หน้าแรก > Castle of Black Iron
Chapter 67: ออกเดินทาง

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

Chapter 67: ออกเดินทาง

 

เด็กทุกคนเปิดเป้ของตัวเองออกและวางไว้ตรงเท้าของตัวเองรอคอยคำสั่งจากครูและ กัปตันเคอร์ลิน  นอกจากอาหาร 5 กก.แล้วเด็กยังเอาของบางอย่างซ่อนไว้ในเป้  เอา จางเทีย เป็นตัวอย่าง แม่ของเขาได้เตรียมข้าวสารให้เขาและซ่อนไว้ในช่องด้านในของเป้ไว้  มันไม่ได้เป็นการผิดกฎอะไร โค้ชเองก็ไม่ได้จะลงโทษเรื่องนี้ แน่นอนว่าถ้ามีคนเอาอาหารไปเยอะกินไปแล้วต้องส่งอาหารคืนและในเวลาเดียวกันโค้ชตรงหน้าพวกเขาก็แสดงสีหน้าเคร่งขรึมด้วย ถ้ามีคนทำแบบนั้นจริงๆบางทีมันอาจจะไม่คุ้มกับอาหารที่แอบเอาไปเกินก็ได้

จากประสบการณ์ที่ได้ยินมาแล้วเด็กๆทุกคนเข้าใจเรื่องนี้ พวกเขาไม่อาจแอบเอาอาหารไปเกิน 1 กก. ได้ซึ่งนั่นเท่าๆกับอาหาร 1 วัน  ถ้าใครเอาเกินไปมากกว่านั้นพวกเขาได้โดนลงโทษแน่ๆ

ไม่นานหลังจากตรวจกระเป๋าแล้ว กัปตันเคอร์ลิน ได้สั่งให้ออกเดินทางได้  เมื่อได้ยินคำสั่งเด็กๆต่างก็แบกเป้ขึ้นมาที่ไหลและเดินเรียงแถวออกจากโรงเรียนไปยังประตูของเมือง

ในตอนที่พวกเขาเดินไปถึงประตูโรงเรียน พวกเด็กรุ่นน้องก็เพิ่งมาถึง  ด้วยสายตาอันซับซ้อนแล้วพวกเขายืนอยู่เป็นแถวสองข้างมองดูรุ่นพี่ที่แบกอาวุธเดินออกจากโรงเรียนไป !

สำหรับเด็กที่มาจากครอบครัวธรรมดาของเมืองแล้ว ไม่มีสักคนที่อาจหลบเลี่ยงการฝึกเอาตัวรอดนี้ได้  มันคือโชคชะตาของพวกเขาและเป็นโชคชะตาสำหรับทุกคนในยุคนี้ สำหรับมนุษย์แล้วเพื่อขยายเขตที่อยู่ พวกเขาได้ส่งเด็กๆพวกนี้ออกไปทุกปีแม้ว่าจะมีคนเสียชีวิตก็ตาม

“ รุ่นน้อง ขยันเข้าไว้ ! ปีหน้าก็ถึงตาพวกนายแล้ว  ! “ – บางคนที่อยู่ตรงประตูโรงเรียนตะโกนขึ้นมา โชคร้ายที่มีไม่กี่คนที่ตอบรับคำพูดนั้นเพราะคำพูดนี้ต่างก็ทำให้พวกนั้นสิ้นหวัง

จางเทีย ยังคงเงียบอยู่และเดินตามคนอื่นไปเรื่อยๆ เทียบกับตอนที่เขาเข้าโรงเรียนนี่ครั้งแรกแล้ว เป้ของเขานั้นหนักขึ้นเยอะ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปที่สุดก็คงเป็นหม้อที่อยู่บนเป้ของเขา สมาชิกคนอื่นๆต่างก็พากันมีของเพิ่มเติมซึ่งแบ่งมาจากไอ้อ้วน การที่เอาหม้อมานั้นมีเพียงแค่เหตุผลเดียวเพื่อทำซุป  พวกเขาจะมีทางเลือกเพิ่มขึ้นสำหรับการทำอาหารและลดการกินอาหารลงไปอีกนิดหน่อยและฟื้นฟูแรงได้ดีกว่าเดิม  นี่คือเหตุผลที่ไอ้อ้วนกล่อมทุกคน  ดังนั้น จางเทีย จึงได้แต่ยอมรับแบกหม้อนี้เอาไว้

ตั้งแต่เช้าเขาได้แบกหม้อมาเรื่อยๆ สำหรับเหตุผลก็เหมือนกับคำพูดที่เคยได้ยินมาจากประเทศฝั่งตะวันออก  จางเทีย รู้สึกว่าเขาคงต้องเจอปัญหาในการฝึกเอาตัวรอดนี้  ก่อนที่เขาจะออกมาเขาเห็นสายตาอาฆาตจาก ชาร์ลอน ที่ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ เกรซ   เมื่อคิดถึงเรื่องที่กลุ่มของ เกรซ นั้นทำตัวเงียบมานาน  จางเทีย ก็รู้สึกว่าต้องมีอะไรแย่ๆเกิดขึ้นกับเขาแน่

อันที่จริงพวกเขาไม่จำเป็นต้องเอาหม้อมาด้วยก็ได้ ถ้าพวกเขาอยากกินซุป พวกเขาแค่ใช้หมวกตัวเองแทนก็ได้ซึ่งเป็นแบบที่คนส่วนมากทำ  จางเทีย เองก็เสนอเรื่องนี้ไปแต่ไอ้อ้วนยิ้มมาให้กับเขาและบอกว่าจะรู้ข้อดีของการมีหม้อเมื่อเวลามาถึง

ดังนั้น จางเทีย เลยได้แต่แบกหม้อนี้ไว้ มันเป็นหม้อใหญ่ที่แม้แต่ กัปตันเคอร์ลิน เองก็ยังต้องมองอยู่หลายรอบ

แต่หม้อนี้ดูด้อยทันทีเมื่อเทียบเครื่องจักรฆ่าที่รู้จักกันในชื่อ ‘ ประตูเหล็ก T21 ‘  มันคือหน้าไม้ที่มืออาชีพใช้กันซึ่งห้อยอยู่ที่ไหล่ของ ดั๊ก  แม้ว่ามันจะเบากว่าหน้าไม้อื่นๆแต่มันมีความยาวกว่า 1 ม.และหนักกว่า 30 กก.  และที่สำคัญนั้นมันทำมาจากอัลลอย  มันดูเหมือนว่าวเหล็กขนาดใหญ่ซึ่งดูสะดุดตาอย่างมาก

ในตอนที่แบกหน้าไม้นี้มันก็ไม่ได้หนักกับไหล่เขาเกินไป ดั๊ก นั้นทำท่ายะโสออกมาและทำให้ แบกแดด ต้องมองด้วยความอิจฉา

หน้าไม้อันนี้ไอ้อ้วนเองก็มีเช่นกัน  เทียบกับของที่ ชอร์วิน มีแล้ว  พ่อของ แบร์ลี่ นี่ทุ่มเงินไปเยอะพอสมควร  จากที่ จางเทีย รู้แล้วหน้าไม้อันนี้ราคาอย่างน้อยก็ 15 ทอง เพราะมันทำมาจากอัลลอยพิเศษ มันไม่สามารถสร้างหน้าไม้ในเมืองนี้ได้  มีแค่เมืองคาลัวร์เท่านั้นที่รู้จักกันว่าเป็นเมืองเครื่องจักรที่สามารถผลิตอาวุธระยะไกลออกมาได้

ในตอนที่ ดั๊ก แบกหน้าไม้นี้ไว้  ชอร์วิน และ ลิซ ได้แบกธนูเอาไว้ให้ด้วย ที่เก็บธนูแต่ละลูกนั้นมีธนู 80 ดอก มันเป็นธนูเหล็ก  อีกอย่าง แบกแดด เองก็ช่วย แบร์ลี่ ถือหอกเอาไว้  ส่วน ฮิสต้า นั้นแบกกระเป๋าให้กับไอ้อ้วน   จางเทีย หมดคำพูดเกี่ยวกับไอ้อ้วนนี่จริงๆ มันมีของเยอะมาก  ครั้งนี้ จางเทีย รู้อย่างชัดเจนเลยว่าไอ้อ้วนมันกลัวตายแค่ไหน

ในตอนที่ออกจากโรงเรียนมา แสงอาทิตย์ตอนเช้าก็ได้สาดส่องลงงมาในเมือง  พวกเขาเดินไปตามท้องถนนเป็นที่สนใจของคนเดินผ่านไปมา  เมื่อเห็นเด็กหนุ่มเหล่านี้กำลังจะออกจากเมืองก็ได้มีบางคนที่ใจดีหยุดเดินและตบมือให้  อีกอย่างพวกพระจากโบสถ์นั้นก็ได้มาสาดน้ำมันต์ให้กับเด็กๆเหล่านี้ด้วย

“ เด็กๆ  ให้พระเจ้าอวยพรพวกเธอ ใช้มีดและหอกนั้นจัดการกับสัตว์อสูรด้านนอก  ไปเผยแพร่ความเป็นมนุษย์  ผู้ที่เชื่อในพระเจ้านั้นจะปลอดภัยอย่างแน่นอน ! “ - แม่ชีตะโกนออกมา

เสื้อผ้าและหน้าของ จางเทีย โดนน้ำมนต์นั้นแฉะไปหมด  โบสถ์นี่บูชาเทพแห่งดวงอาทิตย์  ประเทศนี้เต็มไปด้วยโบสถ์และโรงเรียนที่เกิดจากโบสถ์นี้เต็มไปหมด บอกเลยว่าเจ้าหน้าที่บางคนนั้นเป็นคนของโบสถ์นี่แต่ถึงยังไงพวกเขาก็ไม่ได้ไปริดรอนสิทธิคนอื่น  พวกเขากลับเรียกตัวเองว่าผู้ศรัทธา ถ้าให้ แบร์ลี่ พูดล่ะก็พวกเขาก็แค่กลุ่มบัดซบที่อยากเอาความเชื่อของตัวเองมาเผยแพร่

“ พระนั่นกินแต่เหล้าและมั่วผู้หญิง แม่ชีเองก็ไม่ได้ซิงแล้วด้วย ! “ – เมื่อเดินผ่านกลุ่มพระพวกนี้ ฮิสต้า เด็กลามกก็พูดกับ จางเทีย เบาๆ  - “ ดูตาของแม่ชีกับคิ้วเธอสิน ฉันบอกเลยว่าสองคนนั่นเพิ่งเอากันมาแล้วอยากทำอีก  เหี้ยเอ้ย นี่พวกเขาคิดจริงๆรึว่าเรายังซิงอยู่ ? “

“ นายรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ ? “ - จางเทีย อึ้งจริงๆ

“ แน่นอน ถ้านายใช้เวลากับผู้หญิงเยอะเหมือนฉัน นายจะบอกมันได้ง่ายๆเลยว่าพวกเขาเพิ่งเอากันรึเปล่า ดูจากแค่ตานี่แหละ ฉันบอกได้เลยด้วยซ้ำแค่ใช้ลิ้นของฉันบอกแทนเนี้ย.. “  -  ฮิสต้าตอบกลับ

“ นายบอกคนโดยใช้ลิ้นได้ยังไง ? “ - จางเทีย สงสัย

“ ถ้านายจูบพวกเขา นายจะรู้ว่าผู้หญิงที่เอาบ่อยๆน่ะลิ้นจะเย็น ... “ – ฮิสต้า ตอบกลับด้วยความมั่นใจ

เมื่อได้ยินคำพูดของ ฮิสต้า จางเทีย ก็หมดคำพูดทันที

……

จางเทีย และเด็กคนอื่นๆเดินมาได้ถึงครึ่งเมืองแล้ว ระหว่างทางพวกเขาก็ได้พบกับเด็กจากโรงเรียนอื่น  หลังจากที่ทักทายกันแล้วทุกคนก็ได้มุ่งหน้าไปที่จุดหมาย  มีเด็กกว่า 10,000 คนในเมือง เป็นธรรมดาที่ไม่ใช่ทุกคนจะไปยังหุบหมาป่าเพื่อทำการฝึกเอาตัวรอด พวกเขาจะอยู่กระจัดกระจายกันไปโดยห่างจากเมือง 50-80 กม.  หลังจากที่กำหนดที่แล้ว ความยากในพื้นที่เหล่านั้นที่ใช้ในการฝึกก็ไม่ได้ยากมากมายจนเกินไป ดังนั้นทุกปีก็จะมีตัวแทนโรงเรียนได้มาเลือกสถานที่โดยใช้การสุ่ม ปีนี้โรงเรียนนานาชาติแห่งที่เจ็ดได้หุบเขาหมาป่ามาซึ่งมันก็ไม่ได้ถือว่าแย่รึดีอะไร  หุบเขานี้ห่างจากเมืองไป 70 กม. มันไม่ได้ปลอดภัยรึอันตรายจนเกินไปด้วย

ในตอนที่ จางเทีย และเพื่อนผ่านลานกลางเมืองมา  จางเทีย ก็มองไปที่ตู้จดหมายเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะบอกตัวเองให้ลืมเรื่องนี้  20 นาทีให้หลังตอน 8 โมงเช้า พวกเขาก็ได้มาถึงประตูทิศตะวันตกของเมืองและไม่นานก็เดินออกจากเมืองนี้ไป

ในตอนที่ผ่านประตูเมือง จางเทีย รู้สึกได้จริงๆว่ากำลังเดินเข้าไปในรังหนู  ข้างในอุโมงค์ของประตูนั้นกว้างถึง 50 ม. มีแสงสลัวๆพร้อมกับคบไฟที่ห้อยไว้อยู่ตามทาง  เมื่อออกจากเมืองมาแล้วเด็กทุกคนต่างก็ช็อคกับภูเขาแบล็คฮ๊อตซึ่งบิดเบี้ยวไปมาอย่างกับมังกรที่ตั้งอยู่ตรงหน้าทุกคน  ฉากนี้ทำให้ลืมหายใจกันเลยทีเดียว  โดยเฉลี่ยแล้วภูเขาจะสูงกว่า 10,000 ม.และยอดของภูเขานั้นมีหิมะ  มีเงาอินทรีย์หลายตัวที่บินว่อนไปทั่วฟ้าเพื่อมองหาเหยื่อของพวกมัน

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.