spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 56: การต่อสู้อันชาญฉลาด
จางเทีย พูดขึ้นอย่างฉะฉานทำให้สองคนที่ฟังอยู่รู้สึกว่าคำพูดเขาเชื่อถือได้ เมื่อได้ยืนแบบนั้น สเนซ ก็ได้มองหน้า จางเทีย สักพัก ดูเหมือนว่าเขาพยายามที่จะคิดบางอย่างแต่ จางเทีย ทำท่าราวกับว่าเขาไม่ได้มีอะไรปิดบัง ตาของเขาจ้องไปที่กระเป๋าของ สเนซ จางเทีย กลืนน้ำลายเหมือนกับพวกโลภ
“ งั้นให้เราไปที่บ้านแกด้วยมั้ย ? ถ้าเราปล่อยแกไป มันคงยากที่เราจะหาแกได้อีก เราแค่นักผจญภัยทั่วไป เพราะเราเพิ่งเคยมาเมืองนี้ เราเลยไม่คุ้นกับเส้นทางเท่าไหร่ ! “ - สเนซ มองไปที่ จางเทีย แล้วอธิบายออกมา
จางเทีย ทำท่าคิด – “ ได้ ! แต่นายต้องจ่ายฉันมาก่อน 3 ...ไม่สิ 5 ทองล่วงหน้า ยังไงซะฉันก็เก็บไอ้นั่นเอาไว้ให้นาย ถ้านายอยากได้มันคืน นายก็ต้องจ่ายเงินให้ฉันอยู่แล้ว.. “
สเนซ หันกลับไปมอง ฮัค จางเทีย บอกได้เลยว่าในตอนที่สองคนนั้นมองกันน่ะมีแววตาแห่งความโหดเหี้ยมอยู่ นอกจากนี้มุมปากของ ฮัค ยังยกตัวขึ้นแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจในตัว จางเทีย
“ ได้ นำทางไป ! “ – ในเสี้ยววินาที จางเทีย ก็ได้เงิน 5 ทองมาไว้ในมือ จางเทีย กำมันทันทีแล้วรีบโยนมันใส่กระเป๋า จากนั้นเขาก็ชี้ไปยังของที่โต๊ะ – “ ไอ้นั่นเอาคืนได้มั้ย ? “
“ แน่นอน .... “
เพราะ จางเทีย คิดไว้อยู่แล้ว พวกนี้น่ะอยู่ในโรงแรมนักผจญภัยที่อยู่ด้านขอบทิศตะวันตกของเมืองใกล้ๆกับสถานีรถไฟ ฮัค และ สเนซ น่ะเลือกที่จะอยู่แบบไม่ให้ใครมาสนใจ จางเทีย ไม่รู้ว่าพวกนี้แบกเขาขึ้นมาได้ยังไง สำหรับนักผจญภัยที่มักจะอารมณ์ร้อนและมีพฤติกรรมแปลกๆแล้ว มันคงมีหลายทางที่จะจัดการ เขาคงให้ ฮัค ที่ตัวใหญ่นั้นเอา จางเทีย ซ่อนไว้ในผ้าคลุมแล้วแบกเข้ามาโดยไม่ให้ใครสงสัย ในตอนที่แบกเข้ามานั้น จางเทีย ยังคงไม่ได้สติแต่ตอนออกไปเนี้ย สเนซ ได้ให้ จางเทีย ใส่ผ้าคลุมและหมวกเพื่อปิดบังใบหน้า ดังนั้นแล้ว จางเทีย จึงได้ออกจากโรงแรมไปพร้อมกับชายสองคนนั้นเหมือนกับว่าเป็นเพื่อนที่มาด้วยกันจึงเป็นธรรมดาที่จะไม่มีใครสงสัย
สเนซ เอื้อมมืออกมาวางไว้ที่คอของ จางเทีย ราวกับเป็นเพื่อนกันจนทำให้ จางเทีย รู้สึกกระอักกระอ่วน แทนที่จะรู้สึกว่าโดนมือมาวางไว้ที่คอแต่เขารู้สึกเหมือนมีงูพิษนั้นมาเลื้อยที่คอเขาแทน สเนซ น่ะมีกลิ่นน่าขยะแขยงและคาว จางเทีย ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่มีดของอีกฝ่ายจะมาเฉือนลำคอเขา แม้ว่า จางเทีย จะเป็นนักสู้ระดับ 1 แล้วแต่เขาก็ยังคงไร้พลังราวกับทารก จางเทีย ไม่รู้ว่าสองคนนี้อยู่ในระดับ 6 รึ 7 เขารู้แค่ว่าพวกมันสามารถฆ่าเขาได้ง่ายๆ ดังนั้นเขาจึงไม่มีหวังเลยที่จะต่อต้านพวกนี้ได้ ถ้าเขาต้องการที่จะรอดไปในคืนนี้ เขาคงต้องทำอย่างอื่นแทน
“ เพราะเรามาใหม่ เราเลยรู้สึกค่อนข้างเครียด เราอาจะทำให้คนอื่นเจ็บตัวเพื่อปกป้องตัวเองก็ได้ ไม่ว่าเราจะไปเจอใคร นายอย่าทำให้เรากังวลจะได้มั้ย ? นี่เป็นผลดีต่อเราทุกคน “ - สเนซ บอกกับ จางเทีย ในตอนที่เดินออกจากโรงแรม
จางเทีย พยักหน้าแต่หัวของเขานั้นครุ่นคิดหาทางอยู่
นี่มันก็เกือบ 3 ทุ่มแล้ว อีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะเคอร์ฟิว ดังนั้นจึงมีผู้คนจำนวนมากตามท้องถนน จางเทีย และ สเนซ ดูสนิทกันมากเพราะเดินกอดคอกันโดยมี ฮัค เดินตามที่ด้านหลัง พวกเขากำลังมุ่งหน้าไป ‘ บ้าน ‘ ของ จางเทีย ตามทางนั้นพวกเขาได้เจอกับทหารสองกลุ่ม จางเทีย รู้ว่าทหารเหล่านี้คงช่วยเขาไม่ได้ ดังนั้นเขาเลยไม่ได้เรียกร้องความสนใจอะไร อีกอย่างเขากลัวคนพวกนั้นโดนฆ่า ถ้าเป็นแบบนั้นมันคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรอดไปในคืนนี้ โชคดีที่มันยังไม่เกิดเรื่องแบบนั้น หลังจากผ่านทหารสองกลุ่มไปได้ จางเทีย ก็รู้สึกว่า สเนซ และ ฮัค นั้นไม่ได้ตื่นตัวอย่างเดิม บรรยากาศตอนนี้ดูผ่อนคลายลงเล็กน้อยด้วย
“ แผ่นไม้ที่ทำมาจากไม้สนแดงธรรมดาแต่ทำไมมันถึงสำคัญสำหรับนาย ? “ - จางเทีย ถาม สเนซ ราวกับเป็นเพื่อนสนิท
“ นายก็รู้จักนักผจญภัยอย่างเรา บางครั้งเราก็ต้องแลกเปลี่ยนและทำสัญญากับคนอื่น แผ่นไม้นั่นคือเหรียญของเรา เนื่องจากธัญพืชและคุณภาพของวัตถุดิบอื่นๆน่ะแตกต่างกัน ถ้าเราแบ่งมันเป็นสองส่วนและแต่ละครึ่งมีน้ำหนักเท่ากันงั้นหมายความว่าเราได้ไปหาถูกคนแล้ว ในตอนที่เราได้แผ่นไม้นั่นมา เราสามารถที่จะทำงานของเราให้เสร็จสิ้นและกลับไปได้ นายน่ะโชคดีจริงๆที่ได้เงิน 10 ทองมาได้ง่ายๆ... “ - สเนซ ตอบกลับด้วยท่าทีสบายๆ
เมื่อได้ยินแบบนั้น จางเทีย ก็เข้าใจว่าแผ่นไม้นั่นไว้ใช้ทำอะไร เขาเดาว่าสองคนนี้มาหาใครบางคนและเอาแผ่นไม้นั่นเป็นเหมือนเหรียญ แต่พวกเขากลับทำมันหายโดยไม่คาดคิด ดังนั้นแล้วพวกนั้นจึงรีบตามหาตัวเขาเพราะเขาอาจจะเป็นคนที่เก็บแผ่นไม้นั้นไว้
“ ฉันขอโทษจริงๆ ถ้าฉันไม่เดินเข้าไปชนนาย นายคงไม่ทำมันหาย งั้นลดเหลือสัก 8 ทองเป็นไง ? “ - จางเทีย พูดแบบอายๆออกมา
“ เราตกลงกันแล้ว ฉันจะให้นาย 10 ทอง นายน่ะโชคดี เราผิดเอง เราจะจ่ายเต็มราคานั่นแหละ ... “
“ โฮ่โฮ่ ขอบคุณมาก เงินพวกนี้ช่วยฉันได้เยอะจริงๆ พ่อแม่ฉันไม่เคยให้เงินมากขนาดนี้ เขาให้ฉันแค่ 20 เงินต่ออาทิตย์ ฉันน่ะนอนกับผู้หญิงได้แค่สองคนเอง.. “
“ ฮาฮา “
“ ฮี่ฮี่... “
สองคนนี้หยอกกันอย่างกับเป็นเพื่อน
“ แกชื่ออะไร ? “ - อยู่ สเนซ ก็ถามออกมาในตอนที่ จางเทีย รู้สึกผ่อนคลาย จางเทีย เกือบบอกชื่อจริงออกมาแต่เขาก็คิดหาแผนเพื่อให้ตัวเองรอดไว้แล้ว เขาเลยตอบกลับทันที
“ ฉัน ดูเช่าเฟิง.... “ - ไม่นานหลังจากที่ จางเทีย พูดขึ้น เขาก็เอามือปิดปากตัวเองและจ้องไปที่ สเนซ ด้วยท่าทีเร่งรีบ ทำให้ดูเหมือนว่าเขาทำพลาดที่บอกความลับไป ในเวลาเดียวสายตาของ สเนซ ก็เผยให้เห็นความพอใจออกมา – “ เด็กน้อยนี่ยังใสซื่ออยู่ดี “
หลังจากเดินมากว่า 20 นาที พวกเขาก็ได้มาถึงเขตที่ ‘ บ้าน ‘ ของ จางเทีย อยู่
“ นายรอฉันที่นี่ ฉันจะเข้าไปเอาของให้นาย “ - หัวใจของ จางเทีย เต้นรัวแม้ว่าจะพูดออกมาแบบปกติ
“ นี่บ้านแกเหรอ ? “ – เมื่อเห็นทหารยืนประจำอยู่ที่ประตู สเนซ และ ฮัค ก็ดูสลดเล็กน้อย
“ ใช่ พี่ชายฉันเป็นทหารของเมือง นี่คือที่อยู่ของคนที่เกี่ยวข้องกับทหาร ดังนั้นแน่นอนว่าเราอยู่ที่นี่ ... “- จางเทีย ตอบกลับ – “ ก่อนหน้านี้เราก็ไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกแต่ว่าพี่ฉันได้กลายเป็นเจ้าหน้าที่ เขาเลยได้บ้านที่นี่มา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงย้ายมานี่ รอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวฉันจะเอาออกมาให้ ! “
ทันทีที่ จางเทีย จะขยับ สเนซ ก็คว้าเอามือเขาไว้ เขาจ้องมาที่ จางเทีย ราวกับงูจะจับเหยื่อ
“ แกคุ้นกับทหารพวกนี้มั้ย ? “
“ ใช่ ฉันอยู่ที่นี่นิ แน่นอนว่าต้องรู้จักกัน ! “
“ งั้นเขาไปด้วยกัน ! “
“ เอ่อ ... “- จางเทีย ฝืนยิ้มออกมาและพูดขึ้น – “ คนที่อาศัยที่นี่น่ะมีกฎ เพราะพวกนายเป็นคนใหม่ พวกนายเข้าไปตรงๆได้หรอก ฉันจะให้ยามเรียกพี่ฉันออกมาแล้วกัน เขาจะได้พาเราเข้าไปได้ มาสิ ไปหาเขากัน.. “
จางเทีย พูดเสร็จก็เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว....
ทั้งสามคนเดินเข้าไปที่ประตูพร้อมกันแต่หัวใจของ จางเทีย ได้เต้นรัว เขารู้สึกว่าปากเขาแห้งและตาเริ่มเบอล เขารู้สึกเหมือนกับเดินอยู่บนเส้นรวดที่ขึงไว้บนฟ้า เมื่อทหารนั้นไม่ได้พูดอะไรว่ารู้จัก จางเทีย เขาโดนฆ่าแน่ ดังนั้น จางเทีย ได้พนันชีวิตตัวเองกับการที่ สเนซ และ ฮัค นั้นจะกลัวมากกว่าที่ถูกเปิดโปงว่าพวกนั้นเป็นใคร จางเทีย รู้สึกว่าสองคนนี้กลัวพวกทหาร เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เจอทหารตามทาง จางเทีย รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า สเนซ น่ะจะกำคอเขาแรงขึ้นกว่าเดิม ทหารธรรมดาของเมืองนั้นอาจโดนสองคนนี้ฆ่าได้ง่ายๆแต่เจ้าหน้าที่กองทัพของเมืองนั้นล้วนแต่อยู่ระดับ 5 ขึ้นไป สำหรับคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ซึ่งเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ของกองทัพแล้ว มักจะมีนักสู้ที่ฝีมือดีหลายคนอยู่ด้านใน ดังนั้น จางเทีย ไม่เชื่อว่าสองคนนี้จะกล้าเข้าไปข้างในกับเขา จางเทีย รู้ดีว่าเขาอาจจะมีโอกาสรอดไปได้ในคืนนี้ถ้าพวกนี้ไม่กล้าเข้าไปกับเขา ถ้าเขาพาสองคนนี้ไปบ้านเขาจริงๆ เขาคงโดนฆ่าแน่นอน ถ้าพวกนี้ไม่ได้แผ่นไม้กลับไป พวกนี้ก็จะฆ่าเขาเช่นกัน
เขาเรียนรู้เรื่องนี้มาจาก ดอนเดอร์ ตอนที่ทำงานอยู่ร้านของชำมากกว่า 2 ปี ในตอนที่เอาเบคอนให้คนสิ้นหวัง คุณจะได้ความหวังกลับมาด้วยในตอนที่สิ้นหวัง คุณควรจะทำให้ตัวเองมีประโยชน์สำหรับคนอื่น อย่าทำตัวไร้ค่า นี่คือกุญแจหลักในการแก้ปัญหา
ถ้าสองคนนี้เชื่อใจเขา พวกนี้จะปล่อยให้เขาเข้าไป จากนั้นเขาก็หนีออกไปทางประตูอื่น
ทหารที่ยืนอยู่ที่ประตูนั้นเข้าใกล้พวกเขาเรื่อยๆ แม้ว่า จางเทีย จะทำท่าใจเย็นแต่เขาก็เพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆเช่นกันเพื่อจะได้เข้าใกล้ทหารให้ได้มากที่สุด...
60 ก้าว......
50 ก้าว......
40 ก้าว......
30 ก้าว......
เมื่อเห็นทั้งสามคนเดินเข้ามาใกล้ ทหารก็ได้มองกลับมา ในที่สุดเมื่อห่างประมาณ 20 ก้าว ไหล่ของ จางเทีย ก็รู้สึกโดนบีบแรงขึ้นและ สเนซ ก็บังคับให้เขาเปลี่ยนทาง
“ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว .. “ - สเนซ พูดขึ้นซึ่งทำให้ จางเทีย ผ่อนคลายลงทันที – “ เรานักผจญภัยน่ะไม่ชอบยุ่งกับพวกใส่เครื่องแบบเพราะมักจะมีเรื่องยากๆให้เราไปยุ่งด้วย มาหาทางอื่นกันดีกว่า ! “
“ ไม่ มันง่ายๆเอง ! “ - จางเทีย อธิบายด้วยท่าทีงุนงง – “ ฉันก็เข้าไปแล้วเอาออกมาให้พวกนาย รึไม่ก็พวกนายไปกับฉันแล้วไปเอาด้วยกัน... “
“ สเนซ ฉันรู้สึกว่าเด็กนี่มีอะไรแปลกๆ .. “- ฮัค พูดขึ้นมาด้วยท่าทีน่ากลัวและนั่นทำให้ จางเทีย ใจสั่น...
ในมุมมืดของถนน สเนซ ได้มองมาที่ จางเทีย ด้วยท่าทีเย็นชา – “ ฮัค จับตาดูไอ้เด็กนี่ไว้ ฉันจะลองไปดูรอบๆและดูว่ามันพูดจริงรึเปล่า .... “
ทันใดนั้น สเนซ ก็ได้เดินออกไปทันที ฮัค นั้นได้เอามือมาวางที่คอของ จางเทีย – “ เด็กน้อย ฉันรู้สึกได้ถึงบางอย่างผิดปกติ อย่าตุกติก ไม่งั้นฉันหักคอแกแน่... “
จางเทีย รีบพยักหน้า...
10 นาทีต่อมา สเนซ ก็กลับมาด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน – “ กลับไปก่อน.. “
“ ให้ฉันไปสิ ให้ฉันสักสองนาทีและฉันจะเอาออกมาให้นายเอง ! “
“ หุบปาก ! “ - สเนซ ตอกกลับมา ในเวลาเดียวกัน ฮัค ก็บีบคอเขาแรงกว่าเดิมทำให้หน้าของ จางเทีย เปลี่ยนเป็นสีม่วงทันที...
“ อย่าให้มันตาย กลับไปแล้วค่อยจัดการมันทีหลัง.. “
……
จากนั้นทั้งสามคนก็ได้กลับไปที่โรงแรมก่อนหน้าโดยใช้เวลาน้อยกว่าที่เดินทางมาที่นี่ ในตอนที่กลับไปนั้น ฮัค และ สเนซ ทั้งคู่ต่างก็เงียบพร้อมกับมองมาที่ จางเทีย ด้วยท่าทีที่หงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม ผลก็คือ จางเทีย รู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม เขารู้ว่าแผนของเขาพังและในตอนนี้มันคงส่งผลกับความเป็นความตายเขาแล้ว....