spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 66: ลอร์ดและเหตุการณ์ครั้งใหญ่
ในยุคนี้ยศอย่าง ‘ ลอร์ด นั้นไม่ใช่จะเรียกใครได้ง่ายๆ อย่างน้อยๆในเมืองแบล็คฮ็อตและในเมืองพันธมิตรอันดามันแล้วก็ไม่มีใครได้สิทธินั้น แม้ว่าประธานของพันธมิตรอันดามันที่ซึ่งเป็นเจ้าของเมืองอันดามันและเป็นหัวหน้าครอบครัวอันดามัน คนที่รวยที่สุดและมีสิทธิมากที่สุดในพันธมิตรอันดามันที่ใช้ชื่อครองครอบครัวมาตั้งเป็นชื่อพันธมิตรก็ยังถูกเรียกแค่ว่า ‘ ผู้ทรงเกียรติ ‘ แต่ไม่ใช่ลอร์ด
จริงๆแล้ว จางเทีย ไม่กล้าที่จะไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้แต่ะเพราะความเกลียดชังที่มีต่อโจรผ้าพันคอแดงและสิ่งที่เขาได้รับในเมืองหลังจากเรียนมาหลายปี ในที่สุดเขาก็เลือกที่จะส่งคำเตือนไปยังทหาร นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาทำได้แล้ว สำหรับว่าจดหมายนั้นจะโดนโยนทิ้งรึเปล่านั้น จางเทีย ไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวข้องกับเขาอีกต่อไป ในกรณีเลวร้ายที่สุดแล้วเมืองนี้คงต้องเปลี่ยนผู้ดูแล โจรผ้าพันคอแดงนั้นก็แค่เครื่องมือของคนมีอำนาจ พวกเขาจะไม่ได้กลายเป็นผู้ดูแลเมืองนี้
คนที่ไม่มีอำนาจนั้นควรจะไปสนใจธุระของตัวเองดีกว่า !
สำหรับ จางเทีย เขารู้สึกว่าเขาควรที่จะสนใจการฝึกเอาตัวรอดที่จะเริ่มในวันพรุ่งนี้ดีกว่า เรื่องอื่นนั้นคงไม่ใช่เรื่องใหญ่
ค่ำคืนอันเงียบสงบได้ผ่านพ้นไป....
ในตอนที่เขาตื่นเช้าวันต่อมา เขาเห็นว่าแม่และพ่อนั้นตื่นขึ้นมาแล้ว ตาของแม่ดูแดงและบวมเล็กน้อย เธอได้เตรียมข้าวเช้าให้ จางเทีย ส่วนพ่อของเขานั้นกำลังไปเช็คของให้เขาอีกรอบ
“ กินอีก กินจนกว่าจะมีแรงพอเดินทางได้นานๆ ! “
เขาก้มหน้าลงตลอดเวลา จางเทีย ไปล้างหน้าและแปรงฟันก่อนจะไปกินข้าวเช้า เขารู้สึกสลด เขาใส่เกราะป้องกันและเข็มขัดพร้อมกับแบกเป้ที่เตรียมไปใช้ฝึกที่พ่อแม่เตรียมไว้ให้ เขาใส่หมวกเข้าไปพร้อมกับเอาดาบที่พ่อซื้อให้นั้นเหน็บไว้ข้างลำตัวและมีหอกอีกอันเหน็บไว้ที่หลัง อีกอย่างเขามีมีดที่พี่ชายเขาให้มานั้นเหน็บอยู่ที่เข็มขัดแล้วด้วย
เขายืนอยู่ตรงนั้นก่อนจะเขย่าตัวสองรอบเพื่อเช็คว่าทุกอย่างนั้นจะไม่ตก แม้ว่าเขาจะแบกของกว่า 20 กก.แต่ จางเทีย ก็ยังเคลื่อนที่ได้อย่างสบายๆ เขาฝืนยิ้มออกมาและพูดขึ้น – “ พ่อ แม่ ไม่เป็นไรน่า ผมไปละ พ่อแม่ไม่ต้องกังวลหรอก ผมไม่เป็นไรแน่ ! “
“ กูกู เดี๋ยว ... “- ก่อนที่ จางเทีย จะเดินออกไป แม่ก็ได้เข้ามาหยุดเขาเอาไว้ น้ำตาเริ่มไหลอาบลงมาก่อนที่แม่จะช่วยจัดชุดให้กับเขาและพูดขึ้นเบาๆ – “ จำไว้ให้รีบกลับมา อย่าไปทำตัวอวดคนอื่น.. “
“ ผมเข้าใจแล้ว แม่ ! “ - จางเทีย รู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ ถ้าเขาไม่รีบออกจากบ้านตอนนี้ เขาคงเสียหน้าแน่ๆ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะกอดแม่กับพ่อเอาไว้ เขาก้มหน้าลงและหันไปอีกด้านเปิดประตูออกและเดินออกจากบ้านที่เขาอยู่ด้วยความอบอุ่นมาตลอด 15 ปีทันที
ในตอนที่เขาปิดประตูเขาก็ได้ยินเสียงสะอื้นของแม่.....
ข้างนอกนั้นยังคงมืดอยู่ เพราะมีดวงดาวหลายดวงอยู่บนท้องฟ้า หลังจากที่ปาดน้ำตาแล้ว จางเทีย ได้เดินมุ่งหน้าตรงไปที่โรงเรียน หลังจากเดินมาได้ 100 ม. อยู่ๆ จางเทีย ก็รู้สึกได้ถึงบางอย่าง เขาหันกลับไปมองและเห็นแม่กับพ่อนั้นจับมือกันมองมาที่เขาท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่เพิ่งสาดส่องออกมา เขาโบกมือให้กับทั้งคู่และอดไม่ได้ที่จะน้ำตาซึมออกมา
……
ในตอนเช้าของวันนี้ฉากแบบนี้มีให้เห็นเกือบทั่วทั้งเมือง เด็กหนุ่มที่อายุเกือบจะเป็นผู้ใหญ่ต้องออกจากบ้านพร้อมกับเป้าใบใหญ่ที่หลังและอาวุธที่ถือในมือก่อนจะบอกลาพ่อแม่ตัวเองที่ยืนร้องไห้อยู่ที่ประตูบ้าน ด้วยการที่ไม่มีกำแพงเมืองคอยปกป้องแล้วพวกเขาต้องเจอกับความยากและความท้าทายของยุคนี้
ทุกปีเมืองนี้จะมีเหล่าวัยรุ่นบางคนที่ไม่อาจกลับบ้านมาได้อีก สำหรับบางคนนั้นอาจจะหมดความหวังในการมีชีวิตต่อ
ในตอนที่เดินทางไปโรงเรียน จางเทีย ได้เห็นเหล่าเด็กมากมายที่เป็นเหมือนเขาเดินไปที่โรงเรียนพร้อมกับเป้และอาวุธที่มีติดตัว
ในตอนที่ จางเทีย มาถึงโรงเรียน เขาก็เห็นว่านักเรียนกว่าครึ่งนั้นมาถึงที่นี่แล้วและกำลังไปนั่งพักอยู่ที่พื้นที่ฝึก ตามตารางแล้วพวกเขาต้องออกจากนี่ตอน 7.30 ดังนั้นจึงมีเหล่าเด็กมากมายที่มาที่นี่ก่อน 7 โมง นอกจากกระเป่าเป้แล้วแต่ละคนต่างก็มีอุปกรณ์ต่างๆติดตัวมา เด็กเหล่านั้นต่างก็พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องการฝึกที่ได้รับมา เมื่อได้ยินเสียงนั้น จางเทีย ก็ไม่ได้รู้สึกเศร้าอีกต่อไป
ในตอนที่เขามาถึง จางเทีย ได้เห็น แบกแดด และ ชอร์วิน ที่ซึ่งมาถึงก่อนหน้าเขา เขามองไปที่ขวานอันใหญ่ซึ่งห้อยอยู่ที่ไหล่ของ แบกแดด จากนั้นจึงมองกลับมาที่ดาบของตัวเอง เขาช็อคถึงความต่างนี่จนพูดอะไรไม่ออก
ในพื้นที่ฝึกการแต่งตัวและอาวุธของ แบกแดด นั้นดูสะดุดตา ด้วยการเปิดไหล่ฝั่งหนึ่งออกทำให้เห็นกล้ามเนื้อสีเข้มเผยออกมา เกราะนั้นมีไว้แค่ปกป้องไหล่ขวาและหัวใจของเขาและมีขวานที่หนักอย่างน้อย 30 กก.ห้อยอยู่ที่ไหล่ของเขาด้วยทำให้ดูแล้วเขาเทห์ซะเหลือเกิน ในทางกลับกัน จางเทีย กับ ชอร์วิน นั้นก็ดูเหมือนคนทั่วๆไป กระเป้า, เกราะหนัง, เข็มขัด, พลั่ว,และดาบ จางเทีย รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับของของ ชอร์วิน เพราะพวกมันดูถูกใช้งานมาหนักมาก เอาดาบสั้นเป็นตัวอย่าง ฝักของมันมีรอยแตกและเผยให้เห็นถึงคมด้านใน อีกอย่างเกราะหนังเองก็เล็กเกินตัวของ ชอร์วิน และยังพลั่วอะลูมิเนียมอีก จางเทีย สาบานว่าเขาไม่เคยเห็นพลั่วแบบนี้มาก่อน แม้ว่าเขาจะรู้ว่าครอบครัวของ ชอร์วิน นั้นจนแต่เขาก็ยังไม่เชื่อสายตาตัวเอง นี่มันเกินไปแล้ว ! จางเทีย ด่าพ่อของ ชอร์วิน ในใจอยู่หลายรอบเลยทีเดียว
ชอร์วิน ที่ยืนอยู่ข้างๆ แบกแดด รู้สึกอายขึ้นมา เขาก้มหน้าลงและทำเป็นปัดมือ ในเวลาเดียวกัน แบกแดด ก็เหมือนจะไม่พอใจ
“ พ่อนายนี่เกินไปจริงๆ ! เขาเอาของห่วยๆแบบนี้ให้นายได้ยังไง ? ! ถ้าเอาเงินที่นายทำให้ครอบครัวมาหลายปีนี่มาคิด นายควรได้ของที่นายต้องการ ลองดูไอ้ที่เรียกว่าดาบนี่สิ มันสนิมกินหมดแล้ว มันเป็นประกายเพราะเอาไปลับมาจนมันบางเนี้ย มันใช้งานไม่ได้ด้วยซ้ำเพราะมันบางเกินไป นี่มันเกินไปหน่อยละ ! ตอนเรากลับมา เราต้องไปบ้านนายและสั่งสอนบทเรียนเขาหน่อย.. “
“ ช่างเถอะ ฉันยังมีน้องอีกหลายคน พ่อฉันเลยเก็บเงินให้ฉันไม่ได้มาก มีแค่นี้ฉันก็พอใจแล้ว... “ – ชอร์วินพูดขึ้นเสียงเบาๆ เขาดูเศร้าและเสียใจ
เมื่อเห็นว่า ชอร์วิน นั้นเศร้า จางเทีย ก็เดินเข้าไปหาอีกฝ่าย เขาไม่พูดอะไรและดึงดาบออกมาจากเอวของ ชอร์วิน เขาดูดาบนั้นและโกรธขึ้นมา มันเหมือนกับที่ แบกแดด พูดเอาไว้ เรียกไอ้เหล็กนี่ว่าดาบได้ด้วยเหรอ ? มันคือแท่งเหล็กบางๆชัดๆ ! แค่จับมันยังรู้สึกได้ถึงความไม่มั่นคง มีรอยข่วนเต็มไปทั่วดาบเพราะโดนสนิมกิน หลังจากที่เอามันไปลับแม้ว่ามันจะเป็นประกายขึ้นมาบ้างงแต่มันก็ยังบางกว่าแต่ก่อนอีก เมื่อถือมันไว้ จางเทีย แทบไม่รู้สึกอะไรเลย การจะเอามันไปใช้ฆ่าไก่ก็ยังต้องออกแรงเยอะ นี่คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องเอาไปใช้กับสิ่งอันตรายที่อยู่นอกกำแพง
จางเทีย ปลดดาบของเขาออกและเอาให้กับ ชอร์วิน – “ เอาของฉันไป ! “
“ ไม่ ไม่จำเป็นหรอก ฉันใช้นี่ได้ ! “ - ชอร์วิน รีบปฏิเสธเพื่อที่จะเอาดาบคืน
จางเทีย ไม่พูดอะไรและโยนดาบของ ชอร์วินทิ้งแล้วทำให้มันหักเป็นสองส่วน เมื่อเห็นว่าดาบของตัวเองหัก ชอร์วิน หน้าซีดลงทันที เขาไม่พูดอะไรและกัดปากตัวเองแน่น เขาดูสลดมากกว่าเดิม
จางเทีย ตบไหล่ ชอร์วินและตบมีดที่เอวของเขา – “ เชื่อฉันได้น่า ใช้ของฉันไป ฉันยังมีมีด อีกอย่างฉันยังมีหัวหอก ถ้าฉันเจอไม้และใส่มันเข้าด้วยกัน ฉันก็ได้หอกมาแล้ว ด้วยการมีหอกกับมีดนี่ เราเจ็ดคนแน่นอนว่าต้องเอาตัวรอดไปได้แน่ ! “
ในที่สุด ชอร์วิน ก็พยักหน้า เขาทำตาโตและมองไปด้านหลัง จางเทีย จางเทีย ได้ยินเสียงเอะอะด้านหลังและหันกลับไปพบว่าไอ้อ้วน แบร์ลี่ กำลังเดินมาหาพวกเขาพร้อมกับเป้ใบใหญ่อย่างกับหลังเต่า เป้ใบใหญ่และอุปกรณ์นั้นทำให้คนฮือฮาขึ้นมา ถ้าเทียบกับของที่ ชอร์วิน มีแล้ว ของไอ้อ้วนนี่ดูรวยขึ้นมาชั่วพริบตา..