กก. หลังจากที่รับอาหารมาแล้ว จางเทีย ก็แบกตะกร้าที่น่าเกลียดนั่นและปีกไปบนยอดเขาก่อนจะมาถึงลานด้านนอกปราสาทอีกครั้ง
หลังจากที่เทแร่หนักกว่า 100 กก.และพักแล้ว จางเทีย ก็ฟื้นแรงขึ้นมาได้บ้างและตระหนักได้ว่าเขาน่ะเร็วขึ้นกว่าแต่ก่อน ครั้งนี้เขาได้เอาชนะขีดจำกัดร่างกายของตัวเองและสามารถสร้างสถิติขึ้นมาได้ จางเทีย กำลังอารมณ์ดีและรู้สึกดีใจนิดๆ ดูเหมือนว่า ดอนเดอร์ จะพูดถูก ---คนเรามักจะถูกต้อนจนมุมก่อนที่จะประสบความสำเร็จได้ คำพูดนี้มักจะเห็นกันบ่อยๆตามหนังสือจีน
เพราะพระอาทิตย์ได้โผล่กลับมาอีกครั้ง ลานนี่จะวุ่นวายอย่างเช่นเคย เทียบกับตอนที่ลานนี้ว่างเปล่าแล้ว ตอนนี้ลานเต็มไปด้วยคนมาแลกเปลี่ยนของกันและลานนี่ยังถูกใช้เป็นที่หลบภัยด้วย สินค้าที่แลกนั้น นักเรียนหญิงบางคนจะขายผลไม้และผักที่พวกเธอเก็บมาได้ในหุบเขาและจะแลกมันกับอาหารอื่นๆ ในอีกด้านของลานนั้นนักเรียนชายจะอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มและอวด ‘ กล้าม ‘ และเหยื่อที่ตัวเองจับมาได้ พวกเขาจะหาโอกาสที่จะคุยกับสาวๆ วันที่ผ่านมานี้ก็มีผู้หญิงมากขึ้นที่เริ่มตั้งทีมกับพวกผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็นหญิงรึชายหลังจากที่ใช้เวลาด้วยกันและเข้าใจกันแล้ว พวกเขาก็จะผูกพันกันขึ้น
“ นายต้องการบลูเบอร์รี่รึผลหนาม ? “- เสียงจากข้างทางดึงดูดความสนใจ จางเทีย เขาหันกลับมาและพบว่านักเรียนชายนั้นได้ส่ายหน้าและเดินหนีไป ส่วนเจ้าของสินค้านั่นนักเรียนหญิงได้ดูผิดหวังและกอดขาตัวเองนั่งลงกลับพื้น ตรงหน้าของผู้หญิงคนนั้นมีใบดอกบัวและกองบลูเบอร์รี่ที่ยังไม่สุกและผลหนามที่น่าจะหนักไม่ถึง 0.25 กก. ผลไม้นั้นก็เหมือนกับเจ้าของของมัน มันดูธรรมดา แม้ว่ามันจะสะอาดแต่ไม่ได้ดูน่าสนใจเลยสักนิดและพวกมันก็ไม่ได้กระตุ้น ‘ ความอยาก ‘ ของพวกหื่นเลย
เพราะ จางเทีย จำได้ว่ายังไม่ได้หว่านเมล็ดบลูเบอร์รี่และผลหนามไว้ใน Castle of Black Iron จางเทีย จึงได้เดินเข้าไปและนั่งยองๆต่อหน้าเด็กผู้หญิงคนนั้น – “ เธอจะแลกอะไรกับผลไม้พวกนี้ ? “
เมื่อได้ยินเสียงของ จางเทีย แล้วเด็กสาวก็เงยหน้าขึ้นมาจากเข่าของเธอ แม้ว่าจะมีกระที่หน้าของเธอแต่เธอก็ดูสะอาดสะอ้านและหน้าตาทั่วๆไป แต่เธอนั้นมีตาสีฟ้าที่ใสราวกับสายน้ำ ที่เธอดูขี้เหร่เพราะรอบๆเธอมีแต่คนสวยต่างหาก
“ อาหารแห้ง 0.25 กก.สำหรับทั้งบลูเบอร์รี่และผลหนาม อ่า ถ้านายเอาให้สัก 0.2 กก.นายเอามันไปทั้งหมดเลยก็ได้ ฉันยอมแลกมันกับเนื้อ 0.1 กก. ด้วยนะ “ - เมื่อรู้สึกว่า จางเทีย มองไปตามตัวของเธอ เธอก็ก้มตัวลงมากกว่าเดิมและปิดหน้าอกตัวเองไว้ที่หัวเข่า
“ จ๊อกกกก “ – เสียงท้องของเธอร้องจน จางเทีย ได้ยิน ในเวลาเดียวกันเธอก็ก้มหน้าลงด้วยความอาย
“ ได้ ฉันอยากได้มันทั้งหมดนี่แหละ .... “ - จางเทีย เอาอาหารแห้ง 0.5 กก.จากที่เก็บของเขา หลังจากคิดสักพักเขาได้เอาเนื้อตากแห้งอีก 0.05 กก.เพิ่มเข้าใส่ของพวกนั้นด้วย
“ นี่..นี่มัน...มากเกินไป ! “ – เด็กสาวนั่นแปลกใจ ตาสีฟ้าของเธอมองมาที่ จางเทีย โดยไม่กระพริบตา ดูเหมือนกับว่าเธออยากจับผิดหน้าของเขา
“ หืม ...ฉันเป็นนักเรียนของโรงเรียนผู้พิทักษ์พระเจ้า ในตอนฝึกนี้ฉันต้องการที่จะรวบรวมเมล็ดของพืชต่างๆ ก็อย่างที่เธอเห็นจากหน้าตาของฉัน ฉันขุดเหมืองและไม่มีเวลาทำเรื่อนี้ ถ้ามันสะดวกและปลอดภัยสำหรับเธอแล้ว เธอช่วยเก็บเมล็ดเหล่านั้นให้ฉันหน่อยได้มั้ย ? ถึงยังไงฉันก็จะแลกอาหารด้วย นี่ก็จ่ายล่วงหน้า “ - จางเทีย พูดขึ้น
“ จริงเหรอ ? “ – ตาของเด็กสาวเป็นประกายขึ้นมา
จางเทีย ยิ้มและเอาผลไม้ที่ยังไม่สุกนั้นไปและเอาอาหารยื่นให้กับเธอ การกระทำของเขานั้นดูน่าเชื่อถือกว่าคำพูดอีก เมื่อเห็นท่าทางของเขาแล้วเด็กสาวจึงได้รับอาหารไปราวกับว่าเธอกลัวว่า จางเทีย จะเปลี่ยนใจ
“ นายชื่ออะไร ? “
“ฉัน จางเทีย ! “
“ หลังจากที่ฉันเก็บเมล็ดได้แล้วฉันจะไปหานายได้ยังไง ? “
“ ฉันมาที่นี่บ่อย ไม่ต้องหาฉันหรอก ฉันจะมาหาเธอเอง ! “
เมื่อเขาพูดจบเขาก็ลุกขึ้นและเอาผลไม้พวกนั้นไป หลังจากเดินได้ 7-8 ก้าว จางเทีย ก็ได้ยินเสียงอายๆของผู้หญิงด้านหลัง – “ ฉัน แพนโดร่า... “
จางเทีย หันกลับมาและยิ้มให้กับเธอ เขาหยิบเอาผลหนามและโยนมันขึ้นบนฟ้าปล่อยให้มันตกลงที่ปากของเขา แต่หลังจากที่กัดมันดเขาก็คิ้วขมวดทันที มันโคตรจะเปรี้ยวเลย พลาดแล้ว ! เมื่อเห็นสีหน้าของ จางเทีย แล้ว แพนโดร่า ก็หัวเราะออกมา ในเวลาเดียวกันเธอก็รีบเอามือปิดปากตัวเองเพราะเธอตระหนักได้ว่าเธอคือคนที่ขายผลนี่ให้กับเขา เธอเงยหน้าขึ้นมามาอง จางเทีย อีกครั้งและพบว่าชายผมดำที่มีตะกร้าแบกที่หลังนั้นกำลังโบกมือให้กับเธอก่อนที่จะหายไปกับฝูงคน...
“ จางเทีย....” - แพนโดร่า พึมพำชื่อของเขาอยู่หลายครั้ง
……
หลังจากทำงานในวันนี้เสร็จแล้ว จางเทีย จึงรู้สึกผ่อนคลาย เขาผิวปากแล้วเดินลงจากเขาพร้อมกับกินผลบลูเบอร์รี่และผลหนามเปรี้ยวๆ เขากลับมายังที่ที่เขาได้ขุดเหมือง นี่ก็เหลืออีก 4-5 ชม.ก่อนที่เขาจะออกจากเหมือง เขาใช้ช่วงนี้ยังไงก็ได้ตามใจต้องการ ในเวลาเดียวกันรูเหมืองที่ซ่อนไว้นั้นได้กลายเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการบ่มเพาะไปแล้ว อีกอย่างหลังจากทำงานในตอนเช้าก็มีคนข้างในน้อยลงด้วยและเสียงเคาะนั้นก็เริ่มไม่ค่อยมี
เขานั่งลงกับพื้นในเหมือง จางเทีย เข้าสู่การบ่มเพาะ เขาเพิ่งแบกแร่กว่า 100 กก.ไป ตอนนี้เขารู้สึกว่าอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดเพราะเขารู้สึกผ่อนคลายและรู้สึกมีแรงเต็มเปี่ยม จางเทีย ได้ยินมาว่าทุกครั้งที่คนเราผ่านขีดจำกัดร่างกายของตัวเองมาได้นั้นจะทำให้บ่มเพาะได้ดีกว่าเดิม ตอนนี้เขาตัดสินใจที่จะลองดูกับเวลาที่เหลืออยู่