spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
หุบเขาหมาป่านั้นห่างจากทางทิศตะวันตกของเมืองไปประมาณ 70 กม. ถ้าพวกเขาไม่เอาอะไรไปกับตัวด้วยมันคงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับ จางเทีย และเด็กๆคนอื่น โรงเรียนนานาชาติแห่งที่เจ็ดมาถึงในตอนกลางวัน แม้ว่าพวกเขาจะมีแรงกันไปบ้างแต่ แต่ละคนนั้นก็แบกเป้หนักว่า 10 กก.ไว้ที่หลัง ไม่ต้องเดาเลยว่ามันเป็นภาระสำหรับทุกคน
ฉากด้านนอกกำแพงนั้นต่างจากในเมืองอย่างสิ้นเชิง ในพื้นที่ 10 กม.ห่างจากกำแพงเมืองมานั้นพวกเขายังพอเห็นเส้นทางและเหล่าเกษตรกรทำงานอยู่ในสวน มีหอคอยที่ตั้งห่างจากกัน หอคอยพวกนี้มีไว้เพื่อสองอย่าง อย่างแรกคือส่งคำเตือนและอย่างที่สองคือบอกพวกเกษตรกรเรื่องการโจมตีจากสิ่งมีชีวิตอันตราย
หนึ่งกิโลเมตรห่างจากเมืองมานั้น พวกเขาได้ผ่านเมืองเกษตรเมืองแรก เทียบกับในกำแพงเมืองซึ่งสูงแค่ 30 ม.แล้วกำแพงของเมืองนี้นั้นสูงแค่ 5 ม. มันดูทำลายได้ง่ายเพราะความสูง 5 ม.นั้นคงไม่อาจเป็นอุปสรรคต่อพวกสัตว์อสูรมากเท่าไหร่ เมืองเล็กๆนี้มีพื้นที่ไม่ถึง 1 ตร.กม.เพราะเป็นเมืองเพาะปลูกด้านนอกกำแพง ในตอนกลางวันเราชาวนาจะทำงานในสวน เมื่อเห็นเด็กๆเหล่านี้เดินออกมามีหลายคนได้หยุดทำงานของพวกเขาไป
“ มาจากโรงเรียนไหนกัน ? “ - ลุงที่อายุประมาณ 30 ปียืนอยู่ที่นาถามออกมา
“ โรงเรียนนานาชาติแห่งที่เจ็ด !” – มีบางคนตอบกลับไป
“ ฮาฮา ฉันจบจากแห่งที่สิบ เด็กๆ ฆ่าสัตว์อสูรให้เราเยอะๆนะ หลังๆมานี่เริ่มมีสัตว์อสูรด้านนอกกำแพงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ.. “
“ ได้...”
“ มีชีวิตกลับมาด้วยล่ะ ! จำไว้ว่าอย่าไปถ่ายในป่า... “ – ชาวนาตะโกนกลับมา
“ อะไรนะ ... “
“ อย่าไปเปิดก้นนั่นแหละ ... “
“ เหี้ย ! “ – เมื่อได้ยินคำพูดจากชาวนา เด็กต่างก็ด่าออกมา เมื่อเห็นผิวของชาวนาที่เข้มขึ้นเพราะตากแดดมาตลอด จางเทีย ก็ซึ้งและจำคำพูดของเขาไว้ในใจ
ยิ่งไกลจากเมืองมากเท่าไหร่ยิ่งมองเห็นกำแพงเมืองต่ำลงมากเท่านั้น ในที่สุดพวกเขาก็เดินทางไกลจากเมืองมากได้ 10 กม. ในตอนที่พวกเขาพบเมืองสุดท้ายซึ่งมีกำแพงไม้ซึ่งสูงแค่ 3 ม. ในตอนที่พวกเขาผ่านเมืองนี้มา พวกเขาได้ยินระฆังดังขึ้นจากหอคอยไม้ด้านนอกเมือง เมื่อได้ยินระฆัง เหล่าชาวนาต่างก็รีบทิ้งเครื่องมือและรีบวิ่งเข้ามาในเมือง ในเวลาเดียวกันก็ได้มีทหารขี่ม้าแห่ออกมา
“ ป้องกันตำแหน่งต่างๆ ! “ - กัปตันเคอร์ลิน ตะโกนออกมาพร้อมกับหยิบหอกขึ้นมาถือไว้และวิ่งออกไปอย่างกับม้า ตอนนั้นเองเด็กก็เพิ่งได้รู้ว่าไอ้โหดนี่แข็งแกร่งขนาดไหน
“ พระเจ้าไอ้โหดนี่วิ่งได้อย่างน้อย 20 ม./ วินาที... “ – เด็กๆต่างตะโกนกันออกมาพร้อมจับตาดู กัปตันเคอร์ลิน ไว้
แค่ไม่กี่อึดใจแต่ไอ้โหดก็วิ่งห่างจากเด็กๆไปกว่า 100 ม. ไม่นานพวกเขาก็ได้เห็นแมลงป่องเลือดโผล่ออกมาด้านหลัง กัปตันเคอร์ลิน
“ พลังคี ! นั่นมันพลังคีของ กัปตันเคอร์ลิน ! กัปตันเคอร์ลิน เป็นนักสู้แมงป่องแดง ... “ - เด็กเริ่มตะโกนกันออกมา ในเวลาเดียวกัน กัปตันเคอร์ลิน ก็กระโดดขึ้นจากพื้นอย่างกับเหยี่ยวพร้อมกับโยนหอกออกไปอย่างกับสายฟ้า ท่าทางแบบฮีโร่ที่ กัปตันเคอร์ลิน แสดงออกมาทำให้ทุกคนอึ้ง ถึงจะผ่านจากนี้ไปหลายปี จางเทีย ก็น่าจะจดจำท่าทางนี้ไว้
ในตอนที่หอกถูกโยนออกไปก็ได้มีเสียงฝ่าลมดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงร้องคร่ำครวญของสัตว์อสูร หลังจากนั้นทุกอย่างก็กลับมาสู่ปกติ...
กลุ่มเด็กๆพากันเดินหน้าต่อไปอีกครั้ง
หลังจากเดินมาได้ 200 ม. พวกเด็กๆก็เห็นผลลัพธ์ที่ กัปตันเคอร์ลิน จัดการเอาไว้ สัตว์อสูรระดับ 5 เสือดาวที่ยาวเกือบ 2 ม.ที่ไม่มีหางนั้นนอนนิ่งอยู่ข้างถนนโดยมีแผลโดนหอกแทงเลือดไหลออกมา มีหอกซึ่งยาวกว่า 3 ม.แต่ครึ่งหนึ่งนั้นปักในพื้น
กัปตันเคอร์ลิน พูดออกมาไม่กี่คำกับพวกทหารที่วิ่งออกมาจากเมือง จากนั้นเขาก็ได้หันกลับมาและดึงหอกออกจากศพของสัตว์นั่น หลังจากนั้นเขาก็ได้เดินนำเด็กๆอีกครั้ง
ในตอนที่ กัปตันเคอร์ลิน กลับมายังกลุ่มเด็กๆหลังจากที่ฆ่าสัตว์อสูร เขาได้เป็นเหมือนฮีโร่สำหรับทุกคน ไม่ว่าไอ้โหดนี่จะน่ากลัวขนาดไหนที่โรงเรียนแต่เขาทำให้คนไว้ใจในตัวเขาได้เมื่อออกมานอกกำแพง แค่ศพของสัตว์ตัวเดียวที่อยู่ข้างทางนี้มันก็แค่จุดเริ่มต้น
“ พวกนายได้ยินเสียงหอกฝ่าลมไปมั้ยตอนที่ กัปตันเคอร์ลิน ขว้างหอกออกไป? “ - แบกแดด ถามเพื่อนคนอื่นๆ
จางเทีย และคนอื่นๆพยักหน้า
“ ไร้สาระ ใครๆก็ได้ยิน ! “ – ไอ้อ้วน แบร์ลี่ ตอบอย่างอ่อนแรง – “ ฉันไม่คิดเลยว่าไอ้โหดจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ! “
“ พวกนายไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันจะบอก ! “ – แบกแดด เกาหน้าตัวเองและไม่รู้ว่าจะบอกความคิดตัวเองออกมายังไง - “ ฉันหมายถึงเหตุผลที่เกิดเสียงนั่น ?”
“ ดีมาก ทรงพลังมาก ! “ - ดั๊ก ตอบกลับโง่ๆซึ่งทำให้เขาโดน แบกแดด มองค้อน
“ นายหมายถึงการโจมตีนั้นมันพิเศษงั้นเหรอ ? “ ดั๊ก กรอกตาใส่พร้อมกับถาม
“ แน่นอน ฉันเดาว่าการโจมตีนั้นคือคลื่นเสียง ! “
“ นายหมายความว่าไงคลื่นเสียง ? “ - ชอร์วิน ถามออกมาด้วยความสงสัย
“ ฉันได้ยินมาเกี่ยวกับคลื่นเสียงที่คลับต่อสู้ มันหมายถึงการโจมตีที่นักสู้ระดับสูงนั้นสามารถทำได้เร็วกว่า 340 ม./ วิ ซึ่งเท่ากับความเร็วเสียง เมื่อเราทำความเร็วได้ขาดนั้นมันจะฝ่าอากาศจนทำให้เกิดการระเบิดของเสียงขึ้นมาได้ เพราะแบบนั้นเราจึงได้ยินเสียงฝ่าอากาศนั่นยังไงล่ะ มันเรียกว่าโซนิคบูมซึ่งเป็นเครื่องหมายของนักสู้ระดับสูง ! “
“ นายหมายถึง ... “ – แบร์ลี่ มองไปที่ แบกแดด ด้วยความตกใจ
“ ใช่ ! ฉันรู้สึกว่าตอนที่มันออกจากมือไอ้โหดไป หอกนั่นน่ะเร็วกว่า 340 ม./วิ แล้ว เราได้ยินเสียงระเบิดอของอากาศเพราะมันเร็วยิ่งกว่าเสียง ! “ - ในตอนที่อธิบาย แบกแดด ก็แสดงสีหน้าชื่นชมออกมาและมองไปที่ร่างอันใหญ่โตของชายตาเดียวที่ซึ่งเดินนำอยู่ด้านหน้า – “ กัปตันเคอร์ลิน น่ะเป็นคนที่แข็งแกร่งจริงๆ !! “
“ มันยากเหรอที่จะทำความเร็วได้ขนาดนั้น ? “ - จางเทีย ถามออกมาด้วยความสงสัย
“ ใช่ ยากมาก ! “ - แบกแดด พยักหน้า – “ ฉันได้ยินมาว่านักธนูเก่งๆที่ซึ่งสามารถใช้ธนูรบได้น่ะสามารถยิงออกมาด้วยความเร็วที่มากกว่าความเร็วเสียง แต่ ! มีคนแบบนั้นในเมืองแบล็คฮ็อตแค่ 50 คน ใครก็ตามที่ทำได้ความเร็วเสียงแล้วแล้วใช้ธนูรบน่ะจะได้รับตำแหน่งร้อยโทระดับสองและได้รับเงินค่าจ้างด้วย กองทัพของเมืองนั้นมีฝันมานานว่าจะสร้างกองทัพแบบนี้ขึ้นมาเพื่อใช้ธนูรบนั้นปล่อยการโจมตีระยะไกลพร้อมกับให้หน่วยหอกเข้าโจมตีแต่โชคร้ายที่พวกเขาล้มเหลวมาหลายปีแล้ว จากนี้นายควรจะบอกได้ว่าทักษะนี่มีค่ามากแค่ไหน ตอนแรก กัปตันเคอร์ลิน น่ะสามารถใช้มันได้ง่ายๆด้วยการโยนหอกซึ่งยากกว่าการใช้ธนูซะอีก ! “
เมื่อได้ยินคำอธิบายทุกคนต่างก็เข้าใจว่าคลื่นเสียงนี้มันสุดยอดมากแค่ไหนและตัว กัปตันเคอร์ลิน เองก็ด้วย
หลังจากที่เด็กๆนั้นได้เดินทางมาได้ 30 กม. ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงจุดพักจุดแรกในตอนที่ทุกคนต่างก็หอบกันอย่างแรง พวกเขาอยู่ใกล้ๆกับสถานีของเหมืองเหล็กแกร๊ง ด้านทิศตะวันตกของเมือง เมื่อผ่านสถานีนั้นมาเส้นทางที่นำไปสู่เหมืองจะอยู่ทางทิศเหนือ รถไฟที่ขนส่งระหว่างเมืองกับเหมืองนี้มีหน้าที่ในการขนส่งวัตถุดิบและทำการติดต่อสื่อสานระหว่างสองสถานที่ รถไฟจะส่งเหล็กไปให้กับโรงงานในเมืองทุกวัน เหมืองเหล็กแกร๊งนั้นมีเหล็กกว่า 6 พันล้านตันซึ่งถือว่าเป็นเหมืองเหล็กที่ใหญ่ที่สุดในพันธมิตรอันดามันและอยู่ในอันดับสามของสมามคมแบล็คซอน ครึ่งหนึ่งขอการก่อตั้งเมืองแบล็คฮ็อตนั้นก็เกิดขึ้นจากที่นี่
เมื่อมาพักใกล้ๆกับสถานี จางเทีย และคนอื่นๆเห็นพวกเด็กโรงเรียนนานาชาติชายแห่งที่สองมาถึงใน 20 นาทีให้หลัง ตามมาด้วยโรงเรียนนานาชาติสตีแห่งที่สี่และสิบเอ็ด เมื่อเห็นสาวๆเหล่านั้นไอ้พวกหื่นทุกคนต่างก็ตัวแข็งเป็นหินพร้อมกับน้ำลายไหลออกมา