spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 73: เป็นนักขุดแร่
ลานปราสาทนั้นวุ่นวายยิ่งกว่าลานในเมือง แค่มองแว็บเดียว จางเทีย ก็รู้ว่ามีคนอย่างน้อย 800-900 คนอยู่ที่นั่น นักเรียนผู้ชายต่างก็มาแลกของ, อาหารกับนักเรียนผู้หญิง นักเรียนชายบางคนถึงกับเอาเหยื่อที่ตัวเองจับได้มาแลกกับผักของสาวๆ บางคนถึงกับจับกลุ่มกับผู้หญิงเผื่อว่าจะจีบติด แค่มองแว๊บเดียว จางเทีย ก็เห็นเด็กผู้ชายหลายสิบคนกำลังแสดงว่าตัวเองเก่งและตบอกตัวเองต่อหน้าสาวๆ บางคนเบ่งกล้ามเล็กๆของตัวเอง บางคนถึงกับอายจนตัวแดงซึ่งทำให้สาวๆพากันขำออกมา
นี่เองก็เป็นองค์ประกอบอันน่าสนใจของการฝึก เมื่อทั้งสองกลุ่มตกลงกัน นักเรียนชายและหญิงนั้นต้องตั้งทีมกันเพื่อผ่านการฝึกนี้ไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตราบใดที่นักเรียนหญิงกลับมาที่ปราสาทก่อน 20.00 น.แล้วก็ไม่มีใครไปยุ่งกับการกระทำของพวกเธอแต่อย่างใด หลังจากที่ลองระบบนี้มานานหลายปีที่แยกผู้ชายกับผู้หญิงออกจากกัน ในที่สุดการคุยกับเพศตรงข้ามก็ดูเป็นเรื่องท้าทาย นอกซะจากว่าสาวๆโดนบังคับให้ทำอะไรที่ฝืนใจตัวเอง พวกเธอสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่ตัวเองต้องการ สุดท้ายแล้วความรักก็ดูเหมือนเป็นเรื่องสำคัญ มันถือเป็นเรื่องเล็กถ้ามันเป็นเรื่องส่วนตัวแต่ในเวลาเดียวกันมันก็เป็นเรื่องสำคัญด้วยเพราะมันคือส่วนกำเนิดของเผ่าพันธุ์มนุษย์และเป็นบางอย่างที่ไม่อาจควบคุมได้ง่ายๆ
ตอนแรกๆสาวๆนั้นต่างก็เขินอาย มีแต่พวกผู้ชายเท่านั้นที่พยายามอย่างสุดตัวเพื่อเข้ามาจีบ
สำหรับคนขี้อายแล้ว พวกเขาจะสนิทกับสาวๆได้ผ่านการแลกเปลี่ยนอาหารรึสินค้า สำหรับคนหน้าด้านแล้วพวกนั้นจะเดินไปหาสาวๆและถามออกมา – “ สุดสวย มาร่วมมือกันมั้ย ? เราน่ะแข็งแกร่งนะ ถ้าเธอร่วมมือกับเรา เราสัญญาว่ามีเนื้อให้กินทุกวันเลย ! “ – ผู้ชายส่วนมากจากกลุ่มนี้เต็มไปด้วยความอยาก ในทางกลับกันคนที่แข็งแกร่งและโชคทีจะมีประสบการณ์เรื่องผู้หญิงมากกว่าจะเอาเหยื่อมาให้สาวๆเห็นและตะโกนเชิญสาวๆมากินข้าวกับพวกเขา คนพวกนี้น่ะจีบสาวติดได้โดยง่ายเลยทีเดียว
ไม่นานหลังจากที่ จางเทีย มาถึง จางเทีย ก็พบกับกลุ่มพวกหื่นของโรงเรียนแห่งที่สองแบกศพของหมูป่ามา ไม่นานพวกนั้นก็ตะโกนเรียกสาวๆมากินเนื้อด้วย กลุ่มเด็กหญิงสองกลุ่มได้มากินเนื้อนั้นกับพวกเขา สุดท้ายด้วยความดีใจกลุ่มหื่นพวกนั้นก็ได้ออกไปพร้อมกับสาวๆสองกลุ่มนั้น เมื่อเห็นแบบนั้น จางเทีย ก็เข้าใจว่าทำไม แบร์ลี่ ถึงได้เอาหม้อใหญ่นั่นมาด้วย ไม่ต้องบอกเลยว่ามันเตรียมไว้เผื่อสาวๆ ความต่างระหว่างการทำกับข้าวโดยมีหม้อกับไม่มีหม้อนั้นชัดเจนอย่างมาก เพราะพวกเขาต้องอยู่ที่นี่นานกว่าสองเดือน ไม่สำคัญว่าคนเราจะแข็งแกร่งแค่ไหน แม้ว่าจะจับเหยื่อได้ทุกวันแต่คงไม่มีทางหาผู้หญิงที่กินเนื้อย่างติดต่อกันไปตลอดสองเดือนได้หรอก.....
จางเทีย ดูเหมือนจะเห็นรอยยิ้มกวนๆของไอ้อ้วนแว็บขึ้นมา !
นอกจากการเจรจาแลกเปลี่ยนแล้ว พวกนี้ยังโชว์ความแข็งแกร่งของตัวเองและความสามารถพิเศษออกมาด้วย เมื่อเห็นสินค้าที่เพื่อนๆเอามาแลกแล้ว จางเทีย ก็ต้องทึ่ง นี่แค่วันที่สามของการฝึกแต่มีคนที่ทำสินค้าขึ้นมาได้อย่างตะกร้า,หม้อ,อื่นๆอีกมากมาย การทดสอบนี่เหมือนกับเป็นการทดสอบพรสวรรค์ของคนจริงๆ สินค้าพวกนั้นเตือนให้ จางเทีย จำได้ถึงคนสุดยอดของโรงเรียน หลี่ชิเซ็น นักเรียนพรสวรรค์สูงที่อยู่โรงเรียนธรรมดาแต่กลับแสดงพรสวรรค์ในการทำยาออกมาเพื่อเอามาขาย ในตอนที่ฝึกนี้ เขาก็ได้เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางและได้รับโอกาสที่จะไปเรียนต่อ ดังนั้นแล้วสำหรับเด็กๆตอนนี้แล้วการฝึกนี่คือโอกาสครั้งสำคัญสำหรับพวกเขาที่อาจจะได้เรียนต่อ
ถ้าคนเราสุดยอดซะจนกลายเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งได้ งั้นพวกเขาก็จะใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองฆ่าสัตว์ป่าและเอามันกลับมา...
ถ้าใครมีพรสวรรค์ในการทำยา พวกเขาก็จะทำยารักษาขึ้นมา...
ถ้าใครมีทักษะมือ พวกเขาก็จะทำบางอย่างที่พิเศษออกมาโชว์....
แน่นอนถ้าใครไม่ได้มีอะไรดีรึแย่อะไรและไม่มีแม้แต่ความมั่นใจที่จะหาอาหารในป่า งั้นพวกเขาก็ทำได้แค่ต้องไปขุดเหมืองทำงานกรรมกร ถ้าใครทนทำงานแบบนั้นได้งั้นพวกเขาก็ไม่ต้องอดตายในการฝึกนี่ คนที่ทนความลำบากและทำงานหนักๆได้นั้นเป็นสิ่งจำเป็นในสังคมมนุษย์เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะรุ่งเรืองและยิ่งใหญ่ได้
เขายืนอยู่ด้านนอกของปราสาท มีเด็กชายบางคนที่ไปอ่านประกาศที่ติดไว้ตรงประตู เมื่อเห็นภารกิจที่ประกาศออกมา บางคนก็ส่ายหน้าแล้วเดินหนีไป บางคนดูดีใจและตั้งใจที่จะลองทำดู ...
จางเทีย เดินแหวกฝูงคนเข้าไปแล้วชูหัวขึ้นมาดูประกาศที่เพิ่งถูกปล่อยออกมา
ภารกิจแรก : ปราสาทหมาป่ากำลังเตรียมตัวที่จะสร้างถ่านหินซึ่งเผาไหม้ไม้จำนวนมากได้ในเวลาสั้นๆ คนที่มีความแข็งแกร่งแต่ยังไม่ได้เหยื่อสามารถเอาขวานและสับไม้มา เพื่อการแลกเปลี่ยนกับฟืนเหล่านั้นจะได้อาหารกลับไป สำหรับคนที่มั่นใจว่าทำถ่านขึ้นมาได้ พวกเขาจะได้เข้าทีมฟรีๆ เพราะการทำถ่านนั้นเป็นสิ่งที่สอนที่โรงเรียนมาแล้ว มีนักเรียนหลายคนที่สามารถเอาตัวรอดได้ด้วยวิธีนี้ได้แต่งานทั้งสองอย่างไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจเท่าไหร่ งานทั้งสองอย่างแค่ทำให้พกวเขารอดและหลบเลี่ยงความตายเพราะหิวไปได้ชั่วคราวเท่านั้น
ภารกิจที่สอง : ถ่านนั้นเอาไว้หลอมเล็กและโรงหลอมนั้นจะเปิดใช้งานได้ก็ต่อเมื่อมีมัน นอกจากต้องการถ่านแล้วเรายังต้องการแร่เหล็กและคนที่มีความมั่นใจในทักษะการตีเหล็ก แม้ว่าจะมีทักษะเหล่านี้แต่การหลอมและตีเหล็กนั้นยากยิ่งกว่าการทำถ่านและขุดเหมือง ใครก็ตามที่หลอมและตีเหล็กเป็นสามารถแสดงมันออกมาได้เลย
ภารกิจที่สาม : คนจำนวนมากสร้างกรดขึ้นมา เพราะกรดนั้นจำเป็นในการฟอกหนัง มันคือสิ่งที่จำเป็น
สำหรับภารกิจที่เหลือนั้น จางเทีย ไม่ได้อ่านมันอีกต่อไป...
หลังจากดูประกาศแล้ว จางเทีย ได้เข้าไปที่ปราสาททันที เมื่อเข้ามาที่ประตูแล้วเขาได้เดินเลี้ยวขวาไปอีก 30 ม. ที่นั่นเขาเห็นห้องเล็กๆที่มีป้ายเขียนไว้ว่า ‘ การจัดการความเข้าใจเหตุผล ‘ ด้านหน้าประตูนั้นมีโต๊ะซึ่งมีสาวสองคนนั่งคุยกันอยู่ ในตอนที่ จางเทีย เข้าไปใกล้ ทั้งคู่ก็เงยหน้าขึ้นมามอง ด้วยอายุ 15 ปี จางเทีย ดูเป็นเด็กธรรมดาไม่ได้สูงรึเตี้ย หน้าตาของเขาก็ไม่ค่อยหล่อเหลาแต่อย่างน้อยๆก็ไม่ได้ดูน่ากลัว หลังจากมองมาที่ จางเทีย แล้วสาวๆก็ไม่ได้สนใจอะไร หนึ่งในนั้นได้ถามออกมาด้วยน้ำเสียงฟังดูเป็นทางการ – “ มีอะไรให้ช่วยรึเปล่า ? “
“ ผมมาที่นี่เพื่อเอาพลั่วกับตะกร้า ! “- จางเทีย ตอบอย่างใจเย็น
“ นายต้องการขุดเหมืองเหรอ ? “ – เมื่อได้ยินคำพูดของ จางเทีย สองสาวนั้นก็ต้องตกใจ ทั้งคู่มองมาที่ จางเทีย อีกครั้ง สายตาแปลกๆที่สองสาวนั้นส่งมาให้ทำให้ จางเทีย รู้ว่ามันคงมีปัญหาแฝงอยู่
“ ใช่ แม้ว่าผมไม่เคยทำมาก่อนแต่ผมเห็นว่ามันค่อนข้างน่าสนใจเลยอยากจะลองทำดู.... “ - จางเทีย ตอบกลับพร้อมกับยิ้มโดยไม่ได้รู้สึกอายเลยสักนิด เมื่อเห็นรอยยิ้มของเขาแล้วสายตาแปลกๆของทั้งคู่ก็ดูเหมือนจะเป็นปกติก่อนจะมองหน้ากันโดยบอกว่าเด็กผู้ชายมักอยากทำอะไรแปลกๆ
“ ได้ ตามมาเลย บอกเลขที่นักเรียนด้วย ฉันจะได้ช่วยเธอลงทะเบียน.... “
หลังจากที่ถอดป้ายนักเรียนที่ห้อยอยู่ที่คอให้แล้ว จางเทีย ก็ส่งมันให้กับเธอ นักเรียนแต่ละคนจะได้รับสร้อยเลขประจำตัวนักเรียนมาตอนที่เข้าโรงเรียน มันเป็นเหมือนบัตรประจำตัวที่ใช้ในเมืองแบล็คฮ็อตแต่ไม่ได้ใช้ในเวลาปกติ มันใช้แค่ตอนฝึกเอาตัวรอดที่โรงเรียนบอกให้เด็กๆเอามันมาด้วย มีคำพูดคุยกันว่าป้ายพวกนี้น่ะเอาไว้ยืนยันตัวศพที่ตายอย่างอนาถที่อาจบอกตัวตนไม่ได้เพราะหน้าตาที่เละ
หลังจากลงทะเบียนแล้วผู้หญิงคนนั้นก็เอามันคืนให้กับเขา – “ ฉันต้องเตือนเธอก่อนว่าเธอไม่ควรทำให้พลั่วรึตะกร้าเสียหาย ถ้าเธอทำมันเสียหายแล้ว เธอต้องจ่ายเงินเท่ากับราคาของมัน จากนี้เธอจะต้องส่งเหล็กอย่างน้อย 100 ก.ต่อวัน เธอสามารถแลกมันกับอาหารได้ ยิ่งมีแร่มากเท่าไหร่ยิ่งได้อาหารมากขึ้น ถ้าเธอไม่มีแร่ตามขั้นต่ำมาส่งสามวันติดกัน งั้นเธอก็จะเสียสิทธิในการเป็นนักขุดเหมือง ตอนนั้นเธอจะต้องส่งพลั่วกับตะกร้าคืน “
“ ได้ มีอะไรที่ต้องจำอีกมั้ย ? “
“ เธอรู้สถานที่ของเหมืองร้างในหุบเขารึเปล่า ?”
“ ใช่ ผมรู้ เหมืองที่ใกล้ที่สุดอยู่ด้านล่างปราสาทไป 200 ม. ! ”
“ ดี ถ้าเธอไม่รู้ว่าจะบอกแร่ยังไง เธอไปที่โรงหลอมแล้วเรียนรู้มัน พวกเขามีตัวอย่างที่นั่นหลายอัน ! “ – ในตอนที่เธอพูด เธอได้ชี้ไปยังลานเล็กๆที่อยู่นอกปราสาท
“ ได้ ! “
ส่งแร่เหล็ก 100 กก.ต่อวันถือว่าเป็นข้อกำหนดที่น้อย นี่ทำให้ จางเทีย รู้สึกเบาใจขึ้นมาว่าเขาจะมีเวลาทำตามที่เขาต้องการได้ ดูเหมือนว่าจะมีไม่กี่คนที่ต้องการรับงานนี้เพราะมันง่ายเกินไป คนส่วนมากรู้สึกว่ามันน่าอายที่จะทำงานแบบนี้เพราะมันเตรียมไว้ให้กับคนที่เกือบจะอดตาย
หลังจากบอกข้อมูลต่างๆแล้ว สาวๆก็หันหน้ากลับไปและเข้าไปยังคลังที่อยู่ข้างๆ ไม่ถึงครึ่งนาทีเธอก็กลับมาพร้อมกับเอาพลั่วเหล็กกับตะกร้าออกมาให้ ดูเหมือนว่าจะมีคนทำความสะอาดมันเมื่อไม่กี่วันก่อน แม้ว่าจะไม่ได้ใช้มาหลายปีแต่มันไม่ได้สกปรกเลยสักนิด เขาโยนพลั่วลงในตะกร้าแล้วแบกตะกร้าอย่างกับอุ้มลูก เขาโบกมือให้สองสาวและลาพวกเธอ จางเทีย เดินออกมาด้วยท่าทีแปลกๆพร้อมกับหอกที่อยู่ในมือ
ก็อย่างที่คาดไว้อุปกรณ์ต่างๆที่เขามีนั้นทำให้ทุกคนนั้นมองมาที่เขา
ในตอนที่เขาเดินผ่านประตูปราสาทออกมา จางเทีย ก็ได้ยินเสียงแปลกๆเต็มไปด้วยการดูถูก – “ ว๊าว นั่นใครวะ ? ไม่ใช่ผู้กล้าจากโรงเรียนเราหรอกเหรอ ? “
เขาหันกลับและพบกับกลุ่มของ เกรซ กำลังมองมาที่เขาด้วยท่าทีไม่พอใจ ก็อย่างที่บอกนะยังไงก็หลบเลี่ยงศัตรูไม่ได้.....