หน้าแรก > Castle of Black Iron
Chapter 51: ลางสังหรณ์

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

Chapter 51: ลางสังหรณ์

ในอาทิตย์สุดท้ายในโรงเรียน  ไม่ใช่แค่เด็กๆที่ต้องเตรียมตัวไปฝึกเอาตัวรอดแต่เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนเองก็ด้วย  พวกเด็กๆต่างก็รู้สึกกังวลถึงความปลอดภัยของพวกเขาเพราะมีคนตายทุกปีในการฝึกนี้  นี่ไม่ใช่ทริปการเดินทางท่องเทียวป่าแต่เป็นการทดสอบความสามารถในการเอาตัวรอดในยุคโหดร้ายแบบนี้  โลกภายในกำแพงนั้นแตกต่างจากโลกข้างนอกอย่างสิ้นเชิง

ในเช้าวันจันทร์ พวกเด็กต่างก็คุยกันอย่างสนุกสนานในตอนที่รอครูแต่คนที่มาถึงครั้งนี้ไม่ใช่ครูพวกเขาอย่างเช่นเคย มันคือเด็กที่จบไปเมื่อปีก่อนๆและตอนนี้ได้เป็นทหารประจำเมืองแห่งนี้

เขาบอกพวกเด็กๆถึงประสบการ์ที่เขาผ่านมาถึงสิ่งที่เขาเห็นการตายของเพื่อนเขาสองคนที่เกิดจากความประมาท พวกเขาถูกฆ่าโดยเห็ดกระดูกขาวที่ดูเหมือนจะไม่มีภัยเลย  ในตอนที่พวกเขาต้มเห็ดและกินมันพร้อมกับซุป ตอนเช้ามาพวกเขารู้สึกอึดอัดและไม่สามารถลุกขึ้นมาได้  พวกเขาโดนพิษจนตายในตอนที่เจอตัว  มีแค่เห็ดกระดูกขาวเท่านั้นที่ต้องสงสัยว่าเป็นสาเหตุทำให้คนเหล่านั้นตาย...

เรื่องนี้ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นนักและเหตุผลของเรื่องนี้ก็เกิดจากเรื่องง่ายๆ  จากที่ดูแล้วพิษของเห็ดนี้ไม่ได้มีรูปปร่างต่างจากเห็ดรูปร่มเลย  ความต่างเพียงอย่างเดียวของมันคือสีเทาที่อยู่ด้านหลังตัวร่ม  เนื่องจากคนที่รับผิดชอบในการหาอาหารนั้นแยกเห็ดสองอย่างนี้ไม่ได้  แม้ว่ามันจะเป็นแค่เรื่องง่ายๆแต่มันก็ทำให้เกิดเรื่องนี้คนและทำให้เด็กๆนั้นขนลุก  ตอนนั้นเองพวกเขารู้สึกได้ถึงความโหดร้ายของการฝึกเอาตัวรอด  ความรู้เรื่องเห็ดนี่ก็เป็นเรื่องที่ถูกสอนในโรงเรียนแต่ถ้าใครจำมันไม่ได้ พวกเขาอาจจะต้องมีส่วนในการรับผิดชอบชีวิตตัวเองรึอาจจะเป็นชีวิตคนอื่น

เด็กทุกคนต่างก็ช็อคเมื่อได้ยินเรื่องนี้  ห้องนั้นดูตั้งใจกว่าที่ครูสอนเป็นหมื่นเท่า   โรงเรียนคงรู้ความต่างเรื่องนี้ดี ดังนั้นนี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงได้จัดคาบนี้ไว้ในจันทร์สุดท้ายเพื่อเตือนพวกเขา

ในตอนที่คาบเช้าหมดลง สมาชิกทุกคนในองค์กรก็เข้าไปล้อม ชอร์วิน

“ ชอร์วิน นายเก็บโน้ตชีวะของสองปีที่แล้วไว้รึเปล่า ? “ – ไอ้อ้วนแบร์ลี่ กดไหล่ ชอร์วิน และถามเขาด้วยความกังวล สมาชิกคนอื่นๆเองก็รอฟังคำตอบด้วยความกังวลอยู่ข้างๆ   เรื่องนี้มันน่ากลัวจริงๆ  ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาจะลืมความรู้ธรรมดามากแค่ไหนในสามปีที่ผ่านมา โลกข้างนอกนั้นอันตรายกว่าที่พวกเขาคิดไว้มาก  โชคร้ายที่กินมันเข้าไปทั้งๆที่เตรียมรับมือกับสัตว์อสูรเวทย์อย่างดีแต่ถ้าคุณตายไปเพราะประมาท คุณก็สมควรที่จะโดนแล้ว

“ อื้อ มีอะไรเหรอ ? “ - ชอร์วิน ถามออกมาด้วยความสับสน

“ มีอะไรงั้นเหรอ ? แน่นอนนายต้องให้เรายืม เราจะอ่านกันดูดีๆ.... “

“ ได้ ไม่มีปัญหา ! “ - ชอร์วิน ตอบกลับโดยไม่ลังเล – “ ฉันทำโน้ตไว้เผื่อแล้ว  มีอีกสองเล่มอยู่บ้าน ฉันจะเอามาให้ถ้าอยากได้ ! “

เมื่อได้ยินแบบนั้นไอ้อ้วน แบร์ลี่ ก็กรอกตา  มีบางอย่างแว๊บขึ้นมาในหัวเขาและเขาก็พูดขึ้น – “ เพื่อน บางทีเราอาจทำเงินจากโน้ตของ ชอร์วิน ได้ ! “

สมาชิกทุกคนเองก็ตระหนักเรื่องนี้เหมือนกัน  แม้แต่ จางเทีย เองก็ยังชื่นชมความคิดของ แบร์ลี่ แต่แผนที่จะทำเงินนั้นก็ล้มเหลวในตอนบ่าย  ในตอนที่ แบร์ลี่ วางแผนจะเพิ่มราคาสมุดโน้ต เบอร์วิค ก็ทำสร้างเรื่องอีกครั้ง

...

“ เร็วเข้า ไปหา เบอร์วิค  เขาได้ก็อปโน้ตคาบชีวะให้เราโดยทำเป็นหนังสือว่า  < การวิเคราะห์อันตรายของสิ่งต่างๆในการฝึกเอาตัวรอด >  เขาให้ฟรีๆด้วย ไปกันๆ ! “

เด็กคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาในตอนที่พักเบรก  เมื่อได้ยินคำพูดของเขาแล้วก็ทำให้เด็กในห้องวิ่งออกจากห้องไปเหลือแต่คนในองค์กรที่ทำได้แต่มองหน้ากัน  หลังจากนั้นสักพัก แบร์ลี่ ก็อ้าปากกว้างและในที่สุดก็ด่าออกมา

ตอนนั้น จางเทีย รู้สึกอึดอัดขึ้นมาในใจ..

ความเร็วและการเตรียมพร้อมของคนที่ชื่อว่า เบอร์วิค นี่ทำให้ จางเทีย ถึงกับช็อค

ด้วย < การวิเคราะห์อันตรายของสิ่งต่างๆในการฝึกเอาตัวรอด > ที่ได้มาทำให้พวกเด็กๆนั้นต่างก็เริ่มเตรียมตัวกับการฝึกในอีกไม่กี่วันซึ่งรวมถึงเตรียมของจำเป็นในการดำรงชีวิตด้วย  แต่ละคนนั้นเอาอาหารตุนไปได้แค่ 5 วันสำหรับการฝึก  สำหรับอาวุธ,กระเป๋า, ยา,รึของอื่นๆ พวกเขาสามารถเอาไปได้เยอะตามที่ต้องการ...

ในวันนั้นกลุ่มของ เกรซ ไม่ได้โผล่มาที่โรงอาหารอีกเลย  มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกนั้นจะมาเบ่งในโรงอาหารได้อีกต่อไป จริงๆแล้วพวกเขารู้สึกกระอักกระอ่วน ดังนั้นเลยไปกินข้าวที่โรงแรมด้านนอกโรงเรียน

“ เดาสิว่าพวก เกรซ ไปกินข้าวที่ไหนตอนบ่าย ? “ – มักจะมีคนตะโกนเรื่องนี้ในตอนที่ต่อคิวกินข้าว  เมื่อได้ยินคำพูดนั้นทุกคนก็เริ่มหัวเราะออกมา

ในทางกลับกัน เบอร์วิค ก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ  ผลก็คือคนจำนวนมากได้เข้าข้างเขาเพิ่มขึ้น

จางเทีย ไม่รู้ว่าทำไม  แต่ว่าตั้งแต่วันจันทร์ หัวใจของเขาเริ่มเต้นแรงขึ้นและมือของเขาก็ชุ่มเหงื่อมากกว่าปกติ  วันนั้นๆเขารู้สึกว่าอยู่ๆก็อ่อนแอโดยไม่มีเหตุผล  ในวันอังคารตอนที่ จางเทีย มาถึงสถานีอีกครั้ง เขาก็พบกับพวกทหารเดินตามเส้นทางอย่างเช่นเคย  เขาเลยถามคนอยู่ใกล้ๆว่าเกิดอะไรขึ้น  กลับเป็นว่ามีหลายคนโดนเผาจนตายในอุบัติเหตุไฟไหม้ใกล้ๆสถานีเมื่อไม่กี่วันก่อน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงได้มีพวกทหารมาประจำอยู่แถวนี้มากขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่มีเบาะแสเลยก็เถอะ

จางเทีย ไปที่ร้านอย่างเช่นเคย  ในตอนที่จัดการบัญชีอยู่นั้นหัวใจของเขาก็รู้สึกวูบขึ้นมาอีกครั้งจนทำให้เขาทำคิดบัญชีผิด  จางเทีย ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นและดีดลูกคิดกลับคืนทั้งหมดก่อนจะเริ่มคำนวณใหม่อีกครั้ง

“ มีอะไรงั้นเหรอ ? “ – ดอนเดอร์ ถามออกมาเมื่อเห็นว่า จางเทีย ดูผิดปกติไป

“ ไม่มีอะไรจริงจังหรอก  แค่ใจลอยนิดหน่อย  ไม่กี่วันที่ผ่านมาหัวใจของผมเริ่มเต้นเร็วขึ้นมาเฉยๆ ! “

“ ใจเต้นเร็วโดยไม่มีเหตุผล ? “ – เมื่อได้ยินแบบนั้น ดอนเดอร์ ก็คิ้วขมวด –“  มีคนในครอบครัวแกมีโรคหัวใจบ้างมั้ย ? “

“ ไม่ ! “

“ แกเคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนมั้ย ? “ – ดอนเดอร์ถามต่อ

“ แกยังซิงอยู่มั้ย ? “

“ บ้า !  “ – จางเทีย ด่าออกมาในใจแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาในตอนที่เห็นหน้า ดอนเดอร์

“ ตอบฉันมา ฉันไม่ได้ล้อเล่น !  “ - ดอนเดอร์ ดูจริงจังมากกว่าปกติซึ่งทำให้ จางเทีย กลัว

“ ยังซิงอยู่ ! “ - จางเทีย ได้แต่ยอมรับ  เขารู้สึกเหมือนกับเสียหน้าแต่ก็พูดเพิ่มออกมา – “ แต่ก็อีกไม่นานหรอก ! “

หลังจากนั้นสักพัก ดอนเดอร์ ก็พึมพำพร้อมกับเอามือลูปหนวด – “ แกเคยได้ยินเรื่องการสัมผัสไถ้ถึงกลิ่นเลือดมั้ย ? “

“ การสัมผัสได้ถึงกลิ่นเลือด ? “ - จางเทีย งง จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ถึงบางอย่างและพยักหน้าทันที - “ ผมเคยได้ยินมาจากเด็กคนอื่น... “

“ คนอย่างเด็กพวกนั้นรู้เรื่องความรู้ลึกลับนี้ได้ยังไง ? “ – ดอนเดอร์ อึ้ง

“ มันเป็นความรู้ลึกลับหรอกเหรอ ? “ - จางเทีย สงสัย – “ หลายคนต่างก็รู้จักมัน ผมเคยได้ยินว่าผู้หญิงน่ะเลือดออกทุกเดือนแต่พวกเธอก็ไม่ได้เจ็บอะไร พวกเธอน่ะแข็งแกร่งจริงๆ “

“ บัดซบ ! “ – บอสด่าออกมาพร้อมกับที่หางตาของเขาบิดเบี้ยว  ในเวลาเดียวกันเขาก็เอานิ้วดีดหน้าผาก จางเทีย ทำให้ จางเทีย เจ็บซะจนสะดุ้ง – “ ฉันหมายถึงการสัมผัสได้ถึงเลือด แกเคยได้ยินมาก่อนมั้ย ?  ไม่ใช่เรื่องไร้สาระ ! ฉันเคยสนุกกับผู้หญิงมากกว่าคนที่แกเห็นอีก ไอ้ห่านี่ ! “

จางเทีย เอามือถูกหน้าผาก  เขาไม่รู้จริงๆว่าเขาผิดตรงไหน  เขาคิดว่าผู้หญิงน่ะแข็งแกร่งเพราะพวกเธอน่ะเลือดออกแต่ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไร

ดอนแดอร์ สูดลมหายใจเข้าลึกๆและรวบรวมสติ  เขาจ้องไปที่ จางเทีย   เขาพูดขึ้น – “ การสัมผัสได้ถึงกลิ่นเลือดน่ะ หมายถึงการที่หมาโชคดีสัมผัสได้ถึงอันตรายรึโอกาส  พวกมันจะรู้สึกเหมือนที่แกรู้สึกวันนี้นี่แหละ  ด้วยการสัมผัสนี้แกจะรู้สึกเสมอว่าหัวใจน่ะเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น  คนที่มีประสาทสัมผัสเฉียบคมรึผู้ชายที่ยังซิงอยู่อาจจะรู้สึกแบบเดียวกับแก  ฉันสงสัยว่าการสัมผัสนี้น่าจะสื่อถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นซึ่งแกคาดไม่ถึง “

จางเทีย หน้าซีด – “ ผมอยู่ในอันตรายเหรอ ? “

“ บอกฉันมา แกได้ไปหาเรื่องคนโหดๆบ้างมั้ย ? “ - ดอนเดอร์ ถามออกมา

 หลังจากคิดสักพัก จางเทีย ก็จำคนอื่นไม่ได้นอกจาก เกรซ – “ สำหรับ แมรี่  ในกรณีเลวร้ายที่สุด เธออาจส่งคนมาอัดฉันแต่มันก็ไม่น่าทำให้ฉันใจเต้นเร็วได้แบบนี้ “

“ เกรซ รึเปล่า ? ดูเหมือนว่าฉันไม่ได้หาเรื่องคนอื่นนอกจากกลุ่มของ เกรซ ! “

“ ฉันไม่แน่ใจ บางครั้งฉันก็ไม่รู้ว่าแกไปหาเรื่องใคร แต่พวกนั้นอยากจะฆ่าแก มีคนที่แข็งแกร่งในทิศตะวันออกที่รู้ว่าจุดกำเนิดของอันตรายน่ะจะเกิดอะไรขึ้นมา  ผลก็คืออันตรายนั้นสามารถหลบเลี่ยงได้ โชคร้ายหน่อยที่ฉันทำแบบนั้นไม่ได้ ! “ - ดอนเดอร์ ส่ายหน้า -  “ เพราะแกรู้ว่ามันจะมาหาแก แกก็ทำได้แค่เตรียมตัวรับมือกับมันเท่านั้น ! “

ดอนเดอร์ พูดเสร็จก็เข้าไปค้นลิ้นชักแล้วหยิบของมาสองอย่างแล้วเอาให้กับ จางเทีย – “ ฉันรู้ว่าแกกำลังจะไปฝึกเอาตัวรอด งั้นฉันจะให้ของขวัญแกสองอย่าง  พวกมันจะช่วยแกรับมือกับอันตรายได้ ! “

จางเทีย ตระหนักได้ว่าของทั้งสองอย่างนี้เป็นของอย่างดี  --- สารหนูอันทรงพลังและมีด  ใบมีดนั้นคมอย่างมากแต่ว่าที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่คมของมันแต่เป็นด้ามจับซึ่งสามารถยิงเข็มที่ชุบพิษงูเข้าใส่ศัตรูได้  ผลก็คือศัตรูที่โดนจะตัวชาไม่อาจเคลื่อนไหวได้  เข็มที่ถูกยิงออกมานั้นทรงงพลังซะจนสามารถแทงทะลุแก้วที่หนากว่า 1 ซม.ได้...

ของสองอย่างนี่เป็นของที่ จางเทีย ไม่มีปัญญาซื้อมาได้แต่สุดท้าย จางเทีย ก็ไม่ได้ปฏิเสธและรับมันไว้

เมื่อเห็น จางเทีย รับมันไปโดยไม่ลังเล  ดอนเดอร์ ก็พยักหน้า...

ในตอนที่ จางเทีย ยืนอยู่ในร้านพร้อมกับคิดถึงสิ่งอันตรายที่จะเข้ามาหาเขา  ฮัค และ สเนซ นั้นยืนอยู่ในตรอกใกล้ๆกับสถานี  มีเด็กกว่า 20 คนยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขา  ยืนต่อเรียงกันแล้วมองไปที่เงินในมือของ สเนซ   แต่ละคนน่ะจะได้ 10 ทองแดงก่อนที่จะเก็บเข้าใส่กระเป๋าและกระจายตัวออกไปทุกทิศทาง  10 ทองแดงอาจจะเป็นจำนวนน้อยๆสำหรับคนธรรมดาแต่มันมากพอสำหรับคนชั้นล่างของเมือง  สำหรับคนจนนั้นอาจจะยอมทำทุกอย่างเพื่อเศษขนมปัง  พวกเขาจะเต็มใจที่จะออกค้นหาคนที่อยู่ใกล้ๆสถานีเพื่อให้ได้เงิน 10 ทองแดงมา  เมื่อพวกเขาหาเป้าหมายเจอ พวกเขาจะได้รับเงินอีก 2 ทองแดงเป็นเงินทั้งหมด 12 ทองแดง....
ในตอนที่พวกเขาหา จางเทีย หลังจากผ่านไปสองวัน ฮัค และ สเนซ ก็ได้คิดวิธีนี้ขึ้นมา  มันยากจริงที่จะหาเด็กในคนจำนวนมากที่เดินเข้าออกสถานี ดังนั้นจากวันจันทร์เป็นต้นไป สองคนนี้ก็ได้เปลี่ยนวิธีโดยคนคิดเรื่องนี้ก็คือ สเนซ  พวกเขาหยุดตามหาแล้วไปจ้างคนอื่นๆแทน  พวกเขาคิดว่า จางเทีย  น่ะน่าจะจดจำได้ง่ายเพราะมีผมและตาสีดำซึ่งเป็นสิ่งทั่วไปของพวกคนจีน

เมื่อเห็นเด็กขอทานพวกนั้นหายไปราวกับหว่านแห  สเนซ ก็ได้ยิ้มออกมา

“ วิธีนี้มันจะได้ผลเหรอ ? “ – ฮัค ถอนหายใจออกมา  ข้างๆเขามี สเนซ ที่หักนิ้วจนเกิดเสียงดังลั่นขึ้นมา – “ สองวันที่ผ่านมาเราหาคนผิดตั้ง 3 คน..”

“ ฉันรู้สึกว่าเราจะได้ตัวเด็กนั่นในไม่ช้า ... “

“ เมื่อเขาเอามันคืนให้กับเราแล้ว ฉันสาบานเลยว่า ฉันจะเอาหัวใจของมันออกมาและบดหัวมันด้วยเท้าของฉัน ... “ – ฮัก พูดขึ้นด้วยท่าทีหงุดหงิด

“ ตามใจแก .. “ – สเนซ หรี่ตาลงแล้วแลบลิ้นออกมาเลียปากตัวเอง  บรรยากาศในตรอกนั้นทั้งดูเย็นชาและโหดร้าย....

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.