spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 75: เธอไม่ได้อะไรจากฉันหรอก
“ เป็นผู้หญิงที่แย่งจริงๆเลย ! เธอเป็นบ้าอะไรเนี้ย ! ใครจะไปรู้จักเธอวะ ? เธอคิดว่าเธอเป็นใครกันแน่ ? เธอน่าจะไปให้พ้นหูพ้นตาถ้าฉันเจอเธออีกนะ ไม่งั้นฉันจะจับเธอมัดแล้วก็.....”
เขาเดินไปเรื่อยๆอย่างกับคนขาด้วน พร้อมใช้หอกในมือเป็นไม้เท้า ทุกครั้งที่เขาคิดถึงผู้หญิงคนนั้นที่ด่าเขาและเตะเขา เขาจะด่าเธอในใจเสมอ ก็เหมือนกับเด็กผู้ชายคนอื่นๆเด็กผู้หญิงก็ถูกสอนเรื่องการต่อสู้มาและพวกเธอก็ไม่ได้อ่อนแอกว่าผู้หญิงทั่วไปเลย ในทางกลับกันโหดกว่าด้วยซ้ำ ไม่ต้องบอกเลยว่าทักษะเหล่านั้นมีเป้าหมายที่ผู้ชาย อย่างน้อยๆแค่ที่เตะหน้าแข้งเขา จางเทีย ก็รู้สึกได้ว่าผู้หญิงผมแดงนั่นแข็งแกร่งและเตะได้รวดเร็ว ดูเหมือนว่าเธอเองก็ฝึกทักษะนี้มาตลอด
“ อย่างแรกเลยฉันกล่าวหาพวก เกรซ จากนั้นฉันก็โดนคนอื่นกล่าวหา นี่คือกรรมสินะ ? คนที่โทษคนอื่นนี่โดนเหมือนกันรึเปล่า ? “ - จางเทีย เริ่มรู้สึกกลัวและขนลุกขึ้นมา ในอดีตนั้น จางเทีย ถือได้ว่าเป็นคนดีเลยทีเดียว ไม่เคยไปหาเรื่อใครแต่ตั้งแต่ที่เขาได้ Castle of Black Iron มา มุมมองความดีของเขาก็ได้เปลี่ยนไป ในความเห็นของเขาแล้วทั้งต้นไม้และพื้นที่ใน Castle of Black Iron ได้ทำให้เขาเกินขีดจำกัดของมนุษย์ไป นอกจากพระเจ้าแล้ว จางเทีย ไม่คิดว่าจะมีอะไรสร้างของแบบนี้ขึ้นมาได้แต่พระเจ้าคืออะไรล่ะ ? จะมีพระเจ้าจริงๆที่คอยควบคุมโชคชะตาของทุกอย่างอยู่งั้นเหรอ ?
จางเทีย ไม่คิดว่าความสัมพันธ์ของเขากับกลุ่มของ เกรซ จะจบลงแบบนี้ อันที่จริงตอน จางเทีย หันหนีในตอนแรกและด่ากลุ่มของ เกรซ นั้นเขาคิดว่าจะทำให้มันเป็นเรื่องตลก เขาตั้งใจที่จะทำให้พวกนั้นกลายเป็นตัวตลกแต่พวกนั้นกลับโดนลงโทษอย่างรุนแรง ในที่สุด จางเทีย ก็เข้าใจคำพูดของ ดอนเดอร์ ที่ว่าลิ้นน่ะคมกว่ามีด ภาษาอาจจะมองไม่เห็นแต่ก็ยังเป็นใบมีดที่ฆ่าคนได้
หลังจากออกจาปราสาทมา จางเทีย ได้ไปรอบๆเหมืองเล็กใกล้ๆกับปราสาท แม้ว่าจะเป็นตอนกลางวันแต่เขาก็ยังเห็นได้แค่ไม่กี่สิบเมตรด้านหน้าหลังจากที่เข้าไปในถ้ำแล้ว เมื่อเขาไม่มีตัวเลือกอื่น จางเทีย ก็ต้องหันหลังกลับและตระหนักได้ว่าเขาต้องใช้คบไฟเมื่อเข้ามาในถ้ำ
หลังจากที่โดนผู้หญิงบ้านั่นเตะเอา หน้าแข้งของ จางเทีย ก็เริ่มบวมขึ้นมาจนเขาขยับไม่ได้ตามใจ เพราะเขาไม่มีพวกไฟฉายเขาเลยต้องหันหลังกลับ เขาเดินต่อมาเรื่อยๆตามต้นสนในปราสาท จางเทีย หวังว่าจะหาไม่ดีๆที่ใช้เป็นคบไฟได้ อย่างที่เขารู้ว่ามันอาจจะมีอันตรายในป่า จางเทีย เลยไม่กล้าที่จะเข้าไปในป่าลึกคนเดียว
ไม้นั้นติดไฟได้ง่ายคือไม้ที่ชุ่มไปด้วยยางไม้ซึ่งยางพวกนั้นก็ไหลออกมาจากต้นไม้นี่แหละ เทียบกับส่วนอื่นๆของต้นสนแล้วไม้ของลำต้นนั้นไหม้ได้ง่ายกว่า เมื่อสับต้นไม้นั้นลงมาโดยไม่ต้องทำให้มันตายก็ได้ คนๆนั้นสามารถใช้มันเป็นคบไฟได้ ไม้นั้นจะไหม้อยู่นานเพราะไม้นั้นไม่ได้เผาได้ง่ายๆ การมียางไม้มาอีกทำให้มันกลายเป็นคบไฟธรรมชาติที่ดีที่สุด
เพราะในปราสาทนั้นมีต้นสนอยู่จำนวนมาก บอกได้เลยว่าทุกๆ 3 ม.จะมีอยู่หลายต้นเลยทีเดียว เมื่อมาถึงป่าสนแล้ว จางเทีย เห็นคนมากมายทั้งชายและหญิงอยู่ที่ขอบของป่า มีสมบัติมากมายในป่าต้นสนแห่งนี้ ยกตัวอย่างเช่นยางไม้ที่ใช้ได้หลายอย่าง ยางสามารถเอามากินได้และยังมีอาหารอย่างอื่นอย่างพวกเห็ดและผักที่โตอย่างรวดเร็วในหน้าฝนซึ่งหาได้ตามพื้น ดอกของต้นสนก็สามารถกินได้ถ้ามันสดและเอาไปต้มน้ำสักพัก แม้ว่าไม้จากต้นสนในปราสาทเองก็ถือว่าเป็นขอจำเป็นของคนหลายคน
ในตอนที่สาวๆต่างก็เก็บยางไม้,ผักและเห็ดในป่านั้น ผู้ชายต่างก็ทำงานพวกใช้แรง ในตอนที่สาวๆเห็นพวกเขา พวกนั้นจะขยันกันเต็มที่ พวกนั้นพากันสับไม้เพื่อจะเอาไปเผากันเป็นถ่าน
“ เพื่อน ช่วยอะไรหน่อยได้มั้ย ? “
เมื่อเห็น จางเทีย เดินเข้ามาพร้อมตะกร้าที่แบกอยู่บนหลังก็ได้มีคนๆหนึ่งที่สับไม้อยู่เรียกเขา
“ ให้ฉันช่วยอะไร ? “ - จางเทีย เดินเข้าไปหาอย่างกับคนขาด้วน
“ เพื่อน นายมาที่นี่เพื่อหาคบไฟไปเหมืองเหรอ ? “
จางเทีย อึ้งกับการสังเกตของชายคนนี้พร้อมกับพยักหน้าตอบ
“ ดีเลย ต้นสนนี่มีไม้เยอะซึ่งจุดไฟได้ง่าย มาช่วยฉันสับต้นไม้นี่ด้วยกันเราจะได้แบ่งมันเป็นสามส่วน นายเอาส่วนที่ติดไฟง่าย,ยางและโคนมันไปครึ่งหนึ่ง ฟังดูเป็นไง ? “
เขามองไปที่ต้นสนซึ่งมีขนาดพอกับเอวคนหนึ่งคน จางเทีย เห็นยางไม้ที่ไหลออกมาและมีตามลำต้นของมันที่มีน้ำสนอาบอยู่ เขาประมาณไม้ที่จะใช้ว่าคงไม่ใช่น้อยๆเลย แม้ว่าเขาจะหาไม้ดีๆไม่ได้แต่เขาก็ยังทำคบไฟขึ้นได้เพราะมันมียางไม้มากขนาดนี้
“ ได้ ! “ - จางเทีย วางตะกร้าลงและตกลงในการสับต้นไม้กับเด็กคนนั้น เด็กนั่นส่งขวานให้กับ จางเทีย ให้รับช่วงต่อและนอนลงกับพื้นคุยไร้สาระกับ จางเทีย
“ ฉันชื่อ วู๊ด นายล่ะ ?”
“ ฉัน จางเทีย นายมาจากโรงเรียนแห่งที่สองเหรอ ? “
“ ใช่ ขานายเป็นอะไร ? “
“ ฉันโดนผู้หญิงบ้าเตะเอา ! “ - จางเทีย ตอบอย่างเจื่อนๆและสับไม้ต่อไป
“ ฮาฮา เพื่อน นายใช้แรงต่อต้านผู้หญิงไม่ได้หรอก แม่ฉันเคยบอกว่าผู้ชายน่ะต้องทำตัวสุภาพบุรุษต่อหน้าผู้หญิง แม้ว่านายอยากจะนอนกับเธอแทบตายก็เถอะ นายต้องอดทนรอ ในตอนที่นายอยากนอนกับพวกเธอ นายต้องขอแม้ว่าเธอจะอยากนอนเฉยๆก็ตาม... “ - วู๊ด หัวเราะออกมาและชี้ไปที่ตะกร้าของ จางเทีย – “ อีกอย่างถ้านายอยากจีบสาวนะ นายไม่ควรเป็นคนขุดเหมือง ผู้หญิงไม่อยากได้คนขุดเหมืองมาเป็นแฟนหรอก ! “
“ ชายคนนี้น่าสนใจแหะ ! “ - จางเทีย พูดในใจแต่เขาก็แย้งขึ้นมา – “ พวกนั้นอยากให้สามีเป็นคนทำถ่านรึไง ? “
“ แฟนฉันบอกให้ฉันมาทำถ่านที่นี่ เธอไม่อยากให้ฉันเป็นจุดสนใจและอยากให้ฉันปลอดภัย คิดดูแล้วการทำถ่านก็เข้าท่าที่สุดละ ... “ - วู๊ด ตอบกลับอย่างภูมิใจ
“ นายมีเมียแล้วเหรอ ? “ - จางเทีย อึ้ง
“ แน่นอน เราโตมาด้วยกันตั้งแต่เรายังเด็ก สองปีก่อนตอนเราเล่นอยู่ด้านนอก ฉันขอเธอว่าจะนอนด้วยมั้ย ตอนนั้นฉันก็ทำให้เธอมาเป็นเมียของฉัน เธออยู่อีกโรงเรียน หลังจากการฝึกนี้จบเราจะหมั้นกัน ! เพื่อน นายต้องเรียนรู้จากฉันในด้านนี้นะ...”
คำพูดของ วู๊ด นั้นผ่าเข้าที่กลางใจของ จางเทีย อีกครั้ง จางเทีย ตระหนักได้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับสาวๆนั้นแย่อย่างมาก ตั้งแต่ที่เขาออกจากโรงเรียนมาแล้วเขาจะไม่ได้เจอ มิสไดน่า อีกต่อไป ในตอนที่เขานอนกับ มิสแอนนา เขาพบว่าเขาจำเป็นต้องไปขลิบ ในวันที่สามตั้งแต่เริ่มการฝึกมา กิลิ เฮงซวยนั่นบอกให้เขาอยู่กับผู้หญิงได้ไม่เกิน 3 นาที หลังจากนั้นเขาก็โดนยัยบ้าเตะเอา บ้าเอ้ย ! เทียบกับ วู๊ด แล้วเขาน่ะอิจฉาสุดๆ ไอ้หน้าโง่นี่ดูเหมือนจะได้ลิ้มรสผู้หญิงมาอย่างน้อยก็สองปีแล้ว ในทางกลับกันเขายังไม่เคยแม้แต่จับมือผู้หญิงเลยด้วยซ้ำ
เขารู้สึกเหมือนโดนตบหน้า จางเทีย หมดคำพูด เขาก้มหน้าลงและทำการสับไม้ต่อไปคอยระบายความหงุดหงิดที่มีลงไปที่ไม้ แรงที่ จางเทีย มีนั้นทำให้ วู๊ด อึ้ง ในที่สุดด้วยแรงของ จางเทีย ที่จัดการสับไม้ไปกว่า 10 นาที ต้นไม้ก็ค่อยๆร่วงลงกับพื้นพร้อมกับเสียงดังสนั่น
ต้นไม้ที่โค่นลงมานั้นทำให้ดึงดูดความสนใจของสาวๆที่แบกตะกร้าซึ่งอยู่ใกล้ๆทำให้พวกนั้นเดินเข้ามาดู ในบรรดาสามคนที่เข้ามาคนหนึ่งมีผมสีบอร์น ส่วนอีกสองคนสวยกว่าผู้หญิงทั่วไปนิดหน่อย ทั้งสามคนนี้ถือว่าสวยจนน่ามองเลยทีเดียว
“ สวัสดี นายเอาโคนสนจากต้นไม้นั้นให้เราหน่อยได้มั้ย ? “ – สาวๆพูดมาด้วยคำพูดรื่นหู เธอมีผมสีบอร์นและรูปร่างเพรียวบาง หน้าของเธอขาวอย่างกับนม เสียงของเธอใสราวกับน้ำ รอยยิ้มของเธอเหมือนกับแสงอาทิตย์และคำพูดของเธอก็ฟังดูจริงใจ
เมื่อเห็นสาวสวยแบบนั้นหน้า วู๊ด ก็แดงกล่ำขึ้นมา เขายืดอกขึ้นและพูดขึ้นอย่างใจดี – “ ไม่มีปัญหา ! แต่ครึ่งหนึ่งของโคนมันเป็นของเขา ถ้าเธออยากได้อีกครึ่งเธอก็ต้องขอเขาเอา ! “ – เมื่อพูดแบบนั้น วู๊ด ก็ชี้ไปที่ จางเทีย ที่ซึ่งหอบพร้อมกับอีกมือที่ถือขวานอยู่
ผู้หญิงผมบอร์นยิ้มและมองไปที่ จางเทีย จางเทีย ที่ซึ่งหงุดหงิดสุดๆในตอนนั้นมองไปที่เธอ นึกได้ถึงบทลงโทษที่เขาได้รับมา ในที่สุดเขาก็หมดอารมณ์ – “ สวย ? สำหรับฉัน ความสวยมีประโยชน์ไม่ต่างจากตด ฉันนอนกับพวกเธอไม่ได้แตะต้องก็ไม่ได้ พวกเธออาจจะอารมณ์เสียแล้วเตะฉันอีก ! “ - จางเทีย คิดในใจ
จางเทีย ปฏิเสธออกมาทันที – “ ไม่มีทาง ฉันจะเอาโคนมัน ฉันไม่มีทางให้เด็ดขาด ! “
เมื่อได้ยินคำพูดของ จางเทีย เด็กผู้หญิงคนนั้นก็นิ่งไปทันที สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นเย็นชาและสาวๆข้างๆเธอก็มองมาที่ จางเทีย แบบอ้าปากค้าง ทำไมเป็นคนหยาบคายแบบนี้ ! หยาบคายจริงๆ ! นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเธอเจอคนแบบนี้ แม้แต่ วู๊ด เองก็มองมาที่ จางเทีย ด้วยความทึ่ง เขาเริ่มสงสัยว่า จางเทีย รู้สึกยังไง หลังจากนั้น จางเทีย ก็ไม่ได้สนใจสายตาคนอื่นมาก เขาก้มลงหยิบตะกร้าและเริ่มหยิบโคนไม้ลงไป
เมื่อเห็นท่าทีของ จางเทีย สาวๆต่างก็มองหน้ากันก่อนจะวิ่งไปเก็บโคนไม้ให้เร็วที่สุด